ตอนที่ 212 ต่อสู้

บทที่ 212 ต่อสู้

หลินชิงเหอไม่รู้เรื่องนี้เลย เธอมาได้ยินจากซูเฉิงน้อยหลังเสร็จจากการทำงานแล้ว

“คุณป้าสองโดนทุบตี คุณย่าก็เลยพาคุณลุงกับคนอื่น ๆ ไปสู้กลับน่ะครับ!” ซูเฉิงน้อยอธิบาย

“แล้วตอนนี้พี่สามกับคนอื่น ๆ อยู่ที่ไหนล่ะ?” หลินชิงเหอถาม

“พี่สามตามพวกเขาไปด้วย ส่วนผมอยู่ดูแลบ้านครับ” ซูเฉิงน้อยตอบ

อย่าตัดสินเด็กชายคนนี้จากพฤติกรรมสุภาพนุ่มนวลของซูต้าหลินเชียว ซูเฉิงน้อยโตมากับชนบทและมักจะต่อสู้กับเด็กคนอื่น ๆ บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาเกาะติดอยู่กับพี่สามของเขา

ดังนั้นพอเขาได้ยินว่าคุณย่ากับคนอื่น ๆ กำลังจะออกไปสู้ เขาก็ไม่รู้สึกตกใจแต่อย่างใด เขาเองก็ไม่กลัวเหมือนกัน

หลินชิงเหออยากจะหัวเราะเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอลูบศีรษะของเด็กชายน้อย “การต่อสู้กันเป็นเรื่องผิดนะ แต่ถ้ามีใครตีหนูก่อน หนูก็สู้กลับได้ ไม่ต้องไปยอมหรอก”

“ผมรู้ครับ ไม่มีใครกล้าตีผมหรอก” ซูเฉิงน้อยเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

เขามีพี่ชายหลายคน คราวที่แล้วมีเด็กที่แก่กว่ามารังแกเขา แต่เขาสู้ไม่ได้ ก็เลยมาบอกพี่สามเงียบ ๆ เมื่อกลับมาถึงบ้าน แล้วพี่สามก็ออกไปสู้กับคน ๆ นั้นให้เขาโดยไม่ต้องพูดอะไร

แน่นอนว่าหลินชิงเหอไม่รู้เรื่องพวกนี้ ต่อให้เธอรู้ เธอก็ไม่พูดอะไร

การสอนลูกของเธออาจจะเป็นเรื่องที่ผิด แต่เด็กผู้ชายต้องถูกเลี้ยงอย่างรู้จักที่จะสู้บ้างเมื่อพวกเขายังเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบท เมื่อเด็กผู้ชายที่ไม่เคยต่อสู้กับคนอื่น ๆ โตขึ้น พวกเขาจะอดคิดไม่ได้ว่าว่าวัยเด็กของตนเองช่างไม่สมบูรณ์นัก

แน่นอนว่าแต่ละคนต้องรู้จักประมาณตนว่าเมื่อไรควรจะพอ

หลินชิงเหอถามเรื่องนี้กับคุณป้าไฉ่ ซึ่งคุณป้าไฉ่ก็รู้เรื่องนี้ หล่อนบอกเธอว่าท่านแม่โจวเรียกหาผู้หญิงจำนวนหนึ่งในหมู่บ้านแล้ว

หลินชิงเหอรู้ดีว่าพวกหล่อนต่างเป็นผู้หญิงในหมู่บ้านที่ร้ายกาจกันทุกคน

เธอจึงหยิบเนื้อที่เหลือจากการซื้อกับเม่ยเจี่ยเมื่อวานลงไปตุ๋นกับวุ้นเส้น ท่านแม่โจวเรียกตัวคน 4 คน เธอจึงแบ่งออกเป็น 4 ชามใหญ่และมีอาหารเต็มทุกชาม

โจวชิงไป๋กับคนอื่น ๆ ไม่ได้กลับมาจนกระทั่งถึงหนึ่งทุ่ม หลังจากที่พวกเขากลับมา หลินชิงเหอก็ได้เตรียมอาหารเสร็จแล้ว เธอกำลังให้ความรื่นเริงกับพวกเขาอยู่โดยไม่ต้องกล่าว

พวกเขาอยู่กินข้าวกัน หลังจากนั้นแต่ละคนก็ได้รับวุ้นเส้นหมูตุ๋นชามนี้ ทำให้คนที่ถูกเรียกตัวไปช่วยรู้สึกดีใจนัก

เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญในชนบท ในการที่คนในหมู่บ้านไปช่วยต่อสู้ทวงความยุติธรรมให้กับลูกสาวที่แต่งงานไปแล้วของพวกเขา เรื่องนี้มันเพียงพอแล้วที่จะให้พวกเขาอยู่กินอาหารหนึ่งมื้อ และเป็นโอกาสหายากที่จะเห็นคนอย่างหลินชิงเหอเตรียมอาหารให้พวกเขานำกลับไปกิน

ทุกคนต่างบอกว่าจะล้างชามและส่งกลับมาในภายหลัง และถ้าใครก็ตามกล้ารังแกลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วบ้านไหน ก็สามารถมาเรียกตัวพวกเขาได้

ทันทีที่ทุกอย่างเกือบจะเรียบร้อยดีแล้ว ในที่สุดหลินชิงเหอก็มีเวลาถามท่านแม่โจวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ท่านแม่โจวแค่นเสียงด้วยความรังเกียจทันที “บ้านตระกูลหวงนี่ทำอย่างกับว่าไม่มีบ้านตระกูลโจวของฉันอย่างนั้นล่ะ แค่แตงสามลูกกับพุทราจีนสองลูกก็เป็นเรื่องได้ พอเราไปถึงพวกมันถึงกับทำท่าสลด!”

นางเข้าใจนิสัยของลูกสาวคนรองดี การที่หล่อนถูกบีบจนกลับมาหาบ้านฝั่งแม่เพื่อฟ้องร้องแบบนี้ได้ แสดงว่าพวกเขาสุภาพต่อหล่อนไหมล่ะ?

นางจึงเรียกกำลังเสริมเช่นเดียวกับบรรดาลูกชายและมุ่งหน้าไปจัดการคนฝั่งนั้นทันที

เมื่อพวกเขาไปถึง หญิงเฒ่าบ้านหวงกับสะใภ้ใหญ่ของนางก็ถูกยึดตัวไว้กับพื้นด้วยฝีมือของหญิงชราบางคนที่ตามมาก่อนจะโดนรุมตบ โดยที่บรรดาชายหนุ่มบ้านหวงไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย!

แค่ล้างบางตระกูลหวงถือว่ายังไม่พอ พวกเขายังไปคิดบัญชีกับสะใภ้ใหญ่ฝั่งแม่ของบ้านหวงอีกด้วย การที่พวกเขามาจากหมู่บ้านเดียวกันจึงเป็นเรื่องสะดวกมากที่จะค้นตัว พวกเขามุ่งหน้าไปตบสะใภ้คนนั้นที่มีส่วนร่วมกับการทุบตีพี่สาวรองทันที

ปกติแล้วครอบครัวฝั่งแม่ของตระกูลนั้นก็ไม่ทนกับเรื่องนี้เหมือนกัน พวกเขาเองมีพี่ชายน้องชายอยู่มากที่พร้อมลุยกับเรื่องนี้ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไรก็ถูกโจวชิงไป๋คนเดียวจัดการจนหมอบเสียก่อน

พี่ชายใหญ่กับคนอื่น ๆ ไม่ทันได้ลงมืออะไรเลย!

โจวชิงไป๋จะไม่เข้าไปยุ่งหากเป็นผู้หญิงตบตีกัน แต่เขาไม่ลังเลเลยที่จะสู้กับผู้ชายด้วยกัน

บรรดาพี่ชายน้องชายฝั่งแม่ของสะใภ้ใหญ่ตระกูลหวงต่างนอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้น ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาสู้อีก ทันทีที่ลุกขึ้น โจวชิงไป๋ก็หวดขาเตะ จะมีใครกล้าลุกขึ้นอีกล่ะ?

ต้องบอกว่าโจวชิงไป๋มีสัญชาตญาณของการปกป้องคนอื่นอยู่เต็มเปี่ยม

โจวชิงไป๋รู้ดีว่าพี่สาวรองของเขามีนิสัยเป็นอย่างไร ต่อให้หล่อนถูกบีบให้กลับไปขอยืมเงินจากบ้านฝั่งแม่เพื่อย้ายครอบครัวออกมาเมื่อปีที่แล้ว หล่อนก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร ครั้งนี้หล่อนถูกทุบตีจนต้องกลับมาขอความช่วยเหลือจากครอบครัวฝั่งแม่ แน่นอนว่าโจวชิงไป๋ต้องอยู่ข้างหล่อนและทวงความยุติธรรมให้กับหล่อน

หลังต่อสู้กันเสร็จ ทุกคนก็นั่งลงเจรจากัน

คำขอโทษเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ไม่เพียงแต่พวกเขาจะขอโทษ พวกเขายังต้องให้ค่าชดเชยด้วย เป็นเรื่องยากที่ท่านแม่โจวจะทวงความยุติธรรมให้ลูกสาวของหล่อน แล้วนางจะปล่อยตระกูลหวงไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?

การแยกครอบครัวเมื่อคราวที่แล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมไม่ใช่เหรอ? ครั้งนี้จึงถือว่าได้ชำระแค้นเก่ากับแค้นใหม่รวมกัน!

ในระหว่างทางที่กลับมา ท่านแม่โจวก็อธิบายสถานการณ์ให้คนที่มาช่วยฟังอย่างกระจ่าง เป็นเรื่องดีที่จะให้พวกเขาได้รับรู้เรื่องพวกนี้

พวกเขาจึงให้เงินอีก 100 หยวนกับพี่สาวรองเพื่อเป็นค่าแยกครอบครัว เรื่องที่ต่อสู้กันจึงได้จบลง!

หลังจากนั้นทางฝ่ายผลิตของหมู่บ้านหวงเหอก็รับรู้ว่าสะใภ้รองบ้านหวงไม่ได้ขาดญาติมิตร พวกเขาลงมือจัดการในที่สุดจนตอนนี้คนทางบ้านตระกูลหวงได้รับบาดเจ็บ

ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังต้องจำบทเรียนนี้อย่างขึ้นใจ ว่าอย่าได้ดูถูกทัศนคติของสะใภ้รองคนนี้อีก

หลินชิงเหอชื่นชมการทำงานของพวกเขา มันมีแค่วิธีนี้ที่ได้ผลจริง ๆ นั่นล่ะ

ยิ่งกว่านั้นกำลังการต่อสู้ของคนพวกนั้นในหมู่บ้านยังนับว่าดีมาก คนหนึ่งสามารถจัดการโค่นคนสองคนลงได้ ทำให้หลินชิงเหอรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้กับวุ้นเส้นหมูตุ๋นของเธอดูมีคุณค่าขึ้นมา

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เด็ก ๆ ในครอบครัวของคนเหล่านั้นก็คืนชามที่ล้างสะอาดแล้วมาให้

วันต่อมา พี่สาวรองได้กลับมาหาอีกครั้ง

ครั้งนี้ใบหน้าของหล่อนปรากฏแต่รอยยิ้ม หล่อนนำเงินค่าแยกครอบครัวร้อยกว่าหยวนที่แม่ของหล่อนได้สู้เพื่อหล่อนเมื่อวานนี้มาให้

หล่อนคืนเงินให้บรรดาสะใภ้ในครอบครัวฝั่งแม่ก่อน ส่วนเงินที่ยังติดพี่สาวใหญ่กับน้องสาวคนเล็กนั้นหล่อนถึงค่อยทยอยคืนทีหลัง

“อย่าหาว่าทำไมบรรดาสะใภ้ของเธอไม่ช่วยเรื่องนี้เลย พวกหล่อนไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องกับการว่าร้ายของบ้านหวง ตอนที่เรากลับมาเมื่อวานนี้ แม่เจ้าใหญ่ก็ทำอาหารหลายอย่างเลี้ยงคนที่ช่วยเราแล้ว” ท่านแม่โจวอธิบาย

“ฉันจะจำสิ่งที่แม่พูดจนขึ้นใจเลยค่ะ” พี่สาวรองยิ้ม ปกติแล้วหล่อนไม่ถือหรอก มีแค่น้องชายสี่คนมาช่วยเรื่องนี้กันหมดก็พอแล้ว

“ฉันทำให้ภรรยาชิงไป๋กระเป๋าฉีกเสียแล้ว” พี่สาวรองเอ่ยต่อ

ท่านแม่โจวไม่กล่าวอะไร นางรับเงินไว้และเอ่ยต่อ “ตอนนี้การดูแลคนแก่เป็นทั้งเรื่องผิดและถูก ในภายหน้าพวกเขาจะอยู่กับครอบครัวสาขาแรก แต่เธอยังต้องให้การดูแลคนแก่อยู่ ถึงตอนนั้นก็ค่อยส่งอาหารไปให้แล้วกัน แต่จำไว้ว่าให้เพื่อนบ้านเป็นพยานด้วย ป้องกันไม่ให้คนใจดำคนนั้นบอกว่าเอาข้าวเก่ามาให้”

ท่านแม่โจวอยู่มาเกือบจะทั้งชีวิตแล้ว นางเห็นคนมามากมายนับไม่ถ้วน

คนบางคนก็เป็นแบบนี้ ชัดเจนอยู่ว่าสะใภ้ส่งข้าวใหม่ไปให้เป็นการตอบแทน แต่กลับกลายเป็นข้าวเก่าเสียอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ในหมู่บ้านก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่โชคดีที่สะใภ้คนนั้นมีทางหนีทีไล่ให้ตัวเองอยู่ เมื่อใดที่หล่อนส่งของอะไรไปให้ หล่อนก็เอาของให้คนอื่นดูก่อน

เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป คน ๆ นั้นก็ให้การรับประกันกับหล่อนได้ ไม่อย่างนั้นแล้วหล่อนจะกลายเป็นคนผิดไป

พี่สาวรองน้อมรับคำแนะนำนี้

ต่อให้ครั้งนี้พวกเขาจะได้รับการทุบตีไปแล้วก็ตาม พี่สาวรองยังต้องไปเห็นพวกเขาถูกยึดตัวกับพื้นและถูกตบตี โทสะที่สั่งสมมาในหลายปีนี้จึงได้คลายลงเมื่อเห็นพวกเขาร้องไห้โหยหวน

จิตใจทั้งหมดของหล่อนเปลี่ยนไปแล้ว

ไม่อย่างนั้นทำไมคนในชนบทจะต้องพยายามอย่างมากที่จะได้ลูกชายกันล่ะ? จากการต่อสู้ครั้งนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าการมีลูกชายในครอบครัวมันได้เปรียบขนาดไหน

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ครอบครัวตระกูลหวงโดนสั่งสอนแล้วค่ะ ก็ไปรังแกลูกสาวของคนอื่นก่อนนี่นะ เฮ้อ…

อันนี้เรื่องจริงค่ะที่เวลาจะทำอะไรสำคัญกับคนที่ไม่ชอบเราจะต้องมีพยานรับรู้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นทำคุณบูชาโทษไป แปลตอนนี้แล้วก็รู้สึกหนาวขึ้นมาชอบกลเลยค่ะ

ไหหม่า (海馬)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset