ตอนที่ 605 หมั้นกันก่อน

บทที่ 605 หมั้นกันก่อน

จนถึงตอนนี้สวี่เชิ่งเหม่ยก็ยังคงไม่ชอบหน้าจางเหมยเหลียน

ครั้งก่อนเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนออกเงิน แต่กลับบังคับให้หล่อนออกเงินด้วยอีก 2,000 หยวนถึงจะครบ 5,000 หยวนและจบเรื่องนี้ได้

แต่หล่อนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรในเรื่องนี้เช่นกัน

“ส่งของเล่นเด็กกับเสื้อผ้าเด็กไปก็พอ อย่างอื่นทางนั้นเขาไม่ขาดอะไรหรอก” สวี่เชิ่งเหม่ยพูด

หล่อนเองก็ต้องไปมาหาสู่กับทางนั้นบ้างเหมือนกัน

จางเหมยเหลียนกลับไปเตรียมของ เธอเตรียมเสื้อผ้าเด็กมา 5 ชุดและนำไปให้สวี่เชิ่งเหม่ย

สวี่เชิ่งเหม่ยนำสิ่งของของตัวเองและของหล่อนมาพร้อมกัน

ตอนที่มาถึงก็เป็นเวลาที่ร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ปิดร้านพอดี เขาจึงอยู่ที่บ้าน ส่วนหลินชิงเหอไปหาคุณแม่เวิงทางโน้น

“คุณน้าคะ หนูได้ยินว่าน้ากับน้าสะใภ้กลับมาแล้ว จึงพาฟานฟานมาหาน่ะค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยยิ้มขณะพูด

หล่อนไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังอุ้มจ้าวฟานลูกชายของหล่อนมาด้วย

“นี่เป็นของเล่นที่หนูเตรียมมาให้น้องสาว ข้างในยังมีเสื้อผ้าเด็กด้วย เป็นภรรยาของเฉียงจือนำมาให้น่ะค่ะ หนูเลยเอามาให้พร้อมกันเลย” สวี่เชิ่งเหม่ยส่งถุงให้ใบหนึ่งด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเคยทำผิด แต่โจวชิงไป๋กลับทำใจว่าหล่อนไม่ลง เขามองเด็กชายในอ้อมแขนของหล่อนแล้วพูด “เข้ามาเถอะ”

“หนูไม่ขอเข้าแล้วกันค่ะ นี่เป็นน้ำใจของหนูกับเฉียงจือ คุณน้ารับไว้เถอะนะคะ” สวี่เชิ่งเหม่ยพูด

โจวชิงไป๋รับมาแล้วพูด “เข้ามาเถอะ”

สวี่เชิ่งเหม่ยจึงอุ้มลูกชายตามเขาเข้าไป

ตอนนี้มี่มี่กำลังนอนหลับอยู่ โจวชิงไป๋กำลังเตรียมคิดเงินเดือนให้กับพนักงานในโรงงาน ที่นั่นคนเยอะถึงเพียงนั้นอีกทั้งแต่ละคนยังได้เงินเดือนคนละครึ่งเดือนด้วย นับว่าเป็นเงินที่ต้องจ่ายออกไปมากพอสมควร

“คุณน้า น้องสาวกำลังนอนอยู่เหรอคะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยพูดพลางยิ้ม

“อืม” โจวชิงไป๋ตอบหล่อนสั้น ๆ เขามองหล่อนแล้วพูดว่า “ตอนนี้ลูกเธอโตขนาดนี้แล้ว ก็ใช้ชีวิตให้มันดี ๆ หน่อย”

“หนูรู้แล้วค่ะ คุณน้าไม่ต้องกังวลนะคะ หนูสบายดี” สวี่เชิ่งเหม่ยพูด “อย่างในตอนนี้ก็ดีแล้วค่ะ คุณน้าก็เหมือนกันมีทั้งลูกชายลูกสาวหมดแล้วด้วย น้องสาวคนนี้ของหนูโชคดีมากนะคะที่มาตอนครอบครัวมีพร้อมทุกอย่างแล้ว”

โจวชิงไป๋ให้หล่อนนั่งอยู่สักพักจึงให้กลับไป และก็เป็นสวี่เชิ่งเหม่ยเองที่พูดว่าตัวเองต้องกลับแล้ว ไม่ได้อยู่ต่อนานนัก

เมื่อหลินชิงเหอกลับมามองเห็นของบนโต๊ะก็พูดขึ้น “ใครมาเหรอคะ?”

“สวี่เชิ่งเหม่ยพาลูกชายมาหาน่ะ ของพวกนี้เป็นของหล่อนกับน้องชายหล่อน” โจวชิงไป๋พูด

หลินชิงเหอขมวดคิ้วนิด ๆ โจวชิงไป๋จึงพูด “ก็แค่เสื้อผ้าเด็กกับของเล่นน่ะ”

“ลูกสาวฉันยังต้องการของพวกนี้ด้วยเหรอ? หล่อนควรจะสนใจชีวิตของตัวเองไปก็พอ ฉันจะได้ไม่รำคาญหล่อน!” หลินชิงเหอพูด

ทำแบบนี้มันเหมือนว่าพวกเธอต้องให้เกียรติหล่อนด้วย เหมือนการที่เธอคิดเล็กคิดน้อยกับหล่อนก็คือความผิดของเธอเอง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอไม่ชอบใจ

“หล่อนอยู่แป๊ปเดียวก็ไปแล้วครับ” โจวชิงไป๋พูดปลอบเธอ

หลินชิงเหอไม่สนใจเขาแล้ว เธอเข้ามาดูลูกสาวแล้วพูดขึ้น “เนื้อหมูพวกนั้นยังไม่พอนะคะ คุณสั่งมาเยอะกว่านี้หน่อย”

“ปีนี้คุณต้องการทำเยอะขนาดไหน?” โจวชิงไป๋พูด

“เจ้าใหญ่กลับมาฉันจะให้เขาเอาไปด้วย 10 ชั่ง คุณพ่อคุณแม่ 5 ชั่ง แล้วก็กินในครอบครัวตัวเองด้วย อีกอย่างฉันว่าจะให้พี่เวิงด้วยนิดหน่อย ดังนั้นจะน้อยเกินไปไม่ได้หรอกค่ะ” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋พยักหน้า “พรุ่งนี้ผมจะสั่งมาเพิ่มให้”

หลินชิงเหอวางกระเป๋าที่นำกลับมาลง แล้วนำเสื้อผ้าออกมา ทั้งหมดนี่เป็นของที่คุณแม่เวิงเตรียมมาให้ เป็นชุดสำหรับเด็กอายุประมาณ 7-8 เดือน ถึงตอนนั้นก็เป็นช่วงฤดูร้อนแล้ว นับว่ามีเสื้อผ้าเยอะมากทีเดียว

ถุงเท้าคู่เล็กอะไรพวกนั้นก็มีเหมือนกัน ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของคุณแม่เวิง

ดังนั้นหลินชิงเหอจึงไม่สนใจของที่สวี่เชิ่งเหม่ยนำมาเลยสักนิดเดียว ให้สองพี่น้องนั่นมีชีวิตของตัวเองไปก็พอ ไม่ต้องมาหาพวกเธอที่นี่อีก

แต่ถ้าหล่อนจะมาก็ช่วยทำตัวเองให้มีคุณค่าก่อน

หลินชิงเหอมองโจวชิงไป๋กำลังทำบัญชีอยู่ก็พูด “คำนวณเสร็จหรือยังคะ?”

“เสร็จแล้วล่ะครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า การปิดโรงงานเล็ก ๆ ของตัวเองในครั้งนี้ต้องเสียเงินไปก้อนหนึ่งเลย

เนื่องจากพวกเขาให้ค่าจ้างตั้งครึ่งเดือนซึ่งรวมแล้วไม่น้อยเลย แต่ก็เป็นสิ่งสมควรต้องให้เช่นกัน เพราะถือว่านี่เป็นค่าชดเชยไล่ออก

อีกอย่างพวกเขาจะได้ไม่เกิดความประทับใจที่ไม่ดีต่อกันก่อนจากด้วย

มี่มี่ส่งเสียงร้องไห้มาจากในห้อง หลินชิงเหอจึงทำได้เพียงเดินเข้ามาอุ้มแม่สาวน้อยออกมา

“ผ้าอ้อมแฉะแล้วสิ” โจวชิงไป๋รับหล่อนมาแล้วพูดขึ้น เขาอุ้มหล่อนเข้าไปในห้องอีกครั้งและพบว่าผ้าอ้อมเปียกแล้วจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงทำการเปลี่ยนผ้าอ้อมใหม่อย่างไม่ลังเล แล้วก็ไม่ลืมทาแป้งให้ด้วย หลังจากทำความสะอาดเสร็จถึงค่อยเดินออกมา

หลินชิงเหอออกไปข้างนอกหนึ่งชั่วโมงกว่าไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ หล่อนจึงไม่รู้สึกหิวอะไรมาก ดังนั้นยังไม่ต้องให้หล่อนกินนมตอนนี้

สาวน้อยคนนี้นับวันยิ่งโตขึ้น เวลาตื่นก็ยิ่งมากขึ้นเช่นกัน ตอนนี้หล่อนนอนนิ่งสงบอยู่ในอ้อมแขนผู้เป็นพ่อ ดวงตาเปิดมองทักทายโลกกว้าง ไม่ร้องและไม่ส่งเสียงดังรบกวนเช่นกัน

“ถ้าหล่อนไม่ร้องก็วางไว้ก่อนเถอะค่ะ ถ้าคุณอุ้มแบบนี้บ่อย ๆ เกิดหล่อนโตมากกว่านี้คุณจะลำบากเอานะคะ” หลินชิงเหอกลอกตามองเขา

“หล่อนโตแล้วผมก็จะยังอุ้มหล่อนเหมือนเดิม” โจวชิงไป๋ใบหน้าแสดงออกว่าเขาคิดแต่เรื่องลูกสาวคนเดียว

หลินชิงเหอไม่อยากมองท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว จึงเปิดโทรทัศน์ดูพร้อมกับหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งขึ้นมากัด สาวน้อยมี่มี่มองดูโลกภายนอกได้ครึ่งชั่วโมงก็พบว่าตัวเองหิวแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มขยับเข้าหาอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ

โจวชิงไป๋มองท่าทางนี้แล้วก็ยิ้มออกมา “ภรรยาครับ ลูกสาวหิวแล้ว”

หลินชิงเหอจะทำอะไรได้นอกเสียจากให้นมลูก มีเจ้าตัวน้อยอยู่แบบนี้ เธอจึงได้ออกไปข้างนอกเพียงครู่เดียวก็ต้องกลับมา ไม่กล้าอยู่ข้างนอกนาน

หลังให้นมเสร็จเธอก็ส่งหล่อนคืนให้ผู้เป็นพ่อแล้วพูดขึ้น “เจ้าใหญ่โทรศัพท์กลับมาไหมคะ?”

“ปลายเดือนก็กลับแล้วครับ” โจวชิงไป๋พูด

โจวข่ายที่ไปอยู่ไกลถึงเมืองต้าหยินในตอนนี้ก็เริ่มจะเก็บของแล้ว เขาจะกลับไปในวันที่ยี่สิบ หากนับดูแล้วนี่เพิ่งจะเป็นวันที่สิบกว่าเท่านั้น กลับไปในครั้งนี้เขาสามารถอยู่ที่บ้านได้ครึ่งเดือน ซึ่งก็เป็นกฎเกณฑ์เก่าแก่อยู่แล้วเช่นกัน

“ฉันว่านมผงที่อยู่ในเมืองดูไม่เลวเลย คุณจะซื้อกลับไปไหมคะ?” พอเขามาถึง เวิงเหม่ยเจี่ยก็ถามเขา

“ผมซื้อไว้หมดแล้ว” โจวข่ายพยักหน้า

“งั้นก็ดีค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยพูด “ฉันได้หยุดก่อนคุณสามวันนะคะ”

“งั้นก็รอกลับไปพร้อมผม ถือเสียว่าทำงานล่วงเวลาแล้วกันครับ” โจวข่ายยิ้มพูด

“ฉันโทรศัพท์ไปหาแม่แล้ว แม่ฉันบอกว่าพวกเรากลับไปครั้งนี้ อยากจะหมั้นกันก่อนไหมน่ะค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยมองเขาแล้วพูด

“ก็ต้องกลับไปหมั้นกันก่อนสิครับ” โจวข่ายตอบ

ใบหน้าของเวิงเหม่ยเจี่ยยังคงมีรอยยิ้มประดับ

“ปีหน้าเรื่องของเราผมคิดว่าควรจะพูดกับผู้หลักพูดใหญ่อีกขั้นได้แล้ว ถึงตอนนั้นผมค่อยประกาศวันแต่งงานของเรา” โจวข่ายพูดขณะมองหล่อน

“อืม” เวิงเหม่ยเจี่ยได้ยินคำพูดนี้ใบหน้าก็ขึ้นสีแดงเล็กน้อย

แน่นอนว่าในใจหล่อนย่อมดีใจ เพราะในที่สุดหล่อนก็จะได้แต่งงานแล้ว

โจวข่ายกลับมาถึงที่พักแล้วเขาก็โทรศัพท์มาที่ร้านเกี๊ยวก่อน ซึ่งเขาไม่ได้โทรศัพท์ไปหาสักพักใหญ่แล้ว จึงอยากถามว่าเมื่อไรพ่อกับแม่เขาจะกลับปักกิ่ง

พอโทรไปกลับเป็นพ่อของเขาเป็นคนรับ โจวข่ายได้ยินก็ตกใจพูดขึ้น “ป๊าครับ ป๊ากลับมาปักกิ่งตอนไหนเนี่ย?”

“ก่อนหน้านี้สองสามวันเอง” โจวชิงไป๋พูด “พวกลูกหยุดกันตอนไหนล่ะ”

โจวข่ายบอกวันเวลา โจวชิงไป๋ก็พูด “ป๊าจะเอาไปบอกม้าให้”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีลูกแล้วก็ดูแลลูกตัวเองให้ดี ๆ ไปนะยัยบัวขาว ไม่ต้องมายุ่งกับทางนี้ ลูกสาวแม่แม่เลี้ยงเองได้

เจ้าใหญ่จะหมั้นแล้ว มีแม่ทิพย์คนไหนร้องไห้บ้างคะ

ไหหม่า(海馬)

ตอนที่ 605 หมั้นกันก่อน

ตอนที่ 605 หมั้นกันก่อน

บทที่ 605 หมั้นกันก่อน

จนถึงตอนนี้สวี่เชิ่งเหม่ยก็ยังคงไม่ชอบหน้าจางเหมยเหลียน

ครั้งก่อนเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนออกเงิน แต่กลับบังคับให้หล่อนออกเงินด้วยอีก 2,000 หยวนถึงจะครบ 5,000 หยวนและจบเรื่องนี้ได้

แต่หล่อนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรในเรื่องนี้เช่นกัน

“ส่งของเล่นเด็กกับเสื้อผ้าเด็กไปก็พอ อย่างอื่นทางนั้นเขาไม่ขาดอะไรหรอก” สวี่เชิ่งเหม่ยพูด

หล่อนเองก็ต้องไปมาหาสู่กับทางนั้นบ้างเหมือนกัน

จางเหมยเหลียนกลับไปเตรียมของ เธอเตรียมเสื้อผ้าเด็กมา 5 ชุดและนำไปให้สวี่เชิ่งเหม่ย

สวี่เชิ่งเหม่ยนำสิ่งของของตัวเองและของหล่อนมาพร้อมกัน

ตอนที่มาถึงก็เป็นเวลาที่ร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ปิดร้านพอดี เขาจึงอยู่ที่บ้าน ส่วนหลินชิงเหอไปหาคุณแม่เวิงทางโน้น

“คุณน้าคะ หนูได้ยินว่าน้ากับน้าสะใภ้กลับมาแล้ว จึงพาฟานฟานมาหาน่ะค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยยิ้มขณะพูด

หล่อนไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังอุ้มจ้าวฟานลูกชายของหล่อนมาด้วย

“นี่เป็นของเล่นที่หนูเตรียมมาให้น้องสาว ข้างในยังมีเสื้อผ้าเด็กด้วย เป็นภรรยาของเฉียงจือนำมาให้น่ะค่ะ หนูเลยเอามาให้พร้อมกันเลย” สวี่เชิ่งเหม่ยส่งถุงให้ใบหนึ่งด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเคยทำผิด แต่โจวชิงไป๋กลับทำใจว่าหล่อนไม่ลง เขามองเด็กชายในอ้อมแขนของหล่อนแล้วพูด “เข้ามาเถอะ”

“หนูไม่ขอเข้าแล้วกันค่ะ นี่เป็นน้ำใจของหนูกับเฉียงจือ คุณน้ารับไว้เถอะนะคะ” สวี่เชิ่งเหม่ยพูด

โจวชิงไป๋รับมาแล้วพูด “เข้ามาเถอะ”

สวี่เชิ่งเหม่ยจึงอุ้มลูกชายตามเขาเข้าไป

ตอนนี้มี่มี่กำลังนอนหลับอยู่ โจวชิงไป๋กำลังเตรียมคิดเงินเดือนให้กับพนักงานในโรงงาน ที่นั่นคนเยอะถึงเพียงนั้นอีกทั้งแต่ละคนยังได้เงินเดือนคนละครึ่งเดือนด้วย นับว่าเป็นเงินที่ต้องจ่ายออกไปมากพอสมควร

“คุณน้า น้องสาวกำลังนอนอยู่เหรอคะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยพูดพลางยิ้ม

“อืม” โจวชิงไป๋ตอบหล่อนสั้น ๆ เขามองหล่อนแล้วพูดว่า “ตอนนี้ลูกเธอโตขนาดนี้แล้ว ก็ใช้ชีวิตให้มันดี ๆ หน่อย”

“หนูรู้แล้วค่ะ คุณน้าไม่ต้องกังวลนะคะ หนูสบายดี” สวี่เชิ่งเหม่ยพูด “อย่างในตอนนี้ก็ดีแล้วค่ะ คุณน้าก็เหมือนกันมีทั้งลูกชายลูกสาวหมดแล้วด้วย น้องสาวคนนี้ของหนูโชคดีมากนะคะที่มาตอนครอบครัวมีพร้อมทุกอย่างแล้ว”

โจวชิงไป๋ให้หล่อนนั่งอยู่สักพักจึงให้กลับไป และก็เป็นสวี่เชิ่งเหม่ยเองที่พูดว่าตัวเองต้องกลับแล้ว ไม่ได้อยู่ต่อนานนัก

เมื่อหลินชิงเหอกลับมามองเห็นของบนโต๊ะก็พูดขึ้น “ใครมาเหรอคะ?”

“สวี่เชิ่งเหม่ยพาลูกชายมาหาน่ะ ของพวกนี้เป็นของหล่อนกับน้องชายหล่อน” โจวชิงไป๋พูด

หลินชิงเหอขมวดคิ้วนิด ๆ โจวชิงไป๋จึงพูด “ก็แค่เสื้อผ้าเด็กกับของเล่นน่ะ”

“ลูกสาวฉันยังต้องการของพวกนี้ด้วยเหรอ? หล่อนควรจะสนใจชีวิตของตัวเองไปก็พอ ฉันจะได้ไม่รำคาญหล่อน!” หลินชิงเหอพูด

ทำแบบนี้มันเหมือนว่าพวกเธอต้องให้เกียรติหล่อนด้วย เหมือนการที่เธอคิดเล็กคิดน้อยกับหล่อนก็คือความผิดของเธอเอง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอไม่ชอบใจ

“หล่อนอยู่แป๊ปเดียวก็ไปแล้วครับ” โจวชิงไป๋พูดปลอบเธอ

หลินชิงเหอไม่สนใจเขาแล้ว เธอเข้ามาดูลูกสาวแล้วพูดขึ้น “เนื้อหมูพวกนั้นยังไม่พอนะคะ คุณสั่งมาเยอะกว่านี้หน่อย”

“ปีนี้คุณต้องการทำเยอะขนาดไหน?” โจวชิงไป๋พูด

“เจ้าใหญ่กลับมาฉันจะให้เขาเอาไปด้วย 10 ชั่ง คุณพ่อคุณแม่ 5 ชั่ง แล้วก็กินในครอบครัวตัวเองด้วย อีกอย่างฉันว่าจะให้พี่เวิงด้วยนิดหน่อย ดังนั้นจะน้อยเกินไปไม่ได้หรอกค่ะ” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋พยักหน้า “พรุ่งนี้ผมจะสั่งมาเพิ่มให้”

หลินชิงเหอวางกระเป๋าที่นำกลับมาลง แล้วนำเสื้อผ้าออกมา ทั้งหมดนี่เป็นของที่คุณแม่เวิงเตรียมมาให้ เป็นชุดสำหรับเด็กอายุประมาณ 7-8 เดือน ถึงตอนนั้นก็เป็นช่วงฤดูร้อนแล้ว นับว่ามีเสื้อผ้าเยอะมากทีเดียว

ถุงเท้าคู่เล็กอะไรพวกนั้นก็มีเหมือนกัน ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของคุณแม่เวิง

ดังนั้นหลินชิงเหอจึงไม่สนใจของที่สวี่เชิ่งเหม่ยนำมาเลยสักนิดเดียว ให้สองพี่น้องนั่นมีชีวิตของตัวเองไปก็พอ ไม่ต้องมาหาพวกเธอที่นี่อีก

แต่ถ้าหล่อนจะมาก็ช่วยทำตัวเองให้มีคุณค่าก่อน

หลินชิงเหอมองโจวชิงไป๋กำลังทำบัญชีอยู่ก็พูด “คำนวณเสร็จหรือยังคะ?”

“เสร็จแล้วล่ะครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า การปิดโรงงานเล็ก ๆ ของตัวเองในครั้งนี้ต้องเสียเงินไปก้อนหนึ่งเลย

เนื่องจากพวกเขาให้ค่าจ้างตั้งครึ่งเดือนซึ่งรวมแล้วไม่น้อยเลย แต่ก็เป็นสิ่งสมควรต้องให้เช่นกัน เพราะถือว่านี่เป็นค่าชดเชยไล่ออก

อีกอย่างพวกเขาจะได้ไม่เกิดความประทับใจที่ไม่ดีต่อกันก่อนจากด้วย

มี่มี่ส่งเสียงร้องไห้มาจากในห้อง หลินชิงเหอจึงทำได้เพียงเดินเข้ามาอุ้มแม่สาวน้อยออกมา

“ผ้าอ้อมแฉะแล้วสิ” โจวชิงไป๋รับหล่อนมาแล้วพูดขึ้น เขาอุ้มหล่อนเข้าไปในห้องอีกครั้งและพบว่าผ้าอ้อมเปียกแล้วจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงทำการเปลี่ยนผ้าอ้อมใหม่อย่างไม่ลังเล แล้วก็ไม่ลืมทาแป้งให้ด้วย หลังจากทำความสะอาดเสร็จถึงค่อยเดินออกมา

หลินชิงเหอออกไปข้างนอกหนึ่งชั่วโมงกว่าไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ หล่อนจึงไม่รู้สึกหิวอะไรมาก ดังนั้นยังไม่ต้องให้หล่อนกินนมตอนนี้

สาวน้อยคนนี้นับวันยิ่งโตขึ้น เวลาตื่นก็ยิ่งมากขึ้นเช่นกัน ตอนนี้หล่อนนอนนิ่งสงบอยู่ในอ้อมแขนผู้เป็นพ่อ ดวงตาเปิดมองทักทายโลกกว้าง ไม่ร้องและไม่ส่งเสียงดังรบกวนเช่นกัน

“ถ้าหล่อนไม่ร้องก็วางไว้ก่อนเถอะค่ะ ถ้าคุณอุ้มแบบนี้บ่อย ๆ เกิดหล่อนโตมากกว่านี้คุณจะลำบากเอานะคะ” หลินชิงเหอกลอกตามองเขา

“หล่อนโตแล้วผมก็จะยังอุ้มหล่อนเหมือนเดิม” โจวชิงไป๋ใบหน้าแสดงออกว่าเขาคิดแต่เรื่องลูกสาวคนเดียว

หลินชิงเหอไม่อยากมองท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว จึงเปิดโทรทัศน์ดูพร้อมกับหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งขึ้นมากัด สาวน้อยมี่มี่มองดูโลกภายนอกได้ครึ่งชั่วโมงก็พบว่าตัวเองหิวแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มขยับเข้าหาอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ

โจวชิงไป๋มองท่าทางนี้แล้วก็ยิ้มออกมา “ภรรยาครับ ลูกสาวหิวแล้ว”

หลินชิงเหอจะทำอะไรได้นอกเสียจากให้นมลูก มีเจ้าตัวน้อยอยู่แบบนี้ เธอจึงได้ออกไปข้างนอกเพียงครู่เดียวก็ต้องกลับมา ไม่กล้าอยู่ข้างนอกนาน

หลังให้นมเสร็จเธอก็ส่งหล่อนคืนให้ผู้เป็นพ่อแล้วพูดขึ้น “เจ้าใหญ่โทรศัพท์กลับมาไหมคะ?”

“ปลายเดือนก็กลับแล้วครับ” โจวชิงไป๋พูด

โจวข่ายที่ไปอยู่ไกลถึงเมืองต้าหยินในตอนนี้ก็เริ่มจะเก็บของแล้ว เขาจะกลับไปในวันที่ยี่สิบ หากนับดูแล้วนี่เพิ่งจะเป็นวันที่สิบกว่าเท่านั้น กลับไปในครั้งนี้เขาสามารถอยู่ที่บ้านได้ครึ่งเดือน ซึ่งก็เป็นกฎเกณฑ์เก่าแก่อยู่แล้วเช่นกัน

“ฉันว่านมผงที่อยู่ในเมืองดูไม่เลวเลย คุณจะซื้อกลับไปไหมคะ?” พอเขามาถึง เวิงเหม่ยเจี่ยก็ถามเขา

“ผมซื้อไว้หมดแล้ว” โจวข่ายพยักหน้า

“งั้นก็ดีค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยพูด “ฉันได้หยุดก่อนคุณสามวันนะคะ”

“งั้นก็รอกลับไปพร้อมผม ถือเสียว่าทำงานล่วงเวลาแล้วกันครับ” โจวข่ายยิ้มพูด

“ฉันโทรศัพท์ไปหาแม่แล้ว แม่ฉันบอกว่าพวกเรากลับไปครั้งนี้ อยากจะหมั้นกันก่อนไหมน่ะค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยมองเขาแล้วพูด

“ก็ต้องกลับไปหมั้นกันก่อนสิครับ” โจวข่ายตอบ

ใบหน้าของเวิงเหม่ยเจี่ยยังคงมีรอยยิ้มประดับ

“ปีหน้าเรื่องของเราผมคิดว่าควรจะพูดกับผู้หลักพูดใหญ่อีกขั้นได้แล้ว ถึงตอนนั้นผมค่อยประกาศวันแต่งงานของเรา” โจวข่ายพูดขณะมองหล่อน

“อืม” เวิงเหม่ยเจี่ยได้ยินคำพูดนี้ใบหน้าก็ขึ้นสีแดงเล็กน้อย

แน่นอนว่าในใจหล่อนย่อมดีใจ เพราะในที่สุดหล่อนก็จะได้แต่งงานแล้ว

โจวข่ายกลับมาถึงที่พักแล้วเขาก็โทรศัพท์มาที่ร้านเกี๊ยวก่อน ซึ่งเขาไม่ได้โทรศัพท์ไปหาสักพักใหญ่แล้ว จึงอยากถามว่าเมื่อไรพ่อกับแม่เขาจะกลับปักกิ่ง

พอโทรไปกลับเป็นพ่อของเขาเป็นคนรับ โจวข่ายได้ยินก็ตกใจพูดขึ้น “ป๊าครับ ป๊ากลับมาปักกิ่งตอนไหนเนี่ย?”

“ก่อนหน้านี้สองสามวันเอง” โจวชิงไป๋พูด “พวกลูกหยุดกันตอนไหนล่ะ”

โจวข่ายบอกวันเวลา โจวชิงไป๋ก็พูด “ป๊าจะเอาไปบอกม้าให้”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีลูกแล้วก็ดูแลลูกตัวเองให้ดี ๆ ไปนะยัยบัวขาว ไม่ต้องมายุ่งกับทางนี้ ลูกสาวแม่แม่เลี้ยงเองได้

เจ้าใหญ่จะหมั้นแล้ว มีแม่ทิพย์คนไหนร้องไห้บ้างคะ

ไหหม่า(海馬)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset