บทที่ 571 อยากอาหาร
สองพี่น้องโจวกุยหลายกับโจวเฉวี่ยนทำงานกันเร็วมาก ประสิทธิภาพของทั้งคู่อยู่ในระดับสูงเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ยังคงโทรศัพท์กลับไปหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งในตอนนี้ร้านเกี๊ยวได้ติดตั้งโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลินชิงเหอดูเวลาตรงหน้า จากนั้นก็ลองโทรศัพท์กลับไป
“ม้า!” เสียงของโจวกุยหลายดังลอดมาจากโทรศัพท์
“ลูกรู้ได้ยังไงว่าเป็นม้าที่โทรมา เกิดเป็นคนอื่นโทรมาล่ะ?” หลินชิงเหอหัวเราะ
“นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่ามีแค่ม้ากับป๊าเท่านั้นที่โทรมา คนอื่นไม่ค่อยโทรมาหรอกครับ” โจวกุยหลายพูดพลางหัวเราะ
“จ่ายไปเท่าไหร่ล่ะ?” หลินชิงเหอถาม
“ทั้งหมด 4,000 กว่าหยวนครับ” โจวกุยหลายบอก และอดที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจไม่ได้
“แพงขนาดนี้เลยเหรอ?” หลินชิงเหออุทาน
“พวกเขาบอกว่าตอนนี้ถูกลงมาเยอะแล้ว ก่อนหน้านี้ต้องจ่าย 6,000 หยวนแน่ะครับ” โจวกุยหลายพูด
ขูดรีดกันชัด ๆ
หลินชิงเหอแขวะในใจ หลังจากนั้นก็สนทนาในเรื่องที่พวกเขาสองคนทำการปฏิรูปร้านขายเสื้อผ้าขึ้นมา
“แม่อย่าไปฟังที่พวกหล่อนด่าพวกผมนะ ตอนนี้กิจการกำลังเป็นไปด้วยดี เดือนที่แล้วได้มาเกือบ 4,000 กว่าหยวนแน่ะ!” โจวกุยหลายกดเสียงต่ำลงในประโยคสุดท้าย
หลินชิงเหอได้ฟังก็ประหลาดใจ “มากขนาดนั้นเชียว?”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ” โจวกุยหลายพูดอย่างลำพองใจ “ผมเคยไปดูในห้างสรรพสินค้ามาแล้ว ราคาของในนั้นสูงกว่าที่พวกเราขายมาก คุณภาพก็ไม่แน่ว่าจะดีเท่าของพวกเรา รูปแบบก็ไม่ทันสมัยเท่าของพวกเรา ดังนั้นผมจึงมีความคิดขึ้นมาแล้วก็จัดโปรโมชันลดราคาขึ้น”
“เจ้าดื้อ อย่าทำอะไรวุ่นวายตามใจตัวเองนักสิ มีอะไรก็ปรึกษาพี่รองของลูกบ้าง” หลินชิงเหอเอ่ย แม้จะพอใจมากที่ลูกชายฉลาด แต่ก็ต้องกดความมั่นใจของเขาลงมาหน่อย ไม่ได้ชื่นชมจนเขาเหลิงตัวเอง
“ไม่วุ่นวายแน่นอนครับ ผมปรึกษาพี่รองก่อนจะทำอะไรก็ตามอยู่แล้ว ทุกร้านซื้อพัดลมไว้ร้านละ 2 ตัว เรื่องนั้นผมก็ได้คำชมด้วย” โจวกุยหลายพูด
หลินชิงเหอยิ้ม
“นายหลบไปก่อน” โจวเฉวี่ยนรับโทรศัพท์มาถือไว้แล้วพูด “ม้าครับ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“สบายดีจ๊ะ ม้าอยู่กับป๊าของลูกแล้วจะมีปัญหาอะไรได้?” หลินชิงเหอยิ้ม
“งั้นก็ดีครับ ไม่ต้องกังวลกับทางนี้นะม้า ทั้งหมดเรียบร้อยดี” โจวเฉวี่ยนพูด
หลินชิงเหอพูดคุยกับพวกเขาสองคนสักพัก จึงวางสายไปและจ่ายเงินค่าโทรศัพท์ไป 10 กว่าหยวน
“พรุ่งนี้ผมจะทำเรื่องเบอร์โทรศัพท์และเอาให้พวกเขานะ” โจวชิงไป๋พูด
หลินชิงเหอพยักหน้า มีโทรศัพท์ก็ไม่เลวเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอคิดว่ามันแพงเกินไปและไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ ตอนนี้ติดตั้งไปแล้วก็ติดตั้งไปเถอะ แต่ว่าค่าติดตั้ง 4,000 กว่าหยวนนี่ออกจะแพงไปสักหน่อย
วันถัดมาโจวชิงไป๋ก็ได้ให้เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ ทางสำนักงานจัดการที่อยู่อาศัยก็ให้เบอร์เขากลับมาด้วยเช่นกัน
เพียงชั่วพริบตาก็เข้าสู่เดือนมิถุนายนแล้ว
ครรภ์ของหลินชิงเหอนูนออกมาเล็กน้อยแล้ว ยิ่งตอนอาบน้ำยิ่งเห็นได้ชัด แต่ว่าในเวลาปกติยังมองไม่ค่อยออกนัก
ดังนั้นเธอจึงสามารถนั่งรถมาดูอสังหาริมทรัพย์กับโจวชิงไป๋ได้
แต่พอเข้าสู่เดือนมิถุนายนอากาศก็เริ่มร้อนขึ้นแล้ว หลินชิงเหอจึงไม่ค่อยอยากจะออกไปไหน
โจวชิงไป๋จึงออกไปซื้อด้วยตัวเอง
ยายเฒ่าเจียงมาหาที่บ้านและเอามะเขือเทศมาให้หนึ่งตะกร้า พลางพูดขึ้น “เสี่ยวโจวมีธุระอะไรเหรอจ๊ะ? ป้าเห็นเขาออกไปทุกวันเลย”
“เขาแค่ชอบสรรหาอะไรทำเท่านั้นเองค่ะ” หลินชิงเหอพูด เธอถือมะเขือเทศไปล้าง กินมะเขือเทศไปด้วยและก็พูดไปด้วย “ช่วงนี้เสี่ยวเกิงคงเริ่มสอบไปแล้วสินะคะ”
“สอบเสร็จไปแล้วจ้ะ อีกสองวันคะแนนสอบก็น่าจะออก ครั้งหน้าก็จะสอบปลายภาคอีกแล้ว” ยายเฒ่าเจียงยิ้มพูด
“เขาก้าวหน้าขึ้นเยอะเลยค่ะ น่าจะได้อันดับไม่น้อย” หลินชิงเหอพูด
เธอคิดว่าวิชาอื่นของเจียงเกิงน่าจะอยู่ในระดับพอใช้ เนื่องจากภาษาอังกฤษของเขาอ่อนถึงขนาดนี้ แต่มันกลับกันทั้งหมด วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาเดียวที่เจียงเกิงอ่อน ส่วนวิชาอื่น ๆ นั้นเขาติด 10 อันดับแรกของชั้นทั้งหมด
อาจารย์วิชาภาษาอังกฤษของเขารู้สึกกลุ้มใจไม่น้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไม่พอใจอาจารย์สอนภาษาอังกฤษหรือไม่ เพราะนอกจากวิชานี้แล้ววิชาอื่นของเขาก็ดีหมด
2 วันต่อมาคะแนนสอบก็ออก ครั้งนี้เจียงเกิงขึ้นมาติด 100 อันดับแรก จากอันดับที่ 100 กว่าของระดับชั้น
เพราะตลอดมาภาษาอังกฤษจะเคยถ่วงเขาตลอด แต่ครั้งนี้คะแนนภาษาอังกฤษของเขาเพิ่มขึ้นมาถึง 25 คะแนนเต็ม ๆ !
หลินชิงเหอได้ยินก็กลอกตาแล้วพูด “เพิ่ม 25 คะแนนอย่างนั้นเหรอ?”
“นั่นก็ไม่แย่แล้วนะครับ” แม้ว่าเจียงเกิงจะเป็นเด็กอวดดี แต่ต่อหน้าหลินชิงเหอเขากลับไม่กล้าแสดงอาการนั้นออกมา ได้แต่เอ่ยพลางกุมหัว
ก่อนหน้านี้เขาสอบได้คะแนน 10-20 กว่าคะแนน รอบนี้สอบได้ 45 คะแนน นั่นก็หมายความว่าเขาได้คะแนนเพิ่มแค่ 25 คะแนน
“ขยันตั้งใจเรียนต่อไปเถอะจ้ะ คะแนนน้อยเกินไปหน่อยหนึ่ง คะแนนลูกชายฉันไม่มีใครต่ำกว่า 90 สักคน” หลินชิงเหอพูด “เธออย่าทำให้ฉันเสียชื่อเสียงสิ”
ยายเฒ่าเจียงได้ยินแล้วก็อยากจะขำ หลังจากนั้นก็จ้องหลานชายตัวเอง “ได้ยินแล้วใช่ไหม อย่าทำให้น้าหลินของหลานเสียชื่อเสียงนะ!”
มุมปากของเจียงเกิงกระตุกกึก
“เริ่มเรียนวันนี้เลย ฉันจะเพิ่มความยากขึ้นแล้ว คะแนนขั้นพื้นฐานน่ะได้มาง่าย 50-60 คะแนนก็ได้มาง่ายเช่นกัน ส่วนคะแนน 70 ขึ้นไปจะกลายเป็นคนละชั้นแล้ว” หลินชิงเหอพูด
ก่อนหน้านี้เธอให้เขาไปท่องคำศัพท์ 10 คำทุกวัน ตอนนี้ก็ยังคงให้ท่อง 10 คำเช่นเดิม แต่ให้เพิ่มประโยคเข้าไปอีก 5 ประโยค
ทั้งยังให้เขาท่องสูตรที่เธอสรุปรวบยอด 2 บท
“พอไหวไหมจ๊ะ?” หลินชิงเหอพูด
“ไหวครับ” เจียงเกิงที่เพิ่งได้ลิ้มรสหวานพยักหน้า
ถ้าคะแนนสอบภาษาอังกฤษของเขาสามารถเพิ่มเป็น 60 คะแนนขึ้น ก็ไม่ถือว่าเป็นวิชาถ่วงตัวอื่นอีกต่อไป หากวิชาอื่นเขาขยันมากกว่านี้ อันดับก็น่าจะสามารถขึ้นได้แน่!
หลังจากเรียนจบหนึ่งชั่วโมง หลินชิงเหอก็พูด “ฉันให้อีกครึ่งชั่วโมง มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามมาได้เลย”
“วิชาอื่นได้ไหมครับ?” เจียงเกิงมุ่นคิ้วถาม
“ได้จ้ะ” หลินชิงเหอเลิกคิ้ว
เธอทวนแค่ความรู้ระดับมัธยมปลายเท่านั้น ก่อนหน้านี้เพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเธอก็ได้ทำความเข้าใจอย่างกระจ่างแล้ว แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ลืมอะไรเท่าไรนัก
ดังนั้นเมื่อเจียงเกิงหยิบโจทย์วิชาคณิตศาสตร์ที่มีความยากไม่น้อยออกมา หลินชิงเหอก็อธิบายวิธีแก้อย่างง่าย ๆ ให้เขาฟัง
เจียงเกิงถึงกับสำลัก หลังจากนั้นเขาก็ขอให้เธอสอนขั้นต่อไปอย่างจริงจัง
รอจนเขาไปแล้ว ยายเฒ่าเจียงจึงได้พูดขึ้น “เจ้าเด็กดื้อคนนี้ก่อนหน้านี้ถูกเลี้ยงดูตามใจจนเสียนิสัย เพราะว่ามีเขาเป็นลูกคนเดียว ต่อมาถึงได้มีน้องสาวเขาเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ เด็กหนุ่มก็ก้าวร้าวแบบนี้กันหมด” หลินชิงเหอพูดอย่างไม่สนใจ ที่จริงพอเธออายุเท่าในตอนนี้ เธอกลับชอบลูกบ้าของเด็กหนุ่มเหล่านี้มากทีเดียว ดูมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังดี
หลังจากเข้าสู่เดือนมิถุนายนไปแล้ว อากาศก็ยิ่งร้อนขึ้น ๆ จนหลินชิงเหออยากกินไอศกรีมสักแท่ง แต่ว่าเพราะว่าท้องเด็กคนนี้อยู่ เธอจึงต้องทำเพียงอดใจไว้
เป็นการดีกว่าถ้าจะกินมะเขือเทศและผลไม้อะไรพวกนี้ ส่วนไอศกรีมก็ทำได้เพียงต้องอดทนไว้
“ทำบัวลอยงาให้ฉันทีค่ะ” หลินชิงเหอเริ่มมีความอยากอาหารแล้ว และเริ่มสร้างความลำบากใหโจวชิงไป๋แล้วเช่นกัน
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ลำบากอะไรนัก อย่างน้อยโจวชิงไป๋ก็รู้สึกเต็มใจอย่างยิ่ง บัวลอยงานั้นเขาไม่มีทางไปซื้อข้างนอก หลินชิงเหอก็ให้เขาทำเอง
มือของโจวชิงไป๋ค่อนข้างใหญ่ พอปั้นออกมาจึงได้ลูกบัวลอยใหญ่พอสมควร แต่พอกินจริง ๆ แล้วกลับรู้สึกว่ามันก็ไม่เลวเหมือนกัน
“ถ้าคุณชอบล่ะก็ พรุ่งนี้ผมจะทำไส้ถั่วลิสงบดให้คุณกิน” โจวชิงไป๋กินของตัวเองแล้วรู้สึกว่าไม่เลวเหมือนกัน จึงพูดออกมา
“ได้ค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
แม้ว่าเธอจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น แต่กลับยังคงควบคุมปริมาณอาหารอยู่ บัวลอยงานี้เธอกินเพียงชามเดียวก็ไม่กินอีกแล้ว ที่เหลือจึงให้โจวชิงไป๋กิน
“มาที่นี่เหมือนผมจะน้ำหนักขึ้น 5 กิโลได้” โจวชิงไป๋พูด
“กลับไปค่อยลดเถอะค่ะ” หลินชิงเหอไม่สนใจเขา พอได้กินตามใจปากแล้วที่เหลือก็ยกให้เขาจัดการต่อ
…………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เจ้าสามสมกับเป็นว่าที่เถ้าแก่ การตลาดดีมากค่ะ
ส่วนทางฝั่งแม่ งานสอนพิเศษก็เหมือนจะเป็นไปด้วยดีนะคะ
ปล. อยากกินบัวลอยงาดำน้ำขิงมั่งจังค่ะ ไหน ๆ ก็เริ่มอ้วนแล้ว อ้วนไปพร้อมกับพ่อและแม่แล้วกันค่ะ
ไหหม่า(海馬)