ตอนที่ 275 เจตนาไม่ดี

บทที่ 275 เจตนาไม่ดี
โดย
EnjoyBook
บทที่ 275 เจตนาไม่ดี

 

“ห้องก็ขนาดใหญ่เท่านั้น แค่ฉันกับลูกชายจัดการคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก” หลินชิงเหอตอบด้วยรอยยิ้ม

 

วันต่อมา เธอออกไปซื้อของกับหวังลี่ จากนั้นก็สั่งซื้อเครื่องเรือนไม้สนทั้งชุด

 

มีตู้ไม้สน โต๊ะไม้สน และเก้าอี้

 

หากเป็นในอดีตของพวกนี้คงถูกทำลายย่อยยับแน่ แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นเลย แม้กระทั่งราคาของมันก็ไม่ได้สูงลิ่วด้วย

 

ทั้งชุดมีราคาเกือบ 30 หยวนเท่านั้น

 

การมีของเยอะเช่นนี้ทำให้ต้องมีคนนำมาส่งถึงบ้าน เธอจึงขอให้ชายหนุ่ม 2 คนยกมันเข้าไปในห้อง

 

ในบ้านมีห้อง 2 ห้อง เธอให้พวกเขาแบกเข้าไปในห้องทั้งสองและจัดวางอย่างเหมาะสม เช่นเดียวกับเก้าอี้และโต๊ะในห้องนั่งเล่น

 

เมื่อจัดห้องเสร็จ หลินชิงเหอก็ให้เงินกับพวกเขาคนละ 2 เหมาเป็นค่าใช้แรงงานหนัก “นี่ให้พวกเธอจ้ะ พวกเธอไม่ต้องเอาไปให้เถ้าแก่นะ ฉันทำให้พวกเธอลำบากเอง”

 

ชายหนุ่มทั้งคู่ดีใจมาก พวกเขาขอบคุณเธอและกลับไป

 

แม้หวังลี่จะมาช่วยซื้อของกับเธอ แต่หล่อนก็ดูเหมือนมาเป็นเพื่อนเธอมากกว่า

 

“เธอมีทุกอย่างที่ต้องมีหมดแล้วสินะ” หล่อนเอ่ย

 

“ใช่ มีพร้อมหมดแล้วล่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

 

เตียงขนาดใหญ่ 1 หลัง โต๊ะ ตู้ เช่นเดียวกับหม้อเคลือบใบเล็กและชามที่มีอยู่ตามปกติ

 

สภาพห้องตอนนี้นับว่าพร้อมที่จะย้ายเข้ามาอยู่แล้ว

 

“เธออยากจะส่งโทรเลขไปบอกให้พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ไหม?” เห็นเพื่อนสาวเป็นแบบนี้แล้ว หวังลี่ก็เอ่ยเย้า

 

หลินชิงเหอกลอกตาอย่างขบขัน

 

แม้ทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว แต่หลินชิงเหอก็ยังไม่มีแผนจะให้โจวชิงไป๋มาอยู่

 

ให้เขาผ่านพ้นปีนี้ไปก่อน หลังจากนั้นเขาก็จะได้ไม่ต้องทำงานต่อและมาอยู่กับเธอที่นี่ได้

 

พูดตามตรงก็คือ หลินชิงเหอไม่ค่อยอยากให้โจวชิงไป๋ทำงานในทุ่งนาที่บ้านเกิดของพวกเขาเลย เธอไม่อยากให้เขาทำอย่างมาก เพราะการทำงานในทุ่งนามันไม่ง่าย โดยเฉพาะการที่เขาต้องทำไปเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน

 

โจวชิงไป๋ไม่เคยบ่น แต่หลินชิงเหอรู้ว่าชายหนุ่มต้องลำบากไม่น้อย

 

เธอไม่สามารถช่วยเขาได้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็สามารถทำอาหารให้เขากินอย่างเพียงพอได้ ต่อให้เธอจะถูกคนอื่นว่ากล่าวในเรื่องผลาญรายได้ทั้งหมดของโจวชิงไป๋ เธอก็ไม่สนใจ

 

น้อยคนนักที่จะมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น แต่หลินชิงเหอก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่งหรอก

 

คน ๆ หนึ่งจะมีชีวิตอยู่ได้กี่ปีกัน? 15 ปีแรกก็ได้ผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจแล้ว หลังอายุ 40 หรือ 50 ปีก็เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มโรยราอีกครั้ง ในช่วงกลางชีวิต พวกเขาก็ต้องทนต่อแรงกดดันในการเรียน ทำงาน แต่งงาน มีลูก และอื่น ๆ บวกส่วนนี้เข้าไปแล้วจะเหลือเวลาอยู่เท่าไรล่ะ?

 

ในชีวิตอันแสนสั้นแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรมากหรอก

 

ใช้ชีวิตให้ดี แล้วคุณจะประสบความสำเร็จเอง

 

นี่เป็นทัศนะด้านชีวิตที่ชัดเจนยิ่งของหลินชิงเหอ เธอไม่เคยหวั่นไหวเลย

 

หลินชิงเหอไม่รู้ว่าตนเองเป็นคนประเภทชอบตามใจสามี แต่หลังเจอกับโจวชิงไป๋แล้ว เธอก็จมอยู่กับมัน

 

ไม่รู้ว่าเป็นมาตั้งแต่เมื่อใด แต่การรู้สึกรักใคร่ในตัวสามีก็กลายเป็นนิสัยของเธอไปแล้ว

 

หลินชิงเหอยิ้มขณะคิดถึงตอนที่สามีกลับมาบ้าน

 

“ในภายหน้าฉันคงต้องมากินข้าวที่นี่บ่อย ๆ แล้วล่ะ” หวังลี่เอ่ย

 

“งั้นก็มาเลย ฉันจะทำให้เธออิ่มพุงกางจนต้องกุมท้องกลับไปเลยล่ะ” หลินชิงเหอตบมุก

 

หวังลี่หัวเราะ หล่อนเองก็รู้สึกอิจฉา “เธอมีทั้งบ้านอยู่อาศัยและตำแหน่งงานในมหาวิทยาลัยแล้ว ชีวิตหลังจากนี้ของเธอคงไปได้สวยแน่”

 

ทันทีที่เธอย้ายทะเบียนบ้านมาที่นี่ นับจากวันนั้นเธอก็จะกลายเป็นพลเมืองปักกิ่งอย่างเต็มตัว

 

“ถ้าในวันหน้าเธอมีวันหยุดช่วงฤดูร้อนกับฤดูหนาวแล้วอยากมาเที่ยวเล่นล่ะก็ มาหาฉันได้นะ ฉันอำนวยความสะดวกให้เธอได้เสมอ” หลินชิงเหอพูด

 

หวังลี่ยิ้ม “เช่นเดียวกับที่บ้านฉันล่ะ ที่นั่นมีแต่เชอร์รี่เต็มไปหมด เธอก็ไปเยี่ยมฝั่งฉันได้นะ ฉันจะได้จัดการเรื่องอาหารและที่พักอาศัยให้”

 

ทั้งคู่สนทนาและหัวเราะกันชั่วครู่ จากนั้นก็ล็อคประตูและกลับเข้าหอพักของมหาวิทยาลัย

 

ส่วนทางด้านนี้ หลินชิงเหอก็ใช้ให้โจวข่ายไปทำความสะอาดทุก 2-3 วัน

 

เธอบอกโจวข่ายให้ระวังตัว เพราะห้องข้าง ๆ เป็นห้องคนตระกูลจาง พวกเขาเคยใส่ความคุณลุงหวังเรื่องทำสิ่งไม่ดีมาแล้ว ดังนั้นอย่าไปสุงสิงกับพวกเขาจะดีกว่า

 

โจวข่ายจดจำใส่ใจ

 

แต่แม้ว่าโจวข่ายจะไม่ใช่คนที่หาเรื่องคนอื่นก่อน พวกเขาก็คงจะไม่อยู่เฉย

 

คุณป้าจางที่อาศัยห้องข้าง ๆ กำลังแขวนตากเสื้อผ้าก็ได้ยิ้มให้โจวข่ายอย่างใจดี “เธอเป็นลูกชายของอาจารย์หลินจริงเหรอจ๊ะ? ป้ามองไม่ออกเลย คิดว่าเป็นน้องชายหล่อนเสียอีก”

 

“แม่ผมหน้าเด็กน่ะครับ” โจวข่ายตอบเรียบ ๆ

 

ขณะนั้นเองคุณป้าหม่าก็เดินมาพร้อมกับตะกร้าผักและเอ่ยทัก “เสี่ยวข่าย ป้ามีมะเขือเทศเกินมา 2 ลูก มากินสิจ๊ะ”

 

“ครับ ผมรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมานิดหน่อยพอดีเลย” เดิมโจวข่ายอยากปฏิเสธไป แต่เมื่อเห็นคุณป้าหม่าขยิบตาให้พลางเบนสายตาไปที่คุณป้าจางผู้กำลังตากผ้าอยู่ เขาก็เปลี่ยนคำตอบทันที

 

และเดินไปหานาง

 

“เสี่ยวข่าย อย่าไปสนใจหล่อนนะ ช่วงนี้ครอบครัวหล่อนเอาแต่ถามเกี่ยวกับครอบครัวของเธอเชียวล่ะ” คุณป้าหม่ากระซิบ

 

“ทำไมพวกเขาถึงถามล่ะครับ?” โจวข่ายถามอย่างงุนงง

 

“จะมีอะไรได้อีกล่ะ? ครอบครัวหล่อนหมายตาบ้านของเฒ่าหวังเมื่อนานมาแล้วน่ะสิ” คุณป้าหม่าแค่นเสียง

 

ไม่ใช่เพราะพวกเขาอยากยึดบ้านของเฒ่าหวังหรอกหรือ ถึงได้ทำอะไรไม่ดีใส่?

 

ในตอนนั้นมีคนจำนวนมากมาขอให้ผ่อนปรนโทษของคุณลุงหวัง แต่กฎระเบียบก็เข้มงวดเกินไปจนขอร้องไปก็ไร้ประโยชน์ ตระกูลจางจึงดำเนินแผนการสำเร็จ

 

แต่หลังนั้นก็เกิดการปฏิรูปขึ้นและคุณลุงหวังก็ได้พ้นโทษ

 

“ต่อให้หล่อนลับสมองแล้ว หล่อนก็ไม่ได้บ้านหลังนี้ไปหรอกครับ” โจวข่ายเอ่ยด้วยอาการสงบเมื่อได้ยินดังนี้

 

“ใช่แล้วล่ะ มันมีกฎของทางการอยู่ แต่ถึงอย่างไรครอบครัวนั้นก็เป็นพวกคนชั่วช้า ลูกสาวสองคนของหล่อนที่ถูกไล่ออกจากบ้านได้กลับมาที่นี่เมื่อสองวันที่แล้ว” คุณป้าหม่าเอ่ยต่อ

 

โจวข่ายพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาไม่เก็บไปคิดอย่างจริงจัง คุณป้าหม่าเลยสั่งสอนด้วยอารมณ์ขัน “เด็กโง่ พวกเขาหมายตาเธออยู่ เธอไม่รู้เหรอ?”

 

“หมายตาผม?” โจวข่ายกลายเป็นฝ่ายตกตะลึงไปแล้วในตอนนี้ “ผมเพิ่งจะ 15 เองนะครับ”

 

ใช่แล้ว อย่าดูที่ความสูง 186 เซนติเมตรองเขาเลย จริง ๆ แล้วเขาเพิ่งมีอายุ 15 ปีเท่านั้น ยังห่างไกลจากการเป็นผู้ใหญ่อายุ 18 ปีนัก

 

คุณป้าหม่าหัวเราะ ด้วยอายุที่มากแล้ว นางจึงหวังดีต่อชายหนุ่มผู้ยังมีพลังเหลือล้น “ลูกสาวคนเล็กของหล่อนอายุ 18 ปีพอดีเลย อย่างที่เขาว่ากันนะว่าการได้แต่งงานกับหญิงสาวอายุมากกว่า 3 ปีนับว่าเป็นโชค”

 

“คุณป้าหม่าครับ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย” โจวข่ายเอ่ยอย่างตกใจ

 

คุณป้าหม่าหัวเราะไม่หยุด แต่นางก็เข้าประเด็นและเอ่ยสั่งสอน “ครอบครัวของหล่อนน่ะเอาแต่ถามถึงเธอกับแม่ของเธอ นอกจากคิดจะยึดบ้านแล้ว ป้าเดาว่าพวกเขาต้องมีความคิดที่จะจับเธอด้วย ป้าเลยเรียกเธอมาคุยเรื่องนี้เป็นพิเศษ ถ้าหล่อนบอกให้เธอเข้าไปในบ้านของพวกเขาเพื่อช่วยเหลืออะไรบางอย่าง เธออย่าเข้าไปนะ ไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะหนีออกมาไม่ได้”

 

ทันทีที่ประตูปิด ลูกสาวไร้ยางอายของนางก็จะจับเขาอยู่หมัด หากเป็นแบบนี้ก็เกรงว่าจะไม่แต่งงานกับหล่อนไม่ได้แล้ว

 

กับคนอื่นมันคงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่กับตระกูลจางแล้วไม่แปลกใจเลย

 

โจวข่ายตะลึงไป

 

เรื่องนี้ท้าทายบรรทัดฐานความคิดของเขานัก

 

“เอาล่ะ ตอนนี้เธอก็กลับไปได้แล้วนะ” หลังคุณป้าหม่าเอ่ยเตือนเสร็จ นางก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ให้แม่ของเธอมาหาป้าวันหลังสิจ๊ะ ป้ามีเรื่องอยากคุยกับหล่อนน่ะ”

 

“ครับ” โจวข่ายกลับไปหลังจากกินมะเขือเทศแล้ว

 

อย่างแรกเขาลงมือทำความสะอาดห้อง จากนั้นก็ตอบปฏิเสธคำเชิญของคุณป้าจางที่ให้เขาเข้าไปดื่มน้ำอย่างสุภาพ เสร็จแล้วก็ล็อคประตูและกลับไป

 

โจวข่ายที่กลับไปแล้วไม่ทันได้เห็น แต่คุณป้าหม่าผู้ออกมาเก็บเสื้อผ้าที่ตากเสร็จแล้วกลับเห็นพอดี ว่ามีเด็กสาวอายุ 18 ปีจากตระกูลจางวิ่งออกไปดูแผ่นหลังของโจวข่ายด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่ทิพย์เจ้าใหญ่อยู่ไหนกันคะ รีบมาปกป้องเจ้าใหญ่กันเร็วค่ะ มีคนคิดไม่ดีกับน้อง

ไหหม่า(海馬)

——————————————

Comment

Options

not work with dark mode
Reset