ศึกใหญ่ปิดฉากลง
เฉินผิงอันแบกกู้ช่านเดินลงจากภูเขาช้าๆ
ยันต์ร่างจริงเทพท่องทิวาราตรีถูกเก็บเข้าไปไว้ในชายแขนเสื้อแล้ว รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออยู่ในแกนกลางของยันต์แทบจะเผาผลาญไปจนสิ้น คราวหน้าเกรงว่าหาก ‘เชิญเทพลงจากภูเขา’ อีกครั้ง ไม่ต้องถึงหนึ่งก้านธูป ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับใคร ยันต์ก็คงจะสลายหายไปด้วยตัวเองแล้ว
ใบหน้ากู้ช่านเต็มไปด้วยคราบเลือด สีหน้าซีดเซียว บาดเจ็บสาหัสอย่างถึงที่สุด
แต่ถึงอย่างไรก็มีชีวิตรอดมาได้
เจียวหลงที่หายใจรวยรินตัวนั้นสะบัดหางเบาๆ แล้วพุ่งตัวห่างไปไกล สุดท้ายดำดิ่งลงไปยังมุมใดมุมหนึ่งที่อยู่ใต้น้ำทะเลสาบซูเจี่ยน
หลายปีมานี้ มันได้แอบขุด ‘วังมังกร’ ไว้ตรงนั้นจนพอจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างหยาบๆ แล้ว
หลิวเหล่าเฉิงแสดงบารมีอยู่บนเกาะชิงเสีย ใช้มาดผู้ไร้ศัตรูทัดเทียมของผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนเล่นงานให้กู้ช่านและเผ่าพันธ์เจียวหลงตัวนั้นบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นร่อแร่ใกล้ตาย
ในฐานะเจ้าแห่งยุทธภพคนใหม่ เจ้าของเกาะชิงเสีย ตั้งแต่ต้นจนจบหลิวจื้อเม่ากลับไม่ได้ปรากฎตัว
กลับกลายเป็นนักบัญชีท่านนั้นที่ลงมือขัดขวางหลิวเหล่าเฉิง
สุดท้ายหลิวเหล่าเฉิงที่เคยมีวลีหนึ่งโด่งดังไปทั่วทะเลสาบซูเจี่ยน เจ้าของเกาะกงหลิ่วที่เคยพูดเองกับปากว่า ‘ฆ่าคนฆ่าจนอ่อนใจ แต่ห้ามมืออ่อนเด็ดขาด’ ทว่าวันนี้กลับยอมยั้งมือไว้ไมตรี?
ทันใดนั้นผู้ฝึกตนอิสระหลายหมื่นคนที่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนต่างก็รู้สึกเหมือนมองดอกไม้ในไอหมอก ยิ่งมองก็ยิ่งสับสนมึนงง
บนทางภูเขา เมื่อหนีชิวน้อยเข้าไปในรังแล้วเริ่มเข้าสู่สภาพของการจำศีล อาการบาดเจ็บของกู้ช่านก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย
เขากอดคอของเฉินผิงอัน พูดเบาๆ ว่า “เฉินผิงอัน เจ้าจะเอาหนีชิวน้อยกลับไปหรือไม่? อันที่จริงถานเซวี่ยกลัวเจ้ามาก ถึงอย่างไรเจ้าก็ถือว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของหนีชิวน้อย เมื่อติดตามเจ้า ข้าก็ไม่ต้องกังวลว่านางจะได้รับความอยุติธรรม หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วข้าปกป้องนางไม่ได้ ข้ายอมให้ถานเซวี่ยตายไปเสียยังดีกว่า แต่หากเจ้าเอาไป ข้าก็รับได้ อีกทั้งวันหน้าข้าจะไม่มีทางเสียใจภายหลัง เจ้าเองก็รู้นิสัยของข้าว่าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น”
“เจ้าเก็บไว้เถอะ ตอนนี้ถานเซวี่ยอยู่ข้างกายเจ้า ข้าถึงจะทำเรื่องของตัวเองได้อย่างวางใจ”
“เพราะอะไรกันแน่? ไม่กลัวว่าถานเซวี่ยอยู่กับข้าแล้วจะกลายเป็นผีชางรับใช้เสือหรือ?” (ในสมัยโบราณเชื่อกันว่าผู้ที่โดนเสือกัดตายนั้น วิญญาณจะกลายเป็นผู้รับใช้เสือ คอยช่วยหาเหยื่อ ช่วยให้เสือไปทำร้ายคนอื่นต่อไป ภายหลังนำสำนวนนี้มาใช้เปรียบเปรยถึงการยินยอมรับใช้ช่วยเหลือคนชั่วร้ายเลวทราม เพื่อกระทำสิ่งชั่วช้า)
“เมื่อก่อนตอนข้าอยู่ใบถงทวีปเคยได้สมบัติอาคมของตระกูลเซียนมาชิ้นหนึ่ง เป็นกระบี่เล่มหนึ่งที่มีชื่อว่าชือซินที่แปลว่าจิตลุ่มหลง แต่ก็สามารถเรียกว่าชือซินที่แปลว่ากินหัวใจคนได้ด้วย หากแทงมันไปที่หัวใจคน ระดับขั้นของมันก็จะเพิ่มสูงขึ้น ตอนแรกข้ารู้สึกต่อต้านมันอย่างมาก อย่าว่าแต่จะเอามันมาเข่นฆ่าผู้คนเลย แค่มองยังรู้สึกสะอิดสะเอียน ภายหลังถึงได้เข้าใจว่า สิ่งของนั้นไร้ชีวิต แต่คนกลับมีชีวิต วิญญูชนไม่ใช่ภาชนะ (ภาชนะเปรียบเปรยถึงสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้ว สิ่งที่มีรูปแบบแน่นอน จิตใจของวิญญูชนนั้นต้องรองรับได้ทั้งใต้หล้า รับได้ทั้งบุ๋นและบู๊ มีความสามารถหลากหลาย ไม่เหมือนภาชนะที่อยู่ในรูปแบบตายตัว ความจุมีจำกัด) จึงจะควบคุมหมื่นสรรพสิ่งได้ ช่างเถอะ หลักการเหตุผลพวกนี้ เจ้าไม่ชอบฟัง ข้าไม่พูดก็แล้วกัน”
“พูดมาเถอะ ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อก่อนรู้สึกว่าหงุดหงิดใจ แต่ตอนนี้พอได้ยินเจ้าพูดเรื่องพวกนี้ แม้ว่าจะยังฟังไม่เข้าหู ยังคงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่เหมือนเดิม แต่ฟังแล้วกลับรื่นหูอย่างมาก เฉินผิงอัน เจ้าว่าแปลกหรือไม่?”
เฉินผิงอันกลับเปลี่ยนหัวข้อ “นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว”
กู้ช่านร้องอ้อหนึ่งที “ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร ครั้งแรกไม่ได้ไปจากเกาะชิงเสีย ครั้งนี้คือช่วยข้า หากยังมีอีกครั้ง เจ้าก็จะไม่สนใจข้าแล้ว จะเห็นข้าเป็นแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น”
เฉินผิงอันพูดเสียงเฉยชา “ถือว่ายังพอจะรู้ดีรู้ชั่ว มีมโนธรรมในใจอยู่บ้าง”
กู้ช่านหลุดหัวเราะ “ฮ่า ไม่มากหรอก ก็มีแค่กับแม่ข้า กับเจ้า สองคนเท่านั้น พ่อที่ตายไปเป็นผีคนนั้นของข้า ข้าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับเขา จึงสนิทใจด้วยไม่ไหวจริงๆ แล้วถ้าถึงเวลาที่ครอบครัวได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้า ได้พบเขาแล้วจะเปลี่ยนความคิดหรือไม่ ข้ากลับไม่ยินดีจะคิดถึงสักเท่าไหร่”
น้ำเสียงของเฉินผิงอันยิ่งแหบพร่า “ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ”
“เฉินผิงอัน ข้ายังคงอยากรู้มากว่าทำไมครั้งนี้ถึงช่วยข้า? อันที่จริงข้ารู้ว่าเจ้าผิดหวังในตัวข้ามาโดยตลอด ข้ารู้ดี ดังนั้นข้าถึงได้พาหนีชิวน้อยไปที่เรือนหน้าประตูภูเขาบ่อยๆ ต่อให้ไม่ได้ทำอะไร แต่ก็ต้องไปนั่งอยู่ตรงนั้นสักพัก”
“เลิกพูดได้แล้ว”
“ยังไม่ตายตอนนี้หรอก หนีชิวน้อยกลับเข้ารังใต้น้ำไปแล้ว ส่วนข้าก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว เฉินผิงอัน ไหนลองพูดมาสิ ข้ายังอยากฟัง…ฟังเหตุผลของเจ้า”
ลูกกระเดือกของเฉินผิงอันขยับขึ้นลงเล็กน้อย ฝืนกลืนเลือดสดที่แล่นมาจุกตรงลำคอลงไป ขอแค่กู้ช่านยินดีฟังเขาพูด เขาก็ยินดีจะพูดให้กู้ช่านฟัง เฉินผิงอันที่หน้าซีดขาวยิ่งกว่ากู้ช่าน หน้าอกสะท้อนขึ้นลงรุนแรง เขาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ สองสามครั้ง หลังจากร่างกายพอจะสงบลงได้แล้ว ถึงได้เปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ข้าเคยตัดขาดและขีดเส้นกำหนดขอบเขตกับเจ้า นี่เป็นวิธีที่ได้มาจากการอนุมานในการเล่นหมากล้อม แล้วก็สามารถเอามาใช้ฝึกกระบี่ พูดง่ายๆ ก็คือ อย่างแรกก็เหมือนการที่ข้าย้ายออกมาจากจวนชุนถิง ไปพักอยู่ที่ห้องตรงประตูภูเขา อย่างหลังก็คือการที่ข้าคอยจับตามองเจ้าอยู่ตลอดเวลา ขอแค่เจ้าไม่เดินออกจากวงกลมที่ข้าคิดว่าไม่ใช่การทำผิด ข้าก็จะช่วยเจ้า ข้าก็จะยังคงเป็นเพื่อนบ้านในตรอกหนีผิงที่เจ้ารู้จักในอดีตคนนั้น”
“แล้วถ้าเจ้ามาถึงเกาะชิงเสียแล้ว ข้ายังฆ่าคนบริสุทธิ์พร่ำเพื่อล่ะ? เจ้าจะจากไปไหม? หรือจะฆ่าข้าให้ตาย?”
“ข้าจะพยายามห้ามไม่ให้เจ้าทำผิดอย่างสุดกำลังความสามารถ ก็เหมือนอย่างที่วันนี้ห้ามไม่ให้หลิวเหล่าเฉิงฆ่าเจ้า อีกทั้งข้าจะไม่ไปจากทะเลสาบซูเจี่ยน ยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้ข้าไปทำ ทั้งทำเพื่อเจ้า แล้วก็ทำเพื่อตัวข้าเอง”
“มีชีวิตแบบนี้ไม่เหนื่อยหรือ?”
“ปีนั้นตอนที่อยู่ในตรอกหนีผิง ทุกวันมีชีวิตอย่างยากลำบากราวกับว่าจะไม่อาจลืมตาอ้าปากได้ชั่วชีวิต ไม่เหนื่อยหรือ? ก็เหนื่อยเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเจ้าลืมไปแล้วก็เท่านั้น”
“แต่คนเรามีชีวิตอยู่ก็ไม่ใช่เพื่อได้ใช้ชีวิตอย่างสำราญและสุขสบายหรือ?”
“เกี่ยวกับคำถามที่ย้อนกลับไปสู่จุดเดิมนี้ ข้าย่อมให้คำตอบแก่เจ้าได้ แต่ไม่แน่เสมอไปว่าเจ้าจะฟังเข้าหู งั้นข้าก็คงไม่พูดแล้ว ดังนั้นข้าจึงหวังว่าในอนาคตเจ้าจะสามารถเดินออกไปจากทะเลสาบซูเจี่ยน ไปเห็นยุทธภพที่ใหญ่ยิ่งกว่าเดิมด้วยตาของตัวเอง ใช่แล้ว ข้ารับลูกศิษย์ใหญ่เปิดภูเขาแล้ว เป็นแม่นางน้อยคนหนึ่ง ชื่อว่าเผยเฉียน วันหน้าหากเจ้าออกจากทะเลสาบซูเจี่ยนไปท่องอยู่ในยุทธภพ หรือได้กลับไปเยือนเขตการปกครองแล้วข้าไม่อยู่ที่นั่น เจ้าก็สามารถไปหานางได้ ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าสองคนน่าจะถูกชะตากัน อืม แล้วก็เป็นไปได้ว่าจะเกลียดขี้หน้ากัน”
กู้ช่านรู้สึกอารมณ์ดีไม่น้อย
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เฉินผิงอันพูดกับตนถึงเรื่องในอนาคตที่บอกให้รู้ว่าเขากับเฉินผิงอัน ‘ถูกมัด’ เข้าด้วยกัน
กู้ช่านกล่าวอย่างสะลึมสะลือ “เฉินผิงอัน ข้าเริ่มง่วงแล้ว”
เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นก็หลับเถอะ เรื่องทุกอย่างหลังจากนี้ เจ้าไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่”
กู้ช่านพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองหมดสติ เขาพูดเสียงสะอื้นแผ่วเบา “เฉินผิงอัน ข้ากลัวมากว่าเมื่อข้าลืมตาขึ้นมา เจ้าจะแอบหนีออกไปจากเกาะชิงเสียแล้ว”
เฉินผิงอันกล่าว “ไม่มีทาง”
น้ำเสียงของกู้ช่านค่อยๆ แผ่วหายไป “ไม่ได้โกหกข้าจริงๆ นะ?”
เฉินผิงอันถามกลับ “ข้าเคยโกหกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”
กู้ช่านพยักหน้ารับเบาๆ แล้วจึงนอนหลับไปอย่างวางใจ
กู้ช่านหลับไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงสัมผัสไม่ได้ว่า เฉินผิงอันที่ไม่อาจยกมือเช็ดหน้ามีเลือดสดไหลหยดลงบนมือของกู้ช่านไม่ขาดสาย
……
ในจวนชุนถิง
กู้ช่านนอนอยู่บนเตียง
สตรีแต่งงานแล้วนั่งอยู่ข้างเตียง เจ็บปวดรวดร้าวปานจะขาดใจ
เถียนหูจวินนำยาล้ำค่าซึ่งถูกเก็บรักษาไว้อย่างเป็นความลับของเกาะชิงเสียมามอบให้
ตอนที่นางได้เห็นนักบัญชีซึ่งยืนอยู่ข้างเตียงผู้นั้น นางกลับใจสั่น แม้แต่มือก็สั่นตามไปด้วย
เฉินผิงอันชำเลืองตามองขวดยาที่อยู่ในมือนางแล้วเปิดปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ไม่มีปัญหา?”
เถียนหูจวินพยักหน้ารับอย่างแรง “รับรองด้วยชีวิต!”
เฉินผิงอันกล่าว “หลังจากกลับไปแล้ว ไปบอกหลิวจื้อเม่าว่าอีกไม่นานข้าจะไปพบเขา”
เถียนหูจวินได้แต่ตกปากรับคำ
หลังจากป้อนยาให้กู้ช่านที่หมดสติแล้ว เถียนหูจวินจึงรีบเผ่นหนีจากไป
สตรีแต่งงานแล้วทำอะไรไม่ถูก ได้แต่พึมพำซ้ำไปซ้ำมา “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้…”
เฉินผิงอันย้ายเก้าอี้ขยับไปนั่งข้างๆ ด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย เขาถามย้อนกลับว่า “ทำไมถึงจะไม่เป็นอย่างนี้?”
สตรีแต่งงานแล้วเงยหน้าขึ้น น้ำตาร่วงเผลาะๆ ลงเป็นสาย มองคนหนุ่มที่ใบหน้าผอมตอบกว่าเดิมเยอะมาก นาทีนี้นางพลันรู้สึกว่าเขาช่างเหมือนคนแปลกหน้ายิ่งนัก
เฉินผิงอันถามอีกครั้ง “อยากถามข้าว่าข้าจงใจเห็นกู้ช่านบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ใช่ไหม?”
สตรีแต่งงานแล้วเบี่ยงสายตาไปมองจุดอื่น
เฉินผิงอันถามเองตอบเอง “ไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนั้นสิ่งที่ข้าทำได้มีเพียงเท่านี้จริงๆ”
สตรีแต่งงานแล้วถอนหายใจ หลุบตาลงต่ำ น้ำตาอาบเต็มใบหน้า พยักหน้ารับ “ข้าเชื่อเจ้า เฉินผิงอัน”
นาทีนี้
เฉินผิงอันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เป็นความเสียใจที่เกี่ยวกับกู้ช่านและท่านอาหญิง แต่กลับไม่ได้เกี่ยวมากนัก
คืนนั้นตอนที่อยู่บนท่าเรือ อันที่จริงเขาคิดจนเข้าใจแล้วว่าปมของเงื่อนตายนี้อยู่ที่ไหน
หากเขาเฉินผิงอันคิดจะพิสูจน์ในข้อนี้ ไม่ยาก
ก็แค่ต้องจงใจเปิดเผยรายละเอียดเล็กๆ สองอย่างต่อหน้ากู้ช่านอย่างให้ไม่เป็นที่สังเกต ยกตัวอย่างเช่นแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญต่อสิ่งของนอกกายบางชิ้นมากกว่ากู้ช่าน
จิตดั้งเดิมของกู้ช่านกับผืนนาหัวใจที่เกี่ยวข้องกับเฉินผิงอันผืนนั้นจะต้องถูกทิ้งร้างไม่ต่างกัน และไม่นานก็จะมีวัชพืชเติบโตขึ้นมา สุดท้ายไม่แน่ว่าด้วยนิสัยที่เดินไปบนความสุดโต่งได้ง่ายของกู้ช่าน อาจทำให้เขากลับกลายมาเป็นศัตรูกับเฉินผิงอันก็เป็นได้
เฉินผิงอันไม่ยินดีจะไปพิสูจน์ ไม่อยากหยั่งเชิงจิตใจของคน
รู้คำตอบแล้ว แล้วจะอย่างไร?
โยนทุกอย่างทิ้งไป พูดแค่เรื่องบุญคุณความแค้นและผลได้ผลเสีย ไม่ได้กลัวว่ากู้ช่านจะมีอคติต่อตน เปลี่ยนจากคนที่สนิทกันเหมือนญาติกลายมาเป็นศัตรูคู่แค้น
ตอนที่จิตใจของเฉินผิงอันสงบ เขาไม่หวาดกลัวความแข็งแกร่งบนหมัดของศัตรูคนใดทั้งนั้น ไช่จินเจี่ยนและฝูหนันหัวในตรอกเล็ก จนมาถึงวานรย้ายภูเขา และศัตรูทั้งหมดที่พบเจอบนเส้นทางหลังจากนั้น ล้วนเป็นเช่นนี้
เฉินผิงอันแค่ไม่ต้องการให้ตัวเองสูญเสียเจ้าเด็กขี้มูกยืดในปีนั้นไป แล้วยังต้องสูญเสียกู้ช่านแห่งทะเลสาบซูเจี่ยนที่ความตั้งใจแรกคือทำเพื่อมารดาถึงได้เดินมาถึงก้าวนี้อีกด้วย
ยิ่งไม่อยากให้กู้ช่านต้องเสียใจเหมือนกับตน
เรื่องราวและความรู้สึกของคนบนโลก ยิ่งคนผู้หนึ่งคิดอย่างลึกซึ้งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไร้คำพูดจะเอื้อนเอ่ยมากเท่านั้นใช่หรือไม่?
เฉินผิงอันนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลังจากหลับตาพักผ่อนอยู่ชั่วครู่ก็ลุกขึ้นยืน
สตรีแต่งงานแล้วถามอย่างเป็นกังวล “เฉินผิงอัน เจ้าจะไปไหน?”
เฉินผิงอันกล่าว “ขอแค่ข้าอยู่ในเกาะชิงเสีย อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน ท่านอาหญิงวางใจเถอะ”
สตรีแต่งงานแล้วทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดไป ถึงท้ายที่สุดแล้วก็ไม่กล้ารั้งตัวเขาเอาไว้
พอเดินออกมาจากจวนชุนถิง เฉินผิงอันก็ยกมือกดหัวใจ อีกมือหนึ่งยกขึ้นปิดปากทันใด
เขาฝืนดึงแรงเฮือกหนึ่งมาใช้ ก่อนจะเดินช้าๆ ไปยังเรือนตรงหน้าประตูภูเขา
พอไปถึงห้องแห่งนั้น เขาเปิดประตู ปิดประตูลง จุดไฟตะเกียงที่วางไว้บนโต๊ะ
เฉินผิงอันนั่งอยู่บนม้านั่งยาวที่หันหลังให้กับหน้าต่าง หยิบเอายาที่ซื้อจากร้านยาตระกูลหยางออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา แล้วฝืนกลืนมันลงไป
เขานั่งอยู่เพียงลำพัง
บนโต๊ะวางน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ กระบี่บินชูอีกับสืออู่ต่างก็เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูและข้างหน้าต่าง
คนที่มีนิสัยผิดมนุษย์มนา ไม่น่าเข้าใกล้ ยากจะใกล้ชิด ยากจะสนิทใจ
แล้วก็จะต้องผิดหวัง
นึกถึงญาติมิตรที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันจนดึกดื่น แล้วคงยังจะพูดถึงคนที่จากบ้านมาไกลอย่างข้า
ดูเหมือนว่าจะมีความหวังขึ้นมาอีก
แต่ถึงท้ายที่สุดแล้วก็ยังต้องผิดหวังอยู่ดี
หลังจากกินยาที่หยางเหล่าโถวเป็นผู้ปรุงลงไป เฉินผิงอันที่ตั้งแต่ร่างกายไปจนถึงจิตวิญญาณล้วนด้านชาไร้ความรู้สึกก็นั่งเหม่อมองแสงไฟ ไส้ตะเกียงค่อยๆ หดสั้นลง ท้องฟ้าเริ่มจะสว่าง
คนหนุ่มที่สายตานิ่งสนิทดุจบ่อโบราณล้ำลึกหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง
ฟ้าสว่างแล้ว
—–