ตอนที่ 439.1 ใจคนเหมือนน้ำที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ

หน้าหนาวที่อากาศเยียบเย็น น้ำของทะเลสาบกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไอเย็นเสียดลึกถึงกระดูก

กู้ช่านสลบไปถึงสามวันสามคืน ทุกวันเฉินผิงอันจะต้องมานั่งอยู่ข้างเตียงของเขาเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง ดมกลิ่นยาที่เข้มข้น

ก็เหมือนก่อนหน้านี้ที่กู้ช่านกับหนีชิวน้อยมักจะไปนั่งอาบแดดนอกห้องที่ตั้งอยู่ตรงประตูภูเขา

เฉินผิงอันที่อยู่ในห้องแห่งนี้คอยลุกขึ้นเดินมาที่หัวเตียงเพื่อตรวจสอบเส้นชีพจรของกู้ช่าน ป่วยนานวันเข้าก็กลายมาเป็นหมอเสียเอง เรื่องนี้เฉินผิงอันไม่ถือว่าเป็นคนนอกวงการแล้ว สำหรับบาดแผลที่จะอาการรุนแรงขึ้นหรือใกล้จะหายดี เขาจึงยังพอมองออกอยู่บ้าง ยาวิเศษที่หลิวจื้อเม่าสั่งให้เถียนหูจวินนำมาให้นั้นมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม มีความเป็นได้มากว่าจะเป็นตัวยาล้ำค่าที่คล้ายคลึงกับยาของตำหนักพยัคฆ์เขียวที่หลอมให้เซียนดินโดยเฉพาะ

วันนี้กู้ช่านฟื้นขึ้นมาแล้ว เห็นเฉินผิงอันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น กู้ช่านก็คลี่ยิ้มกว้าง ทว่าเพียงไม่นานก็หลับไปอีกครั้ง ลมหายใจหนักแน่นมั่นคงขึ้นเยอะมาก

หลังจากที่เฉินผิงอันออกมาจากจวนชุนถิง สตรีแต่งงานแล้วลังเลอยู่ชั่วครู่ก็บอกให้ผู้ดูแลที่เป็นขอบเขตประตูมังกรคนหนึ่งของจวนไปเชิญตัวหลิวจื้อเม่ามา บอกว่านางมีเรื่องจะปรึกษา

สตรีแต่งงานแล้วนั่งอยู่ข้างเตียง กุมมือที่ยังร้อนผ่าวของกู้ช่านไว้เบาๆ น้ำตาคลอเจียนจะหยด

ความคิดของสตรีแต่งงานแล้วล่องลอยไปไกล สุดท้ายนางก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ

โชคดีที่ช่านช่านไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่น่าเสียดายที่ไปถ่วงการทำ ‘อาหารเทพเซียน’ ที่จวนชุนถิงตั้งใจปรุงขึ้นโดยเฉพาะ

การกินอาหารของผู้ฝึกตนมีข้อที่ต้องพิถีพิถันอยู่มาก ยาของในบรรดาเมธีร้อยสำนักก็ต้องยกคุณความชอบให้กับเรื่องนี้ คำกล่าวที่ว่าเรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญเทียมฟ้า สำหรับผู้ฝึกลมปราณที่เป็นคนบนภูเขาแล้ว คำกล่าวนี้ก็ใช้ได้ผลเช่นเดียวกัน

ใช้ยี่สิบสี่ช่วงเวลาของหนึ่งปีเป็นช่วงรอยต่อคร่าวๆ มียาบำรุงตามเทศกาลที่สมบูรณ์แบบอยู่ชุดหนึ่งก็สามารถช่วยบำรุงร่างกายและจิตวิญญาณให้ผู้ฝึกตนได้ ยาบำรุงของผู้ฝึกตนก็คล้ายคลึงกับการกินอาหารเสริมของคนตระกูลร่ำรวย

แน่นอนว่าหากคิดจะเพิ่มพูนตบะได้อย่างต่อเนื่องก็ต้องกินทุกวัน ทุกปี ดังนั้นจึงต้องมีเงิน มีเงินมากๆ

และเพียงไม่นานสายตาของสตรีแต่งงานแล้วก็ฉายความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่

สำหรับความยืดหยุ่นของสตรีอาภัพที่มีชีวิตอย่างยากลำบาก ความดึงดันของแม่คนหนึ่งที่จับมือบุตรชายเดินไปบนเส้นทางแห่งอนาคต หญิงหม้ายคนหนึ่งที่จำต้องคิดคำนวณถึงเงินเหรียญทองแดงทุกเหรียญอย่างละเอียดรอบคอบ ก็เหมือนกับอิฐหนึ่งก้อนกระเบื้องหนึ่งแผ่นที่ประกอบกันขึ้นเป็นบ้านบรรพบุรุษในตรอกหนีผิงหลังนั้น บ้านที่ช่วยบังลมบังฝนให้กับแม่ลูกที่มีชีวิตพึ่งพากันและกัน

นางเดินข้ามผ่านธรณีประตูไปเบาๆ ด้านนอกมีแม่นางเปิดสาบเสื้อคนหนึ่งที่คิดจะช่วยปิดประตูให้ แต่พอสตรีแต่งงานแล้วตวัดตามองไป อีกฝ่ายก็รีบหดมือกลับ นางจึงงับประตูปิดลงด้วยตัวเองเบาๆ

ในห้องโถงของจวนชุนถิงที่สวยงามโอ่อ่า สตรีแต่งงานแล้วมาพบสกัดคงคาเจินจวิน เจ้าแห่งยุทธภพของทะเลสาบซูเจี่ยนคนปัจจุบันที่เพิ่งจะทรุดตัวนั่งลง

เทพเซียนนอกโลกที่ปีนั้นพาพวกนางสองแม่ลูกออกมาจากตรอกหนีผิง หลิวจื้อเม่า

มองสตรีแต่งงานแล้วที่อยู่ตรงหน้า จากสตรีที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของบ้านป่า ค่อยๆ ลอกคราบกลายมาเป็นนายหญิงแห่งจวนชุนถิงเกาะชิงเสียในทุกวันนี้ เวลาสามปีที่ผ่านไป รูปโฉมของนางไม่เพียงแต่ไม่โรยรา กลับยังเพิ่มสง่าราศีขึ้นมาอีกหลายส่วน ผิวพรรณขาวนวลเนียนประดุจเด็กสาว หลิวจื้อเม่ายังรู้อีกว่านางชอบฟังสาวใช้ในจวนพูดว่านางในเวลานี้ดูสูงศักดิ์ยิ่งกว่าฮูหยินตราตั้งของแคว้นสือหาวเสียอีก หลิวจื้อเม่ารับชาร้อนถ้วยหนึ่งที่พ่อบ้านส่งมาให้อย่างระมัดระวัง จับฝาถ้วยชาแกว่งเบาๆ แล้วให้รู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย สตรีที่เป็นเช่นนี้ หากปีนั้นชิงบังคับขืนใจนางตั้งแต่เนิ่นๆ เกรงว่าวันนี้ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ตนเป็นถึงอาจารย์ แต่กลับต้องมากริ่งเกรงลูกศิษย์ของตัวเอง

เพราะหากสตรีแต่งงานแล้วถูกเขาหลิวจื้อเม่ากำราบเอาไว้ได้ นางย่อมมีเหตุผลและข้ออ้างนับหมื่นที่จะกล่อมให้ตัวเองคล้อยตามได้อย่างสิ้นเชิง

ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถอาศัยสิ่งนี้มาใช้ควบคุมกู้ช่านได้ดีกว่าเดิม

ขอแค่มอบความร่ำรวยสูงศักดิ์ให้นางอย่างต่อเนื่อง นางก็จะพยายามไขว่คว้าไว้อย่างสุดชีวิต กำมันไว้ในมือแน่น เฝ้าปกป้องทรัพย์สินส่วนนี้ไว้เป็นอย่างดี ด้วยหวังว่าจะนำทั้งหมดมอบให้แก่บุตรชายในอนาคต

นั่นต่างหากจึงจะเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดของเกาะชิงเสีย

ไม่ใช่อย่างทุกวันนี้ที่นับวันความต้องการยิ่งมากขึ้น อาศัยอยู่ในจวนชุนถิงที่ไม่เป็นรองจวนของอ๋องและโหวแล้ว แต่ก็ยังเริ่มปรารถนาอยากครอบครองจวนเหิงโปของเขาหลิวจื้อเม่า ตั้งแต่แรกเริ่มที่พยายามประจบเอาใจ พยายามคาดเดาความคิดของเถียนหูจวิน จนมาถึงวันนี้ที่ภายนอกยังคงเป็นมิตรปรองดอง แม้ปากไม่พูด แต่กลับออกคำสั่งทางสีหน้า ไม่เพียงเท่านี้ หญิงชาวบ้านที่พอร่ำรวยขึ้นมายังเริ่มเล่าเรียนเขียนอ่าน ยังไม่พอ แม้แต่พิณ หมากล้อม พู่กัน ภาพวาดก็ยังเริ่มสัมผัสศึกษา บอกให้แม่นางเปิดสาบเสื้อหลายคนที่มีชาติกำเนิดมาจากตระกูลสูงศักดิ์ช่วยสอนมารยาทพิธีการและเรื่องยิบย่อยอีกมากมายที่ชนชั้นสูงควรต้องรู้ให้แก่นาง

นี่ทำให้หลิวจื้อเม่ามองดูด้วยความเบิกบานใจ ช่างเป็นคนมหัศจรรย์ซะจริง

แต่ความเสียดายในใจของหลิวจื้อเม่าก่อนหน้านี้ก็มาเร็วไปเร็วเช่นกัน

หลิวจื้อเม่ายิ้มถาม “ฮูหยิน เรียกข้ามามีเรื่องจะปรึกษาหรือ?”

สตรีแต่งงานแล้วพยักหน้ารับ “ข้าอยากจะถามเจินจวินเรื่องหนึ่งให้แน่ใจ เฉินผิงอันมาเยือนเกาะชิงเสียของพวกเราครั้งนี้เพราะต้องการอะไรกันแน่? ไม่ใช่มาเพื่อแย่งชิงหนีชิวน้อยตัวนั้นไปจากช่านช่านจริงๆ หรือ? อีกอย่าง แผ่นหยกที่เฉินผิงอันมอบให้ท่านในตอนแรกที่หนีชิวน้อยพูดถึง มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?”

หลิวจื้อเม่าไม่ได้ดื่มชา เขาวางถ้วยชาที่มีฝาปิดลงด้านข้างเบาๆ กลิ่นหอมของชาในถ้วยลอยกรุ่น เขาคลี่ยิ้ม กล่าวว่า “ที่แท้ก็เรื่องพวกนี้เองหรือ ข้ายังนึกว่าฮูหยินคิดจะซักไซ้เอาผิด ถามว่าเหตุใดอาจารย์ของกู้ช่านอย่างข้าถึงไม่ออกหน้าปกป้องลูกศิษย์ตัวเอง”

สตรีแต่งงานแล้วกล่าว “เรื่องพวกนี้อย่าไปพูดถึงเลยดีกว่า ข้าเชื่อว่าเจินจวินต้องมีความลำบากใจที่ไม่อาจบอกใครได้ ดังนั้นจะไม่มีทางเก็บมาคิดให้เกิดความแสลงใจต่อกันเด็ดขาด ข้ายังสามารถรับปากกับเจินจวินว่าจะช่วยท่านพูดในสิ่งที่ไม่ผิดต่อมโนธรรมในใจต่อหน้าช่านช่าน ไม่อย่างนั้นจะไม่เข้าทางพวกหมาป่าหมาในที่ห้อมล้อมอยู่รอบด้านเพื่อหวังฉกฉวยโอกาสหรอกหรือ?”

หลิวจื้อเม่ายิ้มอย่างเข้าใจ ใครกันนะช่างพูดว่าสตรีผมยาวความรู้สั้น?

หลิวจื้อเม่าพยักหน้ากล่าวว่า “แผ่นหยกแผ่นนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อย ข้าไม่สะดวกจะเปิดเผยความลับสวรรค์ ส่วนเป้าหมายที่เฉินผิงอันมาเยือนทะเลสาบซูเจี่ยนก็ยากจะคาดเดาจริงๆ บอกตามตรงว่าข้าเองก็ไม่เคยเข้าใจ หลังจากที่เขามาเป็นนักบัญชีบนเกาะชิงเสียของพวกเรา ข้าก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ แต่ข้าเชื่อว่าเฉินผิงอันไม่มีจิตคิดร้ายกับกู้ช่าน”

สตรีแต่งงานแล้วขมวดคิ้วคล้ายประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกว่าหลิวจื้อเม่าในวันนี้พูดจาผิดแผกไปจากเดิม ในอดีตเวลาที่ปรึกษาเรื่องลับกับอีกฝ่าย เขาไม่เคยพูดจายืดเยื้อแบบนี้ หรือว่าได้เป็นเจ้าแห่งยุทธภพสมกับที่วางแผนมานาน ได้หลงลำพองใจแค่ไม่กี่วันกลับต้องมาถูกเรื่องวุ่นวายที่หลิวเหล่าเฉิงสมควรตายผู้นั้นมาอาละวาดบนเกาะชิงเสีย เลยตกใจขวัญหนีดีฝ่อ? หลังจากผ่านความดีใจใหญ่หลวงและความเสียใจอย่างล้นพ้นมาไล่เลี่ยกัน นิสัยก็เลยเปลี่ยนไป? หรือว่าวีรบุรุษผู้องอาจที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเช่นหลิวจื้อเม่า แท้จริงแล้วนิสัยใจคอยังสู้สตรีที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนอย่างตนไม่ได้?

หลิวจื้อเม่าหรี่ตาลง ยิ้มกล่าวว่า “นิสัยของเฉินผิงอันเป็นอย่างไร ฮูหยินย่อมรู้ชัดเจนดียิ่งกว่าข้า เขาเป็นคนที่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน กับกู้ช่านที่เขาเห็นอีกฝ่ายเติบโตมาก็ยิ่งหวังดีจากใจจริง แทบอยากจะยกของดีทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กู้ช่านด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนในอดีต ออกไปจากตรอกหนีผิงที่ในอดีตเต็มไปด้วยขี้หมาขี้ไก่แห่งนั้นแล้ว คนย่อมเปลี่ยนไป คาดว่าเฉินผิงอันคงกลายเป็นลูกศิษย์ของลัทธิขงจื๊อ ถึงได้ชอบใช้หลักการเหตุผล เพียงแต่ว่านี่อาจจะไม่เหมาะสมกับทะเลสาบซูเจี่ยนเสมอไป ดังนั้นเขาถึงได้ตบกู้ช่านสองครั้งตอนอยู่ในนครน้ำบ่อ หากถามความเห็นข้า เขาคงจะห่วงใยกู้ช่านจริงๆ แล้วก็เพราะหวังดีต่อกู้ช่านถึงได้ทำเช่นนั้น หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่น เห็นญาติมิตรเจริญรุ่งเรืองแล้วมีแต่จะดีอกดีใจ เรื่องอื่นใดล้วนไม่สนใจ ฮูหยิน ข้ายกตัวอย่างให้ฟังก็แล้วกัน หากเปลี่ยนมาเป็นลวี่ไช่ซางที่เห็นว่ากู้ช่านมีเงินแล้ว เขาย่อมรู้สึกว่านี่เป็นความสามารถของกู้ช่าน เป็นเพราะหมัดของกู้ช่านแข็งแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”

สตรีแต่งงานแล้วกระตุกมุมปาก

หลิวจื้อเม่าถอนหายใจ “จะว่าไปแล้วความคิดของเฉินผิงอันก็ไม่ผิด เพียงแต่ว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจทะเลสาบซูเจี่ยนสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่ายุทธภพของพวกเราอันตราย ยังดีที่เมื่อได้มาอยู่พักหนึ่ง เขาก็น่าจะรู้กฎเกณฑ์บางอย่างของทะเลสาบซูเจี่ยนแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับกู้ช่านอีกต่อไป ฮูหยิน พวกเราลองใช้เหตุผลในทางย้อนกลับดูก็จะเห็นได้ว่า สำหรับคนอย่างเฉินผิงอันนี้ ใช้ความรู้สึกความผูกพันมาพูดคุยย่อมได้ผลยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะคนต่างจึงแตกต่าง เพราะสถานที่ต่างจึงไม่เหมือนกัน”

สตรีแต่งงานแล้วทำท่าครุ่นคิด รู้สึกว่าการพูดคุยครั้งนี้ หลิวจื้อเม่ายังพอมีความจริงใจอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้ล้วนเป็นคำพูดไร้สาระที่กล่าวไปตามมารยาทเท่านั้น

ไม่เสียแรงที่เป็นสตรีซึ่งตอนอยู่ในเมืองเล็กไม่เคยตกเป็นรองยามทะเลาะกับใคร ชี้แนะนิดเดียวนางก็กระจ่างแจ้ง

และนางก็ให้รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย หากอิงตามคำพูดนี้ของหลิวจื้อเม่า คืนนั้นนับตั้งแต่ที่เห็นเฉินผิงอันแบกกู้ช่านกลับมาที่จวนชุนถิง จนกระทั่งสุดท้ายที่เฉินผิงอันออกไปจากห้อง นางทำพลาดไปแล้วจริงๆ

หากได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของหลิวจื้อเม่าแล้วค่อยเกิดเรื่องอย่างคืนนั้นขึ้น นางย่อมไม่มีทางทำผิดพูดผิด ผิดไปเสียทุกอย่างแบบนี้แน่

สองปีมานี้พอมีเวลาว่างนางก็ชอบให้สาวใช้ในจวนมาคอยอยู่เคียงข้าง นอกจากจะนวดไหล่ทุบหลัง โบกพัดคลายร้อย กระพือเตาไฟให้ความอบอุ่นแล้ว ยังให้สาวใช้คนหนึ่งที่ว่ากันว่าเป็นบุตรสาวสายตรงของรองเจ้ากรมพิธีการมาอ่านเนื้อหาในตำราหลากหลายประเภทให้ฟัง หลักการยิ่งใหญ่ที่เหล่าขุนนางและปัญญาชนผู้มีชื่อเสียงเลื่อมใสศรัทธา นางเองก็รับฟัง เพียงแต่ไม่ชอบฟังก็เท่านั้น กลับเป็นเรื่องเล่าบางอย่างเสียอีกที่มักจะสร้างแรงบันดาลใจให้นางได้ ยกตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้ฟังเรื่องเล่าจากในตำราที่บอกว่ามีตระกูลหนึ่งเจอกับไฟไหม้ หลังจากได้ข่าวคนของตระกูลก็ถามว่ามีคนบาดเจ็บหรือไม่ ไม่ได้ถามถึงความเสียหาย เพียงชั่วพริบตาคนผู้นี้ก็มีชื่อเสียงโด่งดัง กลายเป็นผู้มีเมตตาธรรมที่เลื่องลือในหมู่บัณฑิต สตรีแต่งงานแล้วพลันกระจ่างแจ้ง แล้วก็รู้สึกว่าอันที่จริงตัวเองก็มีโอกาสที่จะนำเรื่องนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง นี่ต่างหากถึงจะเป็นวิธีผูกมัดใจคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด ยังมีแม่ทัพบู๊ผู้มีคุณูปการในประวัติศาสตร์บางคนที่มีฐานะสูงส่ง แต่กลับยินดีดูดน้ำหนองออกให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หลังจากนั้นมาคนทั้งกองทัพก็พร้อมใจกันอุทิศตนยอมตายเพื่อเขา สำหรับเรื่องราวมากมายที่คล้ายคลึงกันนี้ สตรีแต่งงานแล้วล้วนสามารถนำมาสรุปรวมเป็นบทเรียนให้กับตัวเองได้

สตรีแต่งงานแล้วนึกอยากจะตบบ้องหูตัวเองยิ่งนัก อันที่จริงคำพูดของหลิวจื้อเม่าก็คือหลักการข้อนั้นในตำรา ทั้งๆ ที่ตนก็รู้ แล้วก็จดจำไว้ขึ้นใจแล้ว แต่เหตุใดพอประสบพบเจอเข้าจริงๆ กลับทำไม่ได้?

หลิวจื้อเม่าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสตรีแต่งงานแล้วจึงถามว่า “ฮูหยินเป็นอะไรไปหรือ?”

สตรีแต่งงานแล้วฝืนคลี่ยิ้มส่งไปให้ “ไม่มีอะไร ขอถามเจินจวินสักหน่อยว่า หลังจากนี้ข้าควรจะทำอย่างไรหรือพูดอย่างไร? หลิวเหล่าเฉิงที่อยู่บนเกาะกงหลิ่วผู้นั้นจะกระทำการอำมหิตต่อเกาะชิงเสียของพวกเราหรือไม่?”

หลิวจื้อเม่าเอ่ยปลอบใจ “หลิวเหล่าเฉิงผู้นี้คือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ในประวัติศาสตร์ของทะเลสาบซูเจี่ยน ต่อให้เป็นศัตรูของเขาก็ยังเคารพนับถือเขา เป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาด ยามสังหารก็ไร้ปราณี เป็นเหตุให้ตอนนั้นที่เขามาเยือนเกาะชิงเสีย เขาคิดจะสังหารกู้ช่าน ไม่ว่าใครก็ห้ามไม่อยู่ แต่ตอนนี้ในเมื่อเขายอมปล่อยกู้ช่านไปแล้ว ใครก็ขวางไว้ไม่อยู่ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของหลิวเหล่าเฉิงได้เช่นกัน เขาไม่มีทางที่จะย้อนกลับมายังเกาะชิงเสียอีกครั้งแน่นอน ดังนั้นทั้งกู้ช่านและจวนชุนถิงต่างก็ไม่มีอันตรายแล้ว ถึงขนาดที่ข้าสามารถให้คำยืนยันกับฮูหยินได้เลยว่า หลังจากการเข่นฆ่าในคืนนั้นต่างหาก กู้ช่านถึงไร้อันตรายที่แท้จริง ทะเลสาบซูเจี่ยนในตอนนี้ย่อมไม่มีใครกล้าสังหารคนที่หลิวเหล่าเฉิงไม่สังหาร!”

สตรีแต่งงานแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

หลิวจื้อเม่าไม่ได้พูดอะไรมาก สตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ พูดแค่ครึ่งเดียวก็พอ ที่เหลือให้นางไปใคร่ครวญเอาเอง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่จริงแท้หรือเสแสร้ง ขอแค่ไม่พูดให้เด็ดขาดจริงจังเกินไปนัก นางกลับจะยิ่งเกิดความกังขา แล้วก็เลือกที่จะไม่เชื่อ

สตรีแต่งงานแล้วหยิบถ้วยชาขึ้นมา ก้มหน้าดื่มชา รูปโฉมงดงามเรียบร้อย ท่วงท่าสง่างามเยือกเย็น ไม่เหลือกลิ่นอายดินโคลนอยู่แม้แต่น้อย

—–

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset