บทที่ 577 ประเทศทั้งหมดนี้เป็นสีแดง
โจวกุยหลายรู้สึกจนปัญญา แม่ของเขาเป็นคนที่มีความคิดทันสมัยก้าวหน้ากว่าคนอื่นเสมอ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้งมงายกับเรื่องแบบนี้เหลือเกิน
ดังนั้นโจวกุยหลายจึงได้แต่จดจำเอาไว้ ก็ได้ ๆ ไม่แต่งงานกับผู้หญิงแซ่จงก็ได้ ไม่ว่าหล่อนจะสวยราวกับนางฟ้าตกสวรรค์หรือว่าเป็นตำรวจสาวสุดเก่ง เขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งด้วย ทั้งหมดนี่โอเคหรือยัง?
เห็นเขารับปากแบบนี้ หลินชิงเหอกลับรู้สึกดีใจมาก
เจ้าเด็กดื้อพูดว่า ตำรวจสาว!
แม่สาวคนนั้นไม่ใช่ว่าเป็นตำรวจสาวหรอกหรือ
แน่นอนว่าเธอต้องทำการป้องกันเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเกิดวันไหนต้องเจอกัน เธอจะได้ไม่เป็นเจ้าแม่ซีหวังหมู่[1]กั้นเส้นทางช้างเผือกช้าเกินไป
“กินเค้กข้าวก่ำหน่อยสิ นี่เป็นของที่ป๊าเพิ่งจะฝึกทำเมื่อเร็ว ๆ นี้เลยนะ” หลินชิงเหอพูดพลางแบ่งเค้กข้าวก่ำให้เขาชิ้นหนึ่ง
โจวกุยหลายเสร็จกินหนึ่งชิ้นแล้วจึงพูดขึ้น “ป๊าผมยิ่งดูเป็นพ่อศรีเรือนเข้าไปทุกวันแล้ว อาหารอะไรก็ทำเป็นหมดทุกอย่าง”
“การที่ม้าแต่งงานกับป๊าจึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ป๊าของลูกเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งเลยล่ะ” หลินชิงเหอพูดแล้วมองไปทางโจวชิงไป่
มุมปากของโจวชิงไป๋ยกขึ้นสูง จนโจวกุยหลายรู้สึกเหมือนตัวเองได้กินอาหารสุนัขอีกแล้ว
ก็ได้ ๆ เขาแพ้แล้ว ๆ
โจวกุยหลายมาอยู่เล่นที่นี่เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น เขาออกไปข้างนอกทุกวัน 2-3 วันแรกเจียงเกิงยังต้องพาเขาไป ต่อมาเขาก็แทบอยู่ไม่ติดบ้านแล้ว
เขาเปลี่ยนม้วนฟิล์มไปไม่รู้เท่าไหร่ และก็เอาไปล้างออกมาเยอะแล้วเช่นกัน
หลังจากใส่ม้วนฟิล์มที่เขาซื้อมาใหม่เข้าไปในกล้อง เจียงเกิงก็แบ่งรูปกับเขา 2-3 รูป เป็นรูปตอนที่พวกเขาออกไปด้วยกัน โจวกุยหลายเป็นคนถ่ายให้เขา ยังมีรูปคู่ที่ขอให้คนที่เดินสวนทางมาถ่ายให้อีกด้วย
เขารับรูปของพี่สามเขามาดูว่าเขาถ่ายอะไรไปบ้าง และเขาก็เห็นว่ารูปเหล่านั้นมีสิ่งที่พวกเขาไปเจอมาทั้งหมดเลย ขนาดรูปคนเข็นรถลากก็ยังถ่ายเก็บไว้
คนที่ลากรถกำลังเช็ดเหงื่ออยู่ กลับยังเผยยิ้มจนเห็นฟันขาวได้ รูปเหล่านี้เป็นพี่สามของเขาที่ไปขออนุญาตเขาถ่ายรูป และเขาก็ยอมให้ถ่ายอย่างเต็มใจ
มุมปากของเจียงเกิงกระตุกยิกขณะพูดขึ้น “พี่สาม พี่ถ่ายรูปพวกนี้เอาไว้ทำไมตั้งเยอะขนาดนี้?”
“นายไม่เข้าใจ ตอนนี้บ้านเมืองเราพัฒนาไปเร็วมาก หลังจากนี้มันจะมีสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ถึงตอนนั้นบรรยากาศเก่า ๆ เหล่านี้ก็จะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ตอนนี้ถ่ายเอาไว้ต่อไปพอพวกเรามีลูกมีหลานก็เอาไว้ให้พวกเขาดูได้ ว่านี่คือปักกิ่งเมื่อตอนปี 80 นี่คือเซี่ยงไฮ้เมื่อตอนปี 80 ว่ามีสภาพเป็นยังไงบ้างยังไงล่ะ” โจวกุยหลายพูด
“เพราะว่าแบบนี้เองเหรอครับ?” เจียงเกิงพูด
“ของแบบนี้มีคุณค่ามากนะ” โจวกุยหลายพยักหน้า
“ผมเห็นพี่สามทั้งซื้อม้วนฟิล์มทั้งเอาไปล้างก็ยิ่งรู้สึกเปลืองเงินมากเลย ”เจียงเกิงพูด ในครั้งหนึ่งพี่สามต้องใช้ฟิล์มกี่ม้วนกัน
“แล้วยังไง ในอนาคตฉันหาทุนคืนได้ก็แล้วกันล่ะ” โจวกุยหลายพูดอย่างไม่แยแส หลังจากนั้นก็ตบบ่าของเจียงเกิงแล้วพูด “นี่น้องชาย พวกเราไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องหยุมหยิมพวกนี้หรอกนะ นายต้องมองให้ไกลกว่านั้น ในอนาคตของเก่า ๆ เหล่านี้ของพวกเราจะต้องเป็นของมีราคาอย่างแน่นอน นายไม่เห็นของเก่าเมื่อสมัยก่อนเหรอ ตอนนี้ไม่ใช่ว่ากลายเป็นวัตถุโบราณไปแล้วหรือไง?”
เจียงเกิงไม่อาจหาเหตุผลมาค้านได้เลย
“นายสะสมแสตมป์ไว้หรือเปล่า?” โจวกุยหลายถามเขา
“ไม่ครับ” เจียงเกิงส่ายหน้า
“ฉันมีนะ แต่มีไม่ค่อยเยอะ เลยให้นายไม่ได้ ถ้านายอยากดูล่ะก็เดี๋ยวฉันจะให้นายยืมดู ของดี ๆ ทั้งสิ้น” โจวกุยหลายพูด
หลินชิงเหอกำลังงีบหลับ พอได้ยินก็ลืมตาขึ้นแล้วพูด “เจ้าสามลูกสะสมแสตมป์ด้วยเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“พอผมเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มสะสมแสตมป์แล้วครับ ไม่ง่ายเลยกว่าผมจะสะสมแสตมป์แบบเก่า ๆ ก่อนหน้านี้ได้” โจวกุยหลายพูด
“เก่าขนาดไหนเหรอจ้ะ?” หลินชิงเหอเลิกคิ้ว
“ก็ตั้งแต่แสตมป์ที่ระลึกของพรรครัฐบาล ที่หนึ่งชุดมีสี่แบบไงครับ” โจวกุยหลายพูดอย่างภูมิใจสุด ๆ
“งั้นก็ยิ่งมีค่ามาก ต่อไปไม่รู้ว่ามันจะมีราคาเท่าไหร่ด้วยซ้ำ” หลินชิงเหอพูด
“แสตม์ไปรษณีย์มีค่าด้วยเหรอครับ?” เจียงเกิงพูดอย่างไม่เข้าใจ
“แน่นอนว่าต้องมีสิ ตอนนี้มีแสตมป์แบบหนึ่งที่หายากมาก ๆ ฉันหายังไงก็หาไม่ได้” โจวกุยหลายพูด
“แสตมป์อะไรเหรอครับ?” เจียงเกิงพูด
“ประเทศทั้งหมดนี้เป็นสีแดง(2)” โจวกุยหลายพูด
หลินชิงเหอเลิกคิ้วแล้วพูด “ลูกรู้จักอันนี้ด้วยเหรอ?”
“ต้องรู้จักอยู่แล้ว ผมสะสมแสตมป์ไปรษณีย์อันอื่นเอาไว้ไม่น้อย แต่แสตมป์ชุดนี้ผมหามาสะสมไว้ไม่ได้ ทำยังไงก็หาไม่เจอ” โจวกุยหลายพูดอย่างจนปัญหา
“ม้าเก็บสะสมไว้แล้วล่ะ” หลินชิงเหอพูดด้วยเสียงแผ่วเบาราวสายลม
แสตมป์ชุดนั้นจัดจำหน่ายเมื่อตอนปี 60 แม้หลินชิงเหอจะมาที่นี่ไม่นานนักแต่ก็สะสมแสตมป์ไปรษณีย์เอาไว้เยอะมาก ตอนนั้นเธอไม่ได้คาดหวังว่าที่ชนบทเล็ก ๆ นั่นจะสามารถเก็บสะสมแสตมป์ไปรษณีย์แบบนั้นได้ แต่เธอโชคดีมาก ที่ครั้งแรกที่ไปแล้วไม่ได้เจอมัน แต่พอไปถามหาเป็นครั้งที่สอง เธอก็ได้มันมา
ในมือของเธอมีแสตป์ชุดนี้ทั้งหมด 4 อัน
แสตมป์ไปรษณีย์อันอื่น ๆ ไม่ได้มีมูลค่าสูงถึงขนาดนั้น แต่แสตมป์ไปรษณีย์ ‘ประเทศทั้งหมดนี้เป็นสีแดง’ ในอนาคตนั้นได้ยินมาว่า 1 อันมีราคาหลายหมื่นหยวนทีเดียว
คุ้มกว่าการที่เธอเก็บสะสมทองเอาไว้เสียอีก
โจวกุยหลายอึ้งไปสักพัก แม่ของเขาสะสม ‘ประเทศทั้งหมดนี้เป็นสีแดง’ แสตมป์ไปรษณีย์ที่หายากแบบนั้นด้วยจริงเหรอ?
“ทำไมผมไม่เคยได้ยินม้าพูดถึงมาก่อนเลยล่ะ?” โจวกุยหลายพูดอย่างอดไม่อยู่
“ทำไมม้าจะไม่เคยพูดมาก่อน ตอนนั้นลูกยังเล็กไม่รู้ความ ไปค้นตู้เก็บของของม้าหาน้ำตาลปั้นกินจนเกือบจะทำให้แสตมป์ที่ม้าสะสมพังไปแล้ว ดีที่ตอนนั้นม้าเก็บขึ้นมาทัน” หลินชิงเหอพูดอย่างฉุนเฉียว
โจวกุยหลายหัวเราะเหอะ ๆ “ตอนนั้นผมยังเด็กไง จำอะไรแทบไม่ได้แล้ว”
“ม้าเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์อยู่ รักษาเอาไว้อย่างดีด้วย ถ้าลูกอยากดูละก็ ม้าให้ลูกดูก็ได้นะ” หลินชิงเหอพูด
เธอทำใจให้เขาไปไม่ลง แต่ให้เขาดูให้หายอยากก็พอจะได้อยู่
“ผมจะไปเอากระเป๋าสตางค์ม้าเดี๋ยวนี้แหละครับ!” โจวกุยหลายพูด
เขาเข้าไปเอากระเป๋าสตางค์แม่เขาออกมา หลินชิงเหอเปิดออกและหยิบใบหนึ่งออกมาจากช่องตรงกลาง ทั้งหมดสมบูรณ์แบบไม่มีร่องรอยเสียหายอยู่เลย ราวกับของใหม่ก็ไม่ปาน เนื่องจากเธอเก็บมันไว้ที่ช่องตรงกลางตลอด
โจวกุยหลายนัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ “คิดไม่ถึงว่าม้าจะเก็บสะสมเอาไว้จริง ๆ ไม่ได้การ ผมต้องถ่ายรูปเก็บเอาไว้!”
แล้วเขาก็เข้าไปหยิบกล้อง เจียงเกิงเดินมาดูหลังจากนั้นก็พูด “แม่บุญธรรมครับ แสตมป์ไปรษณีย์นี้เป็นของหายากขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
“ใช่จ้ะ หายากมากเป็นของเมื่อตอนปี 68 ตอนนี้ปี 85 แล้ว เธอลองนับ ๆ ดูสิว่ามีนานขนาดไหนแล้ว” หลินชิงเหอพูด
“ตั้งหลายปีมาแล้ว แต่ทำไมมันยังใหม่ได้ขนาดนี้ละครับ” เจียงเกิงพูด
“ฉันเก็บรักษาไว้อย่างดียังไงล่ะ” หลินชิงเหอพูด
โจวกุยหลายหยิบแสตมป์สะสมออกมา 2 ใบแล้วถ่ายเก็บไว้ 2 รูปจนพอใจ และส่งแสตมป์ไปรษณีย์คืนแม่ของเขา พูดว่า “ม้าครับมีแสตมป์ไปรษณีย์อันอื่นอีกไหม?”
“แบบธรรมดาทุกรูปแบบม้ามีหมดแหละ” หลินชิงเหอยักคิ้ว
โจวกุยหลายเผยสีหน้าเคารพนับถือขึ้นมาในทันที “ม้าครับ ความชอบของม้าช่างมีรสนิยมจริง ๆ”
เจียงเกิงหัวเราะอยู่ตรงนั้น พี่ชายสามของเขาเป็นพวกชอบเลียแข้งเลียขาจริง ๆ จากนั้นโจวกุยหลายก็พูดกับเขา “น้องชายบุญธรรม กลับไปเตรียมตัวได้แล้ว พรุ่งนี้เราจะต้องออกเดินทางแล้วนะ”
“ไปอยู่นานกี่วันเหรอครับ?” เจียงเกิงสนใจอยากไปปักกิ่งมากจึงพูดขึ้น
“ไม่นานหรอก ไม่อย่างนั้นพี่รองต้องโมโหแน่ หลังจากนี้เขาคงจะไม่เชื่อใจพี่อีกแล้ว” โจวกุยหลายพูด
“งั้นก็ได้ครับ ผมจะกลับไปจัดของ” เจียงเกิงพยักหน้า
“เอาหนังสือภาษาอังกฤษไปสักเล่มก็พอ อย่างอื่นน่ะช่างมันเถอะ ของใช้ทั่วไปเอาไปก็เปล่าประโยชน์” หลินชิงเหอพูดกับเขา
“ครับ” เจียงเกิงพยักหน้า แล้วจึงกลับไป
…………………………………………………………………………………………………………………………..
[1] เทพนิยายของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าในอีกตำนานหนึ่ง กล่าวว่าสาวทอผ้าเป็นลูกสาวเจ้าแม่ซีหวังหมู่ มีอยู่วันหนึ่งได้เดินทางมายังโลกมนุษย์ และได้พบกับหนุ่มเลี้ยงวัว ทั้งสองคนต่างก็มีความรักให้แก่กันและกัน จึงได้ตกลงใจแต่งงานกัน ต่อมาเจ้าแม่ซีหวังหมู่ได้นำตัวสาวทอผ้ากลับไปสวรรค์ หนุ่มเลี้ยงวัวไล่ตามสาวทอผ้าไปจนถึงสวรรค์ แต่ได้ถูกเส้นทางช้างเผือกกั้นเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถข้ามไปหานางได้ นกสี่เชวิ่ย(นกนางแอ่น)ต่างเห็นอกเห็นใจหนุ่มเลี้ยงวัว จึงได้รวมตัวกันกลายเป็นสะพานนกสี่เชวิ่ยในทุกวันที่ 7 เดือน 7 ของปี เพื่อเป็นสะพานให้ทั้งสองได้มาพบกันในทุกๆ ปี ทำให้ชาวจีนถือว่าวันนี้เป็นวันแห่งความรัก
(2) แสตมป์ชุดหายากที่ผลิตออกมาในปี ค.ศ. 1968 ว่ากันว่าราคาประมูลในปี ค.ศ. 2014 ที่ฮ่องกง อยู่ที่ 445,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว (ข้อมูลจาก https://en.wikipedia.org/wiki/The_Whole_Country_is_Red)
สารจากผู้แปล
ถึงว่าสิคะว่าแสตมป์ชุดนี้หายไปไหนหมด ที่แท้อยู่ที่แม่นี่เอง
เธอยังไม่รู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังของแม่บุญธรรมสินะเสี่ยวเกิง แม่ชิงเหอน่ะเก็บไว้หมดทุกอย่างแหละ
ปล. ต้องขออภัยผู้อ่านด้วยนะคะที่ช่วงนี้แปลช้านิดนึง กำลังพยายามเร่งแปลอยู่ค่ะ
ไหหม่า(海馬)