ตอนที่ 305.3 ก้มหน้ามองบ่อ เงยหน้ามองฟ้า

ตอนนั้นสือชุนเจียติดตามพวกหลี่เป่าผิง ต่งสุ่ยจิงเดินทางไกลไปขอศึกษาต่อซึ่งระหว่างทางเจอเรื่องน่าอกสั่นขวัญผวาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ  พอกลับมาถึงเมืองเล็ก เด็กเหล่านี้ก็แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างมีทางเลือกเป็นของตัวเอง

หลี่เป่าผิง หลี่ไหวและหลินโส่วอีติดตามเฉินผิงอันเดินทางไปขอเรียนต่อที่ต้าสุย ต่งสุ่ยจิ่งอยู่ต่อในเมืองเล็ก เคยเข้าเรียนที่โรงเรียนอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่นานก็ออกจากโรงเรียน บ้านบรรพบุรุษสองหลังในเมืองเล็ก เก็บไว้หนึ่งหลังขายออกไปหนึ่งหลัง ไม่เพียงแต่ซื้อบ้านหลังใหญ่โตไว้ครึ่งถนนที่เขตการปกครอง เงินที่เหลือยังเอามาทำทุนสร้างกิจการเป็นของตัวเอง มีเพียงสือชุนเจียที่ทางครอบครัวขายร้านที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษในตรอกฉีหลง ติดตามครอบครัวย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงต้าหลี ไม่รู้ว่าครั้งนี้กลับมาบ้านเกิดเพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษหรือเพื่ออะไร

พ่อแม่ของสือชุนเจียแค่เคยได้ยินชื่อของต่งสุ่ยจิง แต่กลับไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เห็นว่าบุตรสาวมีท่าทางอาลัยอาวรณ์จึงบอกว่าจะขอพักกินเกี๊ยวก่อนสักชามสองชาม ต่งสุ่ยจิ่งเข้าครัวทำด้วยตัวเอง หลังจากเอามาส่งที่โต๊ะให้ด้วยตัวเองแล้วก็พูดคุยกับพวกเขาสองสามคำ ก่อนจะกลับไปอยู่ด้านหลังโต๊ะคิดเงิน สือชุนเจียกินแบบขอไปทีเสร็จแล้วก็วิ่งไปหาต่งสุ่ยจิ่ง ถามเสียงเบาว่ามีข่าวของเป่าผิงหรือไม่ ต่งสุ่ยจิ่งจึงได้แต่เล่าเรื่องบางอย่างที่เฉินผิงอันเคยเล่าให้ฟังซ้ำอีกรอบ สือชุนเจียเงี่ยหูตั้งใจฟัง ไม่ยอมให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว

ต่งสุ่ยจิ่งกวาดตามองไปรอบด้าน เห็นว่าทางฝั่งนั้นกินเกี๊ยวกันใกล้จะหมดแล้วจึงถามเหมือนไม่ใส่ใจว่า “กลับมาครั้งนี้จะอยู่เลยหรือไม่?”

สือชุนเจียพยักหน้ารับ “ได้ยินว่าโรงเรียนที่มาเปิดใหม่เป็นของสกุลเฉินหลงเหว่ย ท่านปู่ของข้าจึงบอกให้ท่านพ่อท่านแม่ข้ากลับมา แม้ว่าจะขายร้านไปแล้ว แต่บ้านบรรพบุรุษก็ยังอยู่ มีที่ให้อยู่อาศัย”

ต่งสุ่ยจิ่งพยักหน้ารับ

สุดท้ายเขาก็ยังเก็บเงินคนในครอบครัวของสือชุนเจีย เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับเวลาปกติแล้ว ราคาเกี๊ยวทุกชามเก็บน้อยลงหลายเหรียญทองแดง

สือชุนเจียเป็นเด็กที่นิสัยตรงไปตรงมา เห็นว่าต่งสุ่ยจิ่งยังกล้าเก็บเงิน นางจึงถลึงตาใส่สหายร่วมชั้นเรียนที่มีแต่เงินอยู่ในสายตาผู้นี้

ต่งสุ่ยจิ่งยิ้มบางๆ ไม่ได้ถือสา

มองส่งพวกเขาจากไป รู้ว่าวันหน้าโอกาสที่จะได้เจอกันยังมีอีกมาก

ทำการค้า คนสนิทมาเข้าร้าน จะหลอกเอาเงินคนสนิทไม่ได้เด็ดขาด แต่จะไม่เก็บเงินก็ไม่ได้ ไม่ได้กำไรและไม่ขาดทุนคือการเลือกที่ดีที่สุด

หาไม่แล้วยิ่งทำการค้าก็จะยิ่งไม่มีเพื่อน

เจ้าขาดทุนครั้งแล้วครั้งเล่า คนผู้นั้นยังชอบมาที่ร้านเป็นประจำ แสดงว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นเจ้าเป็นเพื่อน

เจ้าได้กำไรมากกว่าปกติในทุกๆ ครั้ง นั่นก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่า เจ้าไม่เคยเห็นคนผู้นั้นเป็นเพื่อน หากเป็นอย่างนี้ก็อาจจะไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว

แต่หากเป็นอย่างแรกย่อมต้องทุกข์ใจตาย

เมื่อแน่ใจว่าจะไม่มีลูกค้ามาแล้ว ลูกจ้างร้านสองคนเหนื่อยจนกระดูกแทบหลุด ต่งสุ่ยจิ่งจึงทำเกี๊ยวน้ำชามโตสองชามให้พวกเขา เห็นพวกเขาสวาปามกินอย่างหิวโหย ต่งสุ่ยจิ่งก็หันมองไปยังสีท้องฟ้านอกร้าน จากนั้นก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งที่พาดกระบี่ยาววางขวางไว้ด้านหลังเดินข้ามธรณีประตูเข้ามา

จอมยุทธ์สำนักโม่ที่มีชื่อว่าสวี่รั่วเพิ่งเดินทางจากนครมังกรเฒ่ากลับมาถึงท่าเรือเขตการปกครองหลงเฉวียนก็ตรงมาที่นี่ทันที เขาถามเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ด้วยรอยยิ้มว่า “ข่าวคราวเกี่ยวกับนาง ข้าละเมิดกฎบอกเจ้าไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เจ้าตัดสินใจได้แล้วหรือยัง?”

ต่งสุ่ยจิ่งพยักหน้า

ในเมื่อนางได้เป็นคนในกลุ่มของเทพเซียนแล้ว ตนก็ไม่ควรใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป

เป็นคนเชื่อดาบอะไรนั่นก็จะมีชีวิตอยู่ได้หลายสิบปี หรืออาจหลายร้อยปี

ไม่ว่าสุดท้ายตนจะสามารถครองคู่อยู่กับแม่นางคนนั้นได้หรือไม่ แต่การที่ได้เห็นนางมากหน่อยก็ถือว่าดี

……

ทะเลสาบเจี่ยนซูมีมารน้อยแซ่กู้คนหนึ่งปรากฎตัว

ชื่อว่ากู้ช่าน คือลูกศิษย์คนสุดท้ายของสกัดคงคาเจินจวินแห่งเกาะชิงเสีย เขาถึงกับสามารถบังคับเจียวหลงตัวหนึ่งที่มีศักยภาพแท้จริงเทียบเคียงได้กับโอสถทองขั้นสูงสุด ศึกนองเลือดภายในฝ่ายของตัวเองก่อนหน้านี้ เจียวหลงตัวนั้นสังหารผู้คนศพเกลื่อนไปทั่วเกาะชิงเสีย ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นก็คือหลิวจื้อเม่าไม่ได้ขัดขวาง ต่อให้ลูกศิษย์ใหญ่จะถูกสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นกัดกินจนตายก็ยังไม่ยอมปรากฎตัว

หากหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ชื่อเสียงดุร้ายที่เลื่องลือของมารน้อยกู้ก็คงไม่ถึงขั้นแพร่สะพัดไปทั่วทะเลสาบเจี่ยนหูที่มีน่านน้ำกว้างขวางที่สุดในแจกันสมบัติทวีป สาเหตุก็เพราะหลังจากนั้นมา บนคลื่นสีมรกตของทะเลสาบเจี่ยนหูมักจะปรากฎภาพเด็กน้อยคนหนึ่งที่มองดูเหมือนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเดินเล่นเตร็ดเตร่ไปทั่ว แรกเริ่มยังมีผู้ฝึกลมปราณเข้าใจผิดคิดว่าเด็กชายใช้เวทลับบังคับน้ำหรือเวทลับหลบเลี่ยงน้ำ ถึงสามารถเดินอย่างสบายอารมณ์อยู่บนผิวน้ำทะเลสาบได้โดยที่เท้าสองข้างไม่ขยับ

โดยทั่วไปแล้วน้ำบ่อจะไม่ยุ่งกับน้ำคลอง

แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาสร้างหายนะใหญ่เทียมฟ้า ผู้ฝึกลมปราณหนุ่มสาวยี่สิบกว่าคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับสำนัก พวกเขาโดยสารเรืออาคารหลายชั้นขนาดใหญ่ยักษ์ จับกลุ่มกันมาท่องเที่ยวบนทะเลสาบ แล้วได้มาเจอกับเด็กคนนั้นโดยบังเอิญ ทั้งสองฝ่ายประจันหน้า ไม่มีใครยอมลงให้ใคร จึงเกิดความขัดแย้งขึ้น

ผลคือตอนที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน เด็กชายที่สองแขนกอดอกพลันทะยานตัวขึ้นสูง ที่แท้ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็เหยียบอยู่บนเจียวหลงขนาดมหึมา มันกดกรงเล็บลงมาหนึ่งครั้ง เรืออาคารขนาดใหญ่ก็ขาดครึ่งท่อน จากนั้นผู้ฝึกลมปราณที่พยายามบังคับลมหนีไปจากเรือที่กำลังจมก็ถูกสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นพ่นลำน้ำใส่ พอถูกสายน้ำชะผ่านไปก็หลงเหลือเพียงโครงกระดูก ส่วนกลุ่มคนที่จมน้ำเปียกมะลอกมะแลกก็ถูกกรงเล็บกรีดเปิดท้อง คนที่โชคร้ายหน่อยถึงขั้นถูกมันส่งเข้าปากเคี้ยวกิน

อาวุธและวิชาอภินิหารทั้งหมดที่กระแทกลงบนร่างของมันไม่สร้างความระคายผิวให้มันได้เลย มันถึงขั้นคร้านจะหลบเลี่ยงด้วยซ้ำ คนที่น่าอนาถที่สุดก็คือ ‘คนฉลาด’ ที่พยายามจะจับหัวหน้าโจรก่อนคนนั้น เขาคือผู้ฝึกกระบี่ที่มีสถานะค่อนข้างสูง ในทะเลสาบเจี่ยนหูอันเป็นสถานที่รวบรวมเหล่าผู้พิชิตก็ถือว่าพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เขาคิดจะใช้กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสังหารเด็กที่ยืนอยู่บนศีรษะของเจียวหลง

เจียวหลงที่เดิมทีแค่คิดเล่นสนุกพลันเปลี่ยนมาเป็นดุร้ายเกรี้ยวกราดในบัดดล มันบังคับน้ำของทะเลสาบที่อยู่รอบกายให้เกิดคลื่นลูกยักษ์ถาโถม กักตัวผู้ฝึกกระบี่คนนั้นไว้ภายในกรงขังน้ำมรกตรูปสี่เหลี่ยม จากนั้นก็ไม่รู้ว่าสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นใช้เวทลับอะไรถึงสามารถดึงอากาศทั้งหมดออกไป ปล่อยให้ปราณวิญญาณของผู้ฝึกกระบี่แห้งขอดแล้วร่างระเบิดแตกตาย

เสียงปังดังกัมปนาท

เลือดสดแตกกระจายเต็มกรงขัง

คล้ายดอกไม้ขนาดใหญ่ดอกหนึ่งเบ่งบาน

เด็กคนนั้นที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนศีรษะของเจียวหลงหัวเราะร่า

ผู้อาวุโสขอบเขตโอสถทองและผู้ฝึกลมปราณขอบเขตประตูมังกรที่เร่งรุดมา พอได้เห็นภาพนี้กับตาตัวเองในระยะประชิดก็ตกอกตกใจกันไม่น้อย ก่อนหน้านี้ตอนที่เกาะชิงเสียเกิดความขัดแย้งกันเองภายใน พวกเขาอยู่ห่างไปไกล อีกทั้งตอนนั้นสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ก็ยังร่ายใช้วิชาคาถาของผู้ฝึกลมปราณไม่เป็น จนกระทั่งวันนนี้ อยู่ห่างแค่ร้อยกว่าจั้ง เห็นสัตว์เดรัจฉานที่ดูเหมือนว่าจะบรรลุวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิต หากในตำราโบราณที่บันทึกเกี่ยวกับเจียวหลงไม่ได้กล่าวผิดไป นี่ไม่เท่ากับว่ามันพัฒนาไปอีกขั้น กลายเป็นเจียวหลงเซียนดินสมชื่อแล้วหรอกหรือ? สามารถจำแลงร่างกลายเป็นคน หากไปอยู่ในช่วงยุคบรรพกาลที่เผ่าพันธ์เจียวและมังกรเจริญรุ่งเรือง เกรงว่าก็คงมีคุณสมบัติจะได้ครอบครองวังมังกรแห่งหนึ่งในแม่น้ำสายใหญ่แล้ว

ตอนแรกผู้ฝึกลมปราณใหญ่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในทะเลสาบเจี่ยนหูกลุ่มนี้ยังหวังว่าตัวเองจะโชคดี คิดจะแอบช่วยลูกศิษย์ของตัวเองอย่างลับๆ แต่เมื่อผู้ฝึกตนเฒ่าขอบเขตประตูงมังกรคนหนึ่งที่ลงมือก่อนใครถูกสัตว์เดรัจฉานตนนั้นกรีดกรงเล็บใส่เบาๆ แล้วร่างทั้งร่างของผู้ฝึกลมปราณเฒ่าที่อยู่ห่างมาไกลหลายสิบลี้ปรากฎรอยกรงเล็บขนาดใหญ่ยักษ์ จากนั้นร่างก็ระเบิดแตกกลางอากาศ

การเข่นฆ่าระหว่างผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลางด้วยกัน ต่อให้ห่างกันหนึ่งหรือสองขอบเขต โอกาสแพ้ชนะย่อมไม่ต่างกันมากนัก แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่ถูกตัดสินด้วยความเป็นความตายในทันทีเช่นนี้

ทุกคนจึงหันมามองหน้ากัน สุดท้ายก็ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือลูกศิษย์ที่ตกน้ำพวกนั้นอีก เลือกที่จะรักษาชีวิตของตัวเองไว้ด้วยการถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นมาก็มีคนแอบเข้าไปในเกาะชิงเสีย คิดจะสังหารมารกู้ช่านผู้นั้น ผลกลับกลายเป็นว่าถูกหลิวจื้อเม่าสกัดคงคาเจินจวินสังหารตายไปทีละคน เวลาเพียงครึ่งปีก็มีการลอบสังหารติดต่อกันถึงห้าหกครั้ง แต่ก็ล้วนถูกเกาะชิงเสียขัดขวางเอาไว้ ครึ่งปีให้หลังกลุ่มที่มีหลิวจื้อเม่าเป็นผู้นำ กู้ช่านและสัตว์เดรัจฉานตนนั้นเป็นกองกำลังหลักก็บุกไปสังหารถึงบนเกาะที่ตั้งของสำนักพวกนักฆ่า ทุกครั้งจะเลือกแค่เด็กหนุ่มเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ในการฝึกตนเก็บไว้ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือล้วนตายสิ้นโดยไม่มีข้อยกเว้น ขุดดินลึกลงไปสามฉื่อ กวาดเอาสมบัติอาคมทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดมา เวลานั้นเหมือนกับว่าเกาะชิงเสียจะกลายมาเป็นผู้นำของหมู่เกาะบนทะเลสาบเจี่ยนซูแล้ว

ผู้ปฏิบัติตามเจริญรุ่งเรือง ผู้ต่อต้านพินาศ

ตอนนี้กู้ช่านและมารดาของเขาอาศัยอยู่ในจวนที่หรูหรางดงามที่สุดของเกาะชิงเสีย หลายครั้งที่อาจารย์และศิษย์จับมือกันไปสังหารพรรคใหญ่ เมื่อศึกปิดฉากลง กู้ช่านจะบอกศิษย์พี่หญิงที่ปีนั้นเอาข่าวมาบอกเขาให้ช่วยเลือกสตรีงดงามที่หน้าตาบุคลิกโดดเด่นมาไว้ ต้องเป็นคนที่อายุไม่มาก เพื่อเอาไว้เป็นตัวเลือก ‘สาวน้อยเปิดสาบเสื้อ’ ในอนาคต อีกทั้งยังเชื้อเชิญให้คนมาสอนพวกนางเรียนดีดพิณ หมากล้อม เขียนพู่กันและวาดภาพโดยเฉพาะอีกด้วย

วันนี้กู้ช่านไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอย่างที่หาได้ยาก เขาไปที่ศาลด้านหลังเป็นเพื่อนมารดา นั่งคุกเข่าอยู่บนเบาะ จุดธูปกราบไว้ป้ายหนึ่งอย่างนอบน้อม

ตลอดหลายปีมานี้สตรีแต่งงานแล้วบำรุงรักษาตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะหน้าตาหรือทรวดทรงองค์เอวก็ยิ่งอวบอิ่มงดงามเย้ายวนใจ

หลังจากสตรีแต่งงานแล้วลุกขึ้นยืนก็หลับตาลง พนมมือพูดเบาๆ คล้ายกำลังบอกให้สามีที่จากไปแล้วรู้ว่าตนและลูกสบายดี

กู้ช่านยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ที่เคร่งขรึมเงียบสงบ มองควันธูปลอยกรุ่นเบื้องหน้า เด็กชายที่บนมือเปื้อนเลือดของคนนับไม่ถ้วนมองเหม่ออย่างเงียบงัน

แม่ลูกสองคนพากันเดินข้ามธรณีประตูออกมา จู่ๆ กู้ช่านก็เอ่ยเรียกว่าท่านแม่

สตรีแต่งงานแล้วที่จูงมือเล็กๆ ของกู้ช่านก้มหน้าลงมอง ถามเสียงอ่อนโยน “มีอะไรหรือ?”

กู้ช่านคลี่ยิ้มส่งให้นาง ส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่มีอะไร

……

เมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนมีเด็กหญิงผอมแห้ง สวมใส่เสื้อผ้าขาดวิ่น แม้ท้องจะร้องโครกครากด้วยความหิวโหย แต่สีหน้าก็ยังเย็นชา นางเดินอย่างระมัดระวังไปถึงถนนชิงเหออันที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนรวยและมีอำนาจ มาถึงประตูด้านหลังของจวนที่หรูหราโอ่อ่าแห่งหนึ่งอย่างคุ้นเคย แสงแดดแสบจ้า เด็กหญิงผอมดำเดินจนเหงื่อท่วมเต็มกาย แต่ถึงกระนั้นสีหน้าก็ยังเย็นชาอยู่ดังเดิม นางนั่งยองอยู่ใต้ร่มไม้เย็นฉ่ำของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เงยหน้ามองไปยังดวงอาทิตย์กลางนภา รัศมีแสงนั้นจัดจ้าจนน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งคู่ของนาง

นางดึงสายตากลับมาเงียบๆ เช็ดน้ำตาทิ้ง

เพียงไม่นานประตูหลังของจวนก็ถูกคนแอบแง้มออก คุณหนูน้อยผิวอมชมพูราวกับหยกสลัก สวมใส่อาภรณ์ประณีตงดงาม มองดูแล้วอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเด็กหญิงผอมแห้งลอดออกมาจากช่องประตูแคบๆ นางอุ้มกล่องไม้ใบเล็กใบหนึ่งมาด้วย ท่าทางจะหนักไม่น้อย เหงื่อจึงท่วมตัว วิ่งเหยาะๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหญิงผอมแห้ง ยิ้มสดใสกล่าวว่า “ของขวัญมอบให้เจ้า”

ฤดูร้อนที่อากาศร้อนแผดเผา บนเกาะเล็กกลับมีหยดน้ำซึมออกมา

เด็กหญิงผอมแห้งขมวดคิ้วรับกล่องไม้มาอุ้มไว้ในอ้อมอก อีกมือหนึ่งเปิดฝากล่อง

เด็กหญิงงดงามที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยิ้มอย่างอารมณ์ดี “เจ้ายังจำได้หรือไม่ ตุ๊กตาหิมะที่พวกเราปั้นด้วยกันเมื่อหน้าหนาวปีที่แล้ว ข้าบอกให้คนในจวนเอาเก็บไว้ในห้องน้ำแข็ง ตั้งใจเอาออกมาให้เจ้าวันนี้ เจ้าชอบไหม?”

เด็กหญิงผอมแห้งก้มหน้าลงจ้องตุ๊กตาหิมะตัวน้อยนั่นเขม็ง จึงมองเห็นสีหน้าของนางไม่ชัด

เด็กหญิงหน้าตางดงามที่เดินออกมาจากจวนโหวสูงศักดิ์ที่มีคุณูปการต่อแคว้นยังซักไซ้ถามต่อด้วยความไร้เดียงสาว่าชอบหรือไม่ราวกับต้องการขอความดีความชอบอย่างไรอย่างนั้น

เด็กหญิงผอมแห้งเงยหน้าขึ้นช้าๆ ถามว่า “ของกินล่ะ?”

เด็กหญิงหน้าตางดงามร้องอั๊ยหยาหนึ่งที แล้วรีบพูดขอโทษ “ขอโทษนะ ข้าลืม”

นางหน้าม่อย พูดขออภัยไม่หยุด “อีกเดี๋ยวข้าจะต้องไปไหว้พระขอพรที่วัดกับพ่อแม่แล้ว วันนี้คงเอาของกินมาให้เจ้าไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะ…”

เด็กหญิงผอมแห้งมุมปากกระตุก ก้มหน้ามองตุ๊กตาหิมะตัวน้อยในกล่องไม้ใบเล็กอีกรอบ

เสียงตุ้บดังขึ้น

กล่องไม้ตกลงบนพื้น ‘โดยไม่ทันระวัง’

เด็กหญิงหน้าตางดงามน้ำตาคลอเจียนจะหยด รีบทรุดตัวลงไป

เด็กหญิงผอมแห้งก็ทรุดตัวตามไปด้วย เพียงแต่ว่ามือข้างหนึ่งกลับเอื้อมไปหยิบหินก้อนหนึ่งตรงมุมกำแพงขึ้นมา นางมองตุ๊กตาหิมะน้อยที่หักออกเป็นสองท่อนอยู่ในกล่องไม้อีกรอบ จากนั้นก็ชูมือขึ้นสูง เตรียมจะขว้างหินใส่เด็กหญิงที่สวมอาภรณ์ผ้าแพรปักลายงดงาม

ลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านมา

เมื่อเด็กหญิงดงามเงยหน้าขึ้นคลี่ยิ้ม คิดจะพูดกับเพื่อนรักว่าไม่เป็นไร กลับค้นพบด้วยความตกตะลึงว่าเบื้องหน้ามีคนแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฎกาย เขาสวมชุดคลุมสีขาวหิมะน่ามอง แถมยังสะพายกระบี่อีกด้วย ตรงเอวห้อยน้ำเต้าลูกเล็กสีชาดหนึ่งใบ เด็กหญิงกะพริบดวงตาคลอประกายน้ำปริบๆ มองไปทางเด็กหญิงผอมแห้งดำเกรียมด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม

แล้วก็เห็นว่าเพื่อนรักของตนถูกคนผู้นั้นจับมือเอาไว้

คนที่สะพายกระบี่หันมายิ้มให้นางแล้วชี้ไปทางประตูหลัง “เจ้ากลับบ้านไปก่อนเถอะ เห็นไหม มีคนมารอเจ้าแล้ว”

ท่านปู่จ้าวพ่อบ้านมารอนางแล้วจริงๆ เด็กหญิงงดงามที่อุ้มกล่องไม้ใบเล็กมีท่าทางลังเลใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะมอบมันให้สหายหรือควรจะเอาไปเก็บไว้ในห้องน้ำแข็งของที่บ้านต่อดี

ยังดีที่คนแปลกหน้าช่วยตัดสินใจแทนนางอีกครั้ง “เอากลับไปเถอะ อยู่ข้างนอกคงเก็บไว้ไม่ได้ แบบนั้นคงน่าเสียดายแย่ พวกเจ้ารอให้หิมะของปีนี้ตกแล้วค่อยเอาตุ๊กตาหิมะน้อยมาปั้นใหม่เป็นตุ๊กตาหิมะใหญ่ก็ได้”

เด็กหญิงพยักหน้ารับอย่างแรง กอดกล่องไม้ใบเล็กไว้ บอกลากับสหายที่รู้จักมาเกือบสองปีแล้วจากไป

เด็กหญิงผอมแห้งไม่เอ่ยคำใด

เมื่อประตูใหญ่กำลังจะปิด

เฉินผิงอันถึงได้ปล่อยมือของเด็กหญิง เด็กบ้าคนนี้ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่ออย่างยิ่ง เห็นๆ กันอยู่ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองไม่เลวเลย แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายไม่เอาอาหารมาให้ครั้งเดียว นางก็คิดจะฆ่าแกงกันเลยหรือ?

เฉินผิงอันก้มหน้ามองนาง ถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”

เด็กหญิงเงยหน้าขึ้น ถามกลับ “แล้วเจ้ามายุ่งอะไรกับข้าด้วย?”

—–

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset