ตอนที่ 157 เปิดเผย
” เพี้ยะ!”
”นังสารเลว!”
ม่อี้รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงชราตบไปที่ใบหน้าของสุ่ยเซียง
ในตอนนี้สุ่ยเซียงที่โดนตบหน้านั้นมีสีหน้าที่ดูหวาดกลัว หลังจากที่นางโดนตบหน้าไปแล้วนา งก็คุกเข่าลงไปที่พื้นและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
มู่อี้ไม่ได้รู้สึกสงสารนางในตอนนี้ ไม่ว่านางจะถูกรังแกข่มเหงมากเพียงใดก็ตาม ในเมื่อนาง เลือกที่จะเป็นศัตรูกับมู่อี้ก่อน มู่อี้ก็พร้อมที่จะเป็นศัตรูกับนางด้วยเช่นกัน
คนที่น่ารังเกียจไม่ว่ายังไงก็น่ารังเกียจเสมอ
แน่นอนว่าท่าทีของหญิงชราก็ทําให้ม่อี้รู้สึกไม่พอใจด้วยเช่นกัน แต่ในตอนนี้เขาไม่มีเวลามาจัด การหญิงชราคนนี้
และเมื่อหญิงชราเห็นว่ามู่ลี้ยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมา นางก็คิดว่าเขากําลังรู้สึกกลัวจึงทําตัว หยิ่งผยองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“เจ้านักพรตเต๋ชั่ว ถ้าหากเจ้ายอมคุกเข่าร้องขอหญิงชราผู้นี้แล้วพูดว่า ท่านยายโปรดยกโทษ ให้ข้าด้วยเถอะ ข้าจะไม่เอาเรื่องที่เจ้าล่วงเกินต่อองค์ไทเฮาผู้นี้” หญิงชราจ้องมองมาที่มู่อี้ด้วย สายตาดุดัน
ม่อี้ไม่รู้ว่าหญิงชราผู้นี้เอาความมั่นใจมาจากไหน นางมีพลังที่ซ่อนเอาไว้อย่างนั้นหรือ? หรือว่า มีใครที่คอยหนุนหลังนางอยู่?
“เจ้าเป็นบ้าอะไร?” ม่อี้มองไปที่หญิงชราพร้อมกับส่ายศีรษะจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ทันที
“เจ้า ” หญิงชราไม่คิดว่ามู่อี้จะทําตัวหยิ่งผยองขนาดนี้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองนางอยู่ ในสายตาของเขาเลยและมีท่าทีที่เฉยเมยหยิ่งผยองกับนาง หญิงชราจึงรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“นายหญิงขอรับ ใจเย็นก่อนเถอะขอรับ รอจนกว่าเจ้าหน้าที่ทางการจะมาที่นี่แล้วเราจะได้ เห็นดีกันว่ามันยังกล้าทําตัวหยิ่งผยองอีกหรือไม่?” พ่อบ้านพยายามพูดเพื่อให้หญิงชรารู้สึก สบายใจจากนั้นเขาก็ไปลากเก้าอี้มาให้หญิงชรานั่ง
สายตาของทั้งสองคนในตอนนี้จ้องมองมาที่มู่อื้อย่างไม่ละสายตา คนหนึ่งกลัวว่าเขาจะหนี ออกไปจากที่นี่ส่วนอีกคนกลัวว่าเขาจะทําลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ
มู่อี้ไม่ได้สนใจพวกเขาแต่ทันใดนั้นเขาก็หันศีรษะไปอีกทางด้านหนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ท่านอ ยากจะแก้แค้นหรือไม่?”
ทั่วทั้งห้องนี้กลับสู่ความเงียบทันทีแม้แต่สุ่ยเซียงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ต้องเงยหน้าขึ้นมา ส่วน หญิงชราและพ่อบ้านนั้น ทั้งสองคนต่างก็ต้องมองมาที่มู่อี้ด้วยสายตาที่ดูงุนงง พวกเขาไม่เข้าใจว่า มู่อี้กําลังพูดอะไรอยู่ในตอนนี้และไม่รู้ว่าม่อี้กําลังพูดอยู่กับใคร
” ดูสิ ท่านตายไปแล้วและยังเป็นการฆ่าตัวตายอีกด้วย หรือว่าท่านอยากให้ฆาตกรหนีไปได้?” ม่อี้พูดต่อไป
”เจ้ากําลังพูดอะไรกัน?” ใบหน้าของหญิงชราซีดขาวขึ้นมาทันทีแต่นางก็ยังคงรวบรวมความก ล้าตะโกนใส่มู่อี้อีกครั้ง
“ข้ากําลังพูดกับลูกสะใภ้ของเจ้า” มู่อี้เหลือบมองมาที่หญิงชรา
“เสแสร้งว่าคุยกับวิญญาณได้ เจ้าคุยกับวิญญาณได้แน่นอนถ้าหากว่าเจ้าตายไป” หญิงชราต อบกลับมาด้วยท่าทีเฉยเมย
“นั่นก็จริงคนส่วนใหญ่พูดคุยกับวิญญาณไม่ได้หรอก แต่ลูกสะใภ้ของเจ้าตายไปด้วยความคับ แค้นในใจดังนั้นในตอนนี้ดวงวิญญาณของนางจึงยังไม่ได้ไปสู่ปรโลก เมื่อดวงวิญญาณของนางรู้สึ กสบายใจหรือได้แก้แค้นเท่านั้นนางถึงจะไปสู่สุคติได้” มู่อี้พูดออกมาเบาๆแต่คําพูดของเขาทําให้ งสามคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว ทั้งสามคนรู้สึกขนลุกขึ้นมาเมื่อได้ยินคําพูดของมู่ลี้ ดู เหมือนว่าภายในห้องนี้จะมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติแน่นอน
“เจ้านักพรตเต๋ชั่ว หึ พูดจาไร้สาระ เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่มีคนนับร้อยที่ตายไป เช่นนั้นแล้วที่ นี่คงไม่เต็มไปด้วยดวงวิญญาณจํานวนมากเลยหรือไง” พ่อบ้านที่ยืนอยู่ก็เสแสร้งทําเป็นใจกล้าแต่ ลึกๆในใจของเขานี่เป็นเพียงการให้กําลังใจตัวเองเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่อาจมองเห็นดวงวิญญาณได้สินะ แต่การที่เอาแต่ฝึกฝนในเรื่องที่ไม่ดีมา นานหลายปี ดวงตาของเจ้าก็น่าจะเห็นอะไรบ้างแล้วสิ ในตอนนี้ ” มู่อี้พูดพร้อมกับจ้องมองไป ที่หญิงชราจนนางรู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นเขาก็พูดต่อช้าๆว่า “นางยืนอยู่ข้างๆเจ้าตอนนี้!
“อะไรกัน!”
ทันทีที่มู่อี้พูดจบ หญิงชราก็รู้สึกได้ว่ามีสายลมที่ผิดปกติพัดมาที่ต้นคอของนางทันที มันทําให้ นางรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นร่างกายของหญิงชราก็ดูเหมือนจะเสียสมดุลอย่า งกะทันหันและล้มลงไปที่พื้นทันที
แม้แต่พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆหญิงชราก็รู้สึกตกตะลึงกับคําพูดของมู่อี้และไม่อาจประคองเจ้านาย ของตนเองเอาไว้ได้ทัน สีหน้าของเขาในตอนนี้แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
สุ่ยเซียงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวจนแทบทนไม่ได้ สายตาของนางกวาดมองไป ทั่วห้องในขณะที่ฟันของนางกําลังสั่นกระทบกันจนเกิดเป็นเสียงให้ได้ยินชัดเจน
” ตอนนี้นางอยู่ทางซ้ายของเจ้าแล้ว” มู่อี้จ้องมองมาที่หญิงชราและพูดต่อ
“ไม่ ไม่ อย่าเข้ามานะ” สีหน้าของหญิงชราเปลี่ยนไปทันทีและมือของนางก็ฟาดออกไปทาง ซ้ายของตัวเองอย่างรุนแรง ในตอนที่มู่อี้พูดออกมานั้นนางก็รู้สึกได้ถึงลมเย็นที่พัดมาที่ต้นคอข องตนเองอย่างชัดเจนและความรู้สึกนี้มันทําให้นางหวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ
“ไปทางขวาแล้ว” มู่อี้นั่งลงและพูดออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขากําลังจ้องมองหญิงชราที่กําลัง กระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งและพูดอะไรบางอย่างออกมาเป็นครั้งคราว
“ทางนี้ ทางนี้ เร็วเข้า”
ในตอนนี้มีเสียงดังมาจากภายนอกอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่หญิงชราขอความช่วยเหลือไป มาถึงแล้ว
เป็นชายชราคนหนึ่งที่เดินเข้ามาเป็นคนแรก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเขาเดิน เข้ามาในห้องและเห็นหญิงชราที่นั่งอยู่บนพื้นเขาก็พูดออกมาด้วยความประหลาดใจทันที ” นี่มัน เกิดอะไรขึ้น?”
“นายท่านจ้าว ท่านมาถึงแล้วหรือขอรับ นี่คือนักพรตเต๋ที่ข้าได้แจ้งไป นายหญิงของข้าเมต ตาให้พวกเขาเข้ามาพักอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาไม่เพียงเนรคุณต่อความเมตตาของพวกเรานักพรตเต๋ผู้ นี้ยังพยายามใช้กําลังล่วงเกินนายหญิงน้อย จนนายหญิงน้อยของพวกเราไม่อาจทนรับเรื่องที่เกิด ขึ้นได้และเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของตนเอง ใช่ขอรับนางกัดลิ้นเพื่อฆ่าตัว ตาย” พ่อบ้านก็พูดขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นว่าชายชราเดินเข้ามาในห้องนี้
“นี่มันเรื่องเลวร้ายอะไรกันเหตุใดนักพรตเต๋ถึงทําเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ได้ลงคอ” เมื่อชายชราได้ ยินเช่นนี้เขาก็จ้องมองมาที่มู่อี้ด้วยความโกรธทันที
” ท่านผู้อาวุโส ท่านได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตาของตนเองหรือยังไง อยากจะพูดอะไรก็พูดออก มาได้งั้นหรือ? เหตุใดท่านถึงคิดว่าข้าจะยอมเป็นฆาตกรเพราะเรื่องปัญญาอ่อนเช่นนี้?” มู่อี้จ้องม องไปที่ชายชราและพูดออกมาช้าๆ
” เช่นนั้นเจ้าเป็นใครกัน? ตระกูลดังของพวกเราเป็นตระกูลที่ซื่อสัตย์และปฏิบัติตัวในทางที่ดี มาโดยตลอด นายท่านผู้เฒ่านั้นเสียชีวิตเพราะโรคระบาดไปนานแล้วนายหญิงของข้าจึงต้องเลี้ย งลูกด้วยตัวคนเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นนายหญิงของพวกเรายังเป็นหนึ่งในไทเฮาของฮ่องเต้ องค์ปัจจุบัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้คนในพระราชวังต้องห้ามนั้นต่างก็ให้ความเคารพนายหญิงของพวก เรามากเพียงใด?”
“และเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากที่นายน้อยเดินทางไปที่เมืองหลวงปักกิ่งเพื่อสอบจอหงวน แต่ เขากลับประสบอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิต ในตระกูลของพวกเราจึงเหลือเพียงนายหญิงผู้เฒ่าและนาย หญิงน้อยที่ต้องกลายเป็นหม้ายทั้งที่เพิ่งแต่งงานเท่านั้น แม้ว่านายหญิงทั้งสองคนจะต้องกลายเป็ นหญิงหม้ายไร้สามีแต่พวกท่านก็ยังคงปฏิบัติตามจริยธรรมหญิงทุกประการ ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย ใดๆ ท่านเองก็เห็นว่านายหญิงน้อยของข้านั้นงดงามมากเพียงใด นักพรตเตผู้นี้กลับกระทําการ ชั่วร้ายบีบบังคับจนนางถึงแก่ความตาย แม้ว่าจะมีพยานที่เห็นเหตุการณ์แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับกา รกระทําของตนเอง”
ฝีปากของพ่อบ้านคนนี้ถือว่าดียิ่งนัก เขาพูดเพียงครู่เดียวก็ทําให้ทุกๆคนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและ รู้สึกคล้อยตามคําพูดของเขาไปทันที
หลังจากได้ฟังคําพูดทั้งหมดของพ่อบ้านม่อี้ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
” นักพรตเต๋ ท่านมีอะไรจะพูดหรือไม่?” แม้แต่มู่อี้ก็ยังรู้สึกคล้อยตามเช่นนี้ ชายชราที่มา งก่อนหน้านี้จะไม่รู้สึกได้อย่างไรกัน
ชายชราผู้นี้มีชื่อว่า จ้าวเฉวียน เขาเองก็เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงค่ อนข้างคุ้นเคยกับตระกูลดังเป็นอย่างดี ความจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามที่พ่อบ้านคนนี้ได้ พูดไว้ แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องเสื่อมเสียมาจากตระกูลดัง เลย ไม่ว่าหญิงชราหรือลูกสะใภ้ของนางทั้งสองคนต่างก็ปฏิบัติตัวในทางที่ดีมาโดยตลอด
มู่อี้คือคนนอก แม้ว่าเขาจะเป็นนักพรต แต่ในโลกใบนี้ก็มีนักพรตที่ชั่วช้าอยู่มากมาย
เมื่อเทียบเหตุผลของทั้งสองฝ่ายแล้วการที่จ้าวเฉวียนจะเชื่อในคําพูดของพ่อบ้านก็คงไม่ใช่เรื่ องที่น่าประหลาดใจ
“ดี ในเมื่อพวกท่านคิดว่าข้าเป็นคนลงมือทํา เช่นนั้นก็รออยู่ที่นี่ด้วยกันเถอะ” มู่อี้ไม่ได้รู้สึก ประหลาดใจกับท่าทีของชายชราเพราะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แน่นอนว่าเขาไม่ได้กังวลว่าอีกฝ่ายจะทําอะไรกันเอง เหตุผลที่เขายังอยู่ที่นี่ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ หาทางแก้แค้นให้กับหญิงสาวที่เสียชีวิตบนเตียงนอนอย่างไร้ความยุติธรรมแต่เพื่อทวงคืนความ ยุติธรรมให้กับตัวเองด้วย
“รออะไรกัน? ยังต้องรออะไรอีก?” จ้าวเฉวียนรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาและดูเหมือนว่าเขาจะไม่เข้า ใจว่าทําไมม่อี้ถึงดูสงบนิ่งมากนัก
“รอให้ทุกๆคนมาถึงที่นี่อย่างพร้อมเพรียงกัน” มู่ลี้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย จากที่เขาได้ยินมาก่อนห น้านี้อีกไม่นานคนที่ถูกเชิญมาที่นี่ก็จะมาครบทั้งหมดแล้ว
เมื่อจ้าวเฉวียนมาถึงที่นี่ มู่อี้ก็ไม่ได้ถูกข่มขู่ต่อไป และหญิงชราก็มีท่าทีสงบนิ่งขึ้นมาก แต่สาย ตาของนางยังคงจ้องมองมาที่มู่อี้ด้วยความหวาดกลัวและความกังวลเล็กน้อย
มู่อี้ไม่ได้เสียเวลารอนานนักและหลังจากนั้นไม่นานชายชราจากอีกตระกูลหนึ่งที่อยู่ในหมู่บ้าน แห่งนี้ก็มาถึงและยังมีเจ้าหน้าที่จากทางการด้วยเช่นกัน
“ท่านหัวหน้าชื่อ เป็นเขาขอรับ”
หลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสกุลชื่อมาถึงที่นี่ พ่อบ้านก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม แม้ว่ามู่ลี้ จะพอมีฝีมืออยู่บ้างแต่ในความคิดของเขามูไม่อาจเทียบได้กับหัวหน้าชื่อได้อย่างแน่นอน
พูดได้เลยว่าหัวหน้าชื่อผู้นี้ผ่านประสบการณ์มามากมายตั้งแต่อายุยังน้อยและยังได้รับฉายา ว่ามือเหล็กชื่อ ถ้าหากไม่ใช่เพราะขาของเขาได้รับบาดเจ็บเขาคงไม่ต้องมาเป็นเจ้าหน้าที่ประจํา การอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้แน่นอน
ดังนั้นแม้ว่าหัวหน้าชื่อจะเดินไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องการต่อสู้แล้วไม่มีใครก ล้าดูหมิ่นหัวหน้าชื่อเพราะความพิการของเขาเลย
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” เมื่อชื่ออู่เดินเข้ามาภายในห้องเขาก็เห็นมู่อี้เป็นคนแรกและรู้สึกตกตะลึง ทันที สายตาของเขาแสดงความแปลกประหลาดออกมาทันที แต่จากนั้นเขาก็หันไปมองพ่อบ้าน และถามขึ้นมา
พ่อบ้านบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งและแน่นอนว่ามู่ลี้ย่อมกลายเป็นคนผิดในสายตา ของทุกๆคนเหมือนเดิม
” ท่านนักพรตเต๋ โปรดตามข้าไปที่ศาลพิพากษามณฑลด้วย”
คิดไม่ถึงเลยว่าชื่ออู่จะไม่ได้เข้าจับกุมตัวมู่อื้อย่างรุนแรง แต่เขากลับพูดกับมู่อี้ด้วยน้ําเสียง สุภาพ
ท่าทีของหัวหน้าชื่อทําให้ทุกๆคนที่อยู่ในห้องนี้รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ่อบ้านคนนั้นและเขาก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า ” ท่านหัวหน้าชื่อขอรับ นักพรตเต๋ผู้นี้ชั่วช้าสา มานย์อย่างยิ่ง ทางที่ดีท่านจับตัวเขาเอาไว้ก่อนเถอะขอรับ”
“ข้ารู้ดีว่าควรทําอะไร ต้องให้เจ้ามาสอนด้วยหรือไง?” ชื่ออู่จ้องมองไปที่พ่อบ้านด้วยสายตาที่ เย็นชา และน้ําเสียงของเขาก็เย็นชายิ่งขึ้นไปอีก
“เอ่อ …” พ่อบ้านรู้สึกตกตะลึงจนยืนนิ่งไปทันที เขาเคยพูดคุยกับหัวหน้าชื่อมาหลายครั้ งก่อนหน้านี้แต่อีกฝ่ายก็ยอมทําตามคําขอของเขาเป็นอย่างดีและยังยอมรับเงินของเขาด้วย แต่ ทําไมตอนนี้ถึงเป็นเช่นนี้?
” ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?” มู่อี้จ้องมองไปที่หัวหน้าชื่อและถามขึ้นมา
| ” ท่านนักพรตเต๋าทําให้ข้ารู้สึกตลกแล้ว พวกเราไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ข้าจะรู้จักท่านได้อ ย่างไรกัน?” ชื่ออู่สายศีรษะทันที แต่สีหน้าของเขาก็ไม่อาจซ่อนความผิดปกติเอาไว้ได้
องชื่ออู่กลับนิ่งแข็งไปในตอนนี้ ท่าทีของเขาเริ่มดูไม่เป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่า เขาจะกําลังรู้สึกกังวล
ทุกๆคนในห้องนี้ดูเหมือนจะรับรู้เรื่องชัดเจนว่าท่าทีของชื่ออู่ดูแปลกประหลาดไป
“ดูเหมือนเรื่องของข้าจะถูกเปิดเผยออกไปแล้ว ชายหนุ่มที่ข้าสังหารไปคนนั้นเป็นใค งั้นหรือ?” มู่อื้ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของขุนนางใหญ่” ชื่ออู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กัดฟัน และตอบกลับมา