บทที่ 317 ลูกผู้ชาย
ภาพร่างแบบเสื้อผ้านี้เธอไม่ได้เป็นคนคิดริเริ่มออกแบบขึ้นมา
เธอไม่ได้มีจุดแข็งด้านเสื้อผ้า แต่เธอออกแบบโดยอิงมาจากเสื้อผ้าแบบใหม่ ๆ ที่มีในเมืองทางใต้และเมืองไห่หนาน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือถึงแม้แบบเสื้อผ้าจะดูแปลกใหม่ แต่ก็ไม่ควรเกินขีดจำกัดของมุมมองด้านความงามในยุคสมัยนี้
แต่ถ้าจะให้สอดคล้องกับมุมมองด้านความสวยงามของหลินชิงเหอแล้วละก็ แบบเสื้อผ้านี้ยังดูสวยไม่มากพอ เธอต้องการจะออกแบบชุดเกาะอกด้วยซ้ำ แต่คนในยุคนี้จะมีใครใส่มันไหมเล่า?
แม้ว่าจะอยู่ในยุคปฏิรูปแล้วก็ตาม แต่มันจะต้องถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ตายแน่
ช่างตัดเสื้อผู้นี้ถูกคนเรียกว่าแม่เฒ่าสวี หลังจากที่นางดูรายละเอียดของภาพร่างแบบแล้ว นางก็เอ่ยปากขึ้น “แบบเสื้อผ้าพวกนี้วิเศษมาก เมื่อทำเสร็จแล้วมันจะต้องออกมาดูดีมากแน่”
จากนั้นนางก็ให้สัญญาว่า “ไม่มีปัญหา เธอสามารถมารับของได้เลยในสามวันนี้”
หลินชิงเหอจึงส่งของให้นางไป
เธอฝากเรื่องการทำเสื้อผ้าไว้กับแม่เฒ่าสวี ถ้าครั้งนี้ทำออกมาได้ดีก็จะมีงานให้ทำอีกมากตามมา และหมายความว่าเธอจะให้แม่เฒ่าสวีเป็นคนทำมันทั้งหมด
หญิงชรารู้สึกดีใจที่ได้หาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ มาช่วยแบ่งเบาครอบครัวของนาง
จากนั้นหลินชิงเหอก็กลับมาที่ร้านเสื้อผ้า
โจวเอ้อร์นี หู่จือและสวี่เชิ่งเหม่ยทำงานคล่องแคล่วกันทุกคน โจวเฉวี่ยนและโจวกุยหลายมาช่วยงานที่นี่ด้วยเหมือนกัน พวกเขาทำความสะอาดเกือบจะเสร็จแล้ว จนทั้งร้านดูเรียบร้อยและสะอาดสะอ้าน
หลินชิงเหอบอกให้พวกเขาเริ่มทำของเล็กๆ น้อย อย่างเช่น พับนกกระดาษ และจากนั้นก็เอามาแขวนเป็นของตกแต่งร้านเก๋ ๆ
นอกจากนั้นก็จัดเตรียมดอกไม้ใส่กระถาง โดยทั่วไปคือพวกเขาจะต้องตกแต่งร้านนี้
“ม้า มันก็แค่ร้านค้า ม้าจำเป็นต้องทำอย่างนี้ด้วยเหรอครับ? นี่มันไม่เป็นการชมชอบในเรื่องความสวยงามมากเกินไปเหรอครับ?” โจวเฉวี่ยนพูดยิ้ม ๆ
“ชมชอบเรื่องสวยงามอะไร เรายังไม่ได้เปิดร้านเลย ในเมื่ออยู่ว่าง ๆ เราก็ต้องหาอะไรมาทำแก้เบื่อสิ” หลินชิงเหอตอบอย่างไม่สนใจ
นี่เป็นปี 1981 แล้ว ความชื่นชอบในสิ่งสวยงามเลิศหรูของเธอจึงเริ่มแสดงออกมาให้เห็น ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เธอไม่กล้าเข้าไปแตะต้องมันเลย
“แม่อยากจะได้ตู้ปลาไหมครับ?” โจวกุยหลายถามด้วยสายตาที่คาดหวัง
“ลืมเรื่องตู้ปลาไปซะเถอะ” หลินชิงเหอกล่าวขณะปฏิญาณอยู่ในใจว่ารอต่อไปอีกสักพักเธอจะจัดการหาตู้ปลามาไว้ที่บ้านให้ได้
“ถ้าอย่างนั้นตัดกระดาษสำหรับติดหน้าต่างเพิ่มไหมคะ?” โจวเอ้อร์นีเสนอ
“กระดาษติดหน้าต่างจำเป็นต้องใช้ด้วย เจ้าสาม ลูกมีปากกาสีไม่ใช่เหรอ? กลับไปเอามาใช้วาดรูปพวกกระต่าย ยีราฟ แพนด้าและอย่างอื่นด้วย แล้วเอามาทากาวติดที่ผนังร้านซะ” หลินชิงเหอสั่ง
ร้านของเธอไม่ได้ขายเสื้อผ้าของผู้ชาย ขายแต่เสื้อผ้าของผู้หญิงเท่านั้น จึงเป็นธรรมดาที่เธอต้องการจะตกแต่งร้านให้สวยงามขึ้น ช่วยไม่ได้นี่นะ ใครใช้ให้พวกผู้หญิงเป็นสัตว์โลกที่ใช้ประสาทสัมผัสทางการมองเป็นหลักกันละ?
สิ้นคำสั่งการจากหลินชิงเหอ พวกเขาจึงเริ่มงานกัน
หลินชิงเหอให้พวกเขาหยุดงานในช่วงเวลาที่เหลือตอนบ่าย เธอให้โจวเฉวี่ยนและโจวกุยหลายพาญาติผู้พี่ของพวกเขาไปเที่ยวเล่นรอบ ๆ เพราะอย่างไรเสียโรงเรียนก็จะเปิดในวันพรุ่งนี้แล้ว
ในส่วนของเจ้าใหญ่ หลังจากที่พ่อของเขากลับมาและไปทำงานที่ร้านเกี๊ยวแล้ว เขาก็ไปหาเพื่อนร่วมชั้นของเขาที่ชื่อเวิงกั๋วเหลียงและไปเล่นบาสเกตบอลด้วยกัน จากนั้นก็ไปกินอาหารกลางวันกับเพื่อนข้างนอกบ้านและไม่ได้กลับมา
หลินชิงเหอไม่ได้ห้ามปรามเขาเช่นกัน ลูกคนนี้จะต้องไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารในวันหยุดฤดูร้อนที่จะถึงแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะได้มีเวลาพักผ่อนหย่อนใจแบบนี้ในอนาคต
ดังนั้นในภาคการศึกษานี้เธอจึงไม่ห้ามเขา เขาอายุ 17 ยังอยู่ในวัยกำลังโตอยู่เลย
เขาสูงมากกว่า 180 เซนติเมตรแล้ว สูงกว่าพ่อของเขา 2 ถึง 3 เซนติเมตร
โจวเฉวี่ยนและโจวกุยหลายพาญาติผู้พี่ของเขาไปเที่ยวรอบ ๆ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 5 โมงเย็นจึงกลับมา
แววตาของหู่จือเป็นประกาย แม้แต่โจวเอ้อร์นีและสวี่เชิ่งเหม่ย พวกเขาต่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกันเลย
“เร็วเข้า ไปล้างมือแล้วเตรียมตัวกินข้าว” หลินชิงเหอบอก
“ตอนนี้คุณอาสี่เป็นคนทำอาหารแล้วหรือคะ?” โจวเอ้อร์นีเม้มปากยิ้ม
“ใช่แล้ว” โจวชิงไป๋ตอบรับและวางกับข้าวจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ
เฒ่าหวังมากินข้าวที่นี่ด้วย โต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนทำให้บรรยากาศดูคึกคักมาก
“คุณปู่ครับ เดี๋ยวผมจะไปโรงอาบน้ำ คุณปู่อยากไปด้วยกันไหมครับ?” โจวข่ายหันไปถามคุณปู่ทูนหัวของเขา
เฒ่าหวังตอบว่า “ไปสิ” มันรู้สึกสบายมากเมื่อได้อาบน้ำขัดตัว
“พวกนายจะไปด้วยไหม?” โจวข่ายถามคนอื่น ๆ
“ไป” โจวเฉวี่ยนพยักหน้า
“ฉันไม่ไป ฉันเพิ่งไปมาเมื่อวาน” หู่จือตอบ
“ถ้าอย่างนั้นพี่กลับไปดูทีวีกับลูกพี่ลูกน้องก่อนนะครับ ผมอยากจะไปอาบน้ำด้วยเหมือนกัน” โจวกุยหลายบอก
หลังจากกินเสร็จ พวกเขากลับไปเอาเสื้อผ้าและไปที่โรงอาบน้ำกัน หู่จือกลับไปพร้อมกับพวกเขา สวี่เชิ่งเหม่ยและโจวเอ้อร์นีรีบล้างจานและทำความสะอาด จากนั้นจึงตามพวกเขากลับไป
พวกเขาทั้งหมดกลับมาดูทีวีกัน แม้ว่าโจวเอ้อร์นีรู้ว่าหล่อนจะต้องขยันทำงานให้หนักแต่หล่อนก็ต้องการดูทีวี เนื่องจากยังไม่มีงานอะไรให้หล่อนทำ
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่ได้รีบกลับมาบ้าน คู่สามีภรรยาไปดูหนังด้วยกัน
นี่เป็นช่วงเวลาว่างของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นหลินชิงเหอหรือโจวชิงไป๋ พวกเขาต่างมีความสุขกับช่วงเวลานี้ร่วมกัน
“เปิดร้านเสื้อผ้าแล้วจะเหนื่อยไหมครับเนี่ย?” โจวชิงไป๋ถามขึ้นเมื่อพวกเขาออกมาจากโรงหนัง
หลินชิงเหอหัวเราะและพูดว่า “มีอะไรให้เหนื่อยคะ? ฉันมีพวกเด็ก ๆ เป็นคนมาทำงานให้ ฉันแค่ไปหาคนมาผลิตเสื้อผ้าเท่านั้นเอง”
โจวชิงไป๋พยักหน้า
“เกือบจะได้เวลาต้องกลับกันแล้วค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงาน” หลินชิงเหอกล่าว
แม้ว่างานจะเหนื่อยไปบ้างแต่หลินชิงเหอก็รู้สึกว่าทุกอย่างสมดั่งใจหวัง ไม่มีอะไรที่สูญเปล่าไปเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนที่พวกเขากลับมาถึงบ้านก็เพิ่งจะสามทุ่มเท่านั้น
เนื่องจากผู้ใหญ่ยังไม่กลับมา พวกเขาจึงยังนั่งดูทีวีกันอยู่
“เชิ่งเหม่ย ได้เวลากลับกันแล้วจ้ะ” โจวเอ้อร์นีลุกขึ้นบอก
“อืม” สวี่เชิ่งเหม่ยพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
โจวข่ายและหู่จือเดินไปส่งพวกเธอที่ร้านเกี๊ยวและจากนั้นจึงกลับมา
หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ล้างหน้าล้างตาของตัวเองเสร็จเรียบร้อย
เมื่อโจวข่ายกลับมา เขากล่าวว่า “พ่อครับ แม่ครับ ผมไปเยี่ยมเพื่อนเก่าของคุณปู่ทูนหัวพร้อมกับเพื่อนคนหนึ่งของเขาในช่วงวันปีใหม่นะ ทันทีที่ผมเรียบจบปีนี้ ผมจะไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารนะครับ”
“คุณปู่ทูนหัวจัดการให้ก็วางใจได้ ลูกแค่ทำตามที่ท่านบอกเถอะ” หลินชิงเหอกล่าว
ส่วนโจวชิงไป๋พูดว่า “พรุ่งนี้ไปฝึกต่อ อย่าได้หยุดพัก”
ถ้าเขาหยุดพักในตอนนี้ เขาจะต้องทนทุกข์ในวันข้างหน้า เมื่อไปที่กองทัพ ผู้คนคงไม่มีทางยอมให้เขาได้รับเลื่อนตำแหน่งทันทีเพียงเพราะเขามาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งและเป็นนักเรียนที่โดดเด่นในโรงเรียนเตรียมทหาร
ต่อให้มีคุณสมบัติรับรองเพียงพอแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีให้สมกับสถานะที่ได้มาด้วย
โจวข่ายเห็นด้วย
“มันเป็นงานหนักสำหรับเจ้าใหญ่ของเราอยู่นะคะ” หลินชิงเหอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาต่อหน้าลูก แต่เมื่อพวกเขากลับมาที่ห้องของตัวเอง เธอกระซิบพูดกับโจวชิงไป๋ขณะนอนอยู่บนเตียง
ถึงอย่างไรเจ้าใหญ่ก็อายุแค่ 17 ปีเท่านั้น เขาได้รับการสนับสนุนจากเธอก่อนหน้านี้เพื่อให้ทันการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งแรก แม้แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้อะไรมาง่าย ๆ เลย
โจวชิงไป๋ไม่ได้รู้สึกว่าลูกชายคนโตของเขาต้องประสบกับความยากลำบากอะไร มันง่ายขึ้นกว่าตัวเขาในสมัยก่อนมาก
และสภาพต่าง ๆ ก็ดีขึ้นมาก ตราบเท่าที่เขาเต็มใจจะทำงานหนัก ความสำเร็จในอนาคตของเขาจะไม่มีอะไรเลวร้าย
“เขาเป็นผู้ชาย คุณต้องให้เขาได้มีประสบการณ์กับเรื่องต่าง ๆ” โจวชิงไป๋รู้ว่าภรรยาของเขารักลูกชายมาก ดังนั้นเขาจึงต้องปลอบใจ
หลินชิงเหอไม่ได้พูดอะไรอีก
เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการศึกษาของลูก ๆ แม้พวกเขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยวาง แต่พวกเขาก็ต้องทำให้ได้
หลังเปิดเรียนได้สองวัน เธอก็อุทิศความสนใจของตนเองไปที่ภาคการศึกษาใหม่
โรงเรียนของโจวเฉวี่ยนและโจวกุยหลายก็เริ่มเปิดเรียนในเวลาเดียวกัน
หลินชิงเหอให้โจวเอ้อร์นีเป็นคนจัดการร้านเสื้อผ้าแทน เธอเชื่อว่าหล่อนสามารถเรียนรู้ที่จะจัดการมันได้