บทที่ 607 กำไรก้อนโต
ท่านพ่อท่านแม่โจวเองก็รู้เรื่องที่โรงงานเล็กแห่งนี้จะปิดตัวเช่นกัน
โจวเสี่ยวเหมยที่ชวนพี่สะใภ้สี่ไปโรงอาบน้ำก็ได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมา “พี่สะใภ้สี่ กิจการกำลังไปด้วยดีเลย ทำไมถึงปิดโรงงานแล้วล่ะคะ?”
“ปีหน้าพี่จะทำกิจการใบชาน่ะ จำเป็นต้องมีโกดังเก็บของ พี่เลยเอาโรงงานมาเป็นโกดังน่ะจ้ะ” หลินชิงเหอพูด
“นี่พี่สะใภ้สี่จะทำธุรกิจใหม่อีกแล้วเหรอคะ?” โจวเสี่ยวเหมยพูดอย่างอิจฉา
“แล้วเธออยากจะทำด้วยกันไหมล่ะ?” หลินชิงเหอยิ้มแล้วมองเธอ
โจวเสี่ยวเหมยตาเป็นประกาย “ได้เหรอคะ?”
“พี่สามารถเป็นหุ้นส่วนกับเธอได้ส่วนหนึ่ง ว่าจะตั้งร้านที่ถนนทิศใต้นั่นน่ะ ถ้าเธออยากจะทำจริง ๆ ล่ะก็มาลงทุนด้วยกันได้ พี่จะแบ่งรายได้ให้หนึ่งในสามส่วน ส่วนเรื่องดูแลหรือว่านำเข้าของอะไรพวกนั้น เธอไม่ต้องทำอะไรเลย แค่รอรับเงินปันผลทุกเดือนก็พอ” หลินชิงเหอพูด
“ฉันเอาด้วยค่ะ ๆ!” โจวเสี่ยวเหมยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“ต้องบอกก่อนนะว่าพี่ไม่รับประกันว่ากิจการจะดีขนาดนั้นไหม ธุรกิจชาแบบนี้ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป” หลินชิงเหอพูด
“ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันเชื่อสายตาของพี่สะใภ้สี่!” โจวเสี่ยวเหมยพูด
หลินชิงเหอกับโจวเสี่ยวเหมยจึงไปโรงอาบน้ำด้วยกัน สำหรับเงินลงทุนนั้นไม่ได้ใช้มากเท่าใด แค่ 3,000 หยวนก็พอแล้ว แต่กำไรที่จะได้หลังจากนั้นไม่มีทางน้อยอย่างแน่นอน
และเป็นเพราะเธอกับโจวเสี่ยวเหมยสนิทกันด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นหลินชิงเหอไม่มีทางปล่อยให้กิจการนี้เข้าไปอยู่ในมือคนอื่นหรอก
“มะรืนนี้พี่กะว่าจะไปบ่อน้ำพุร้อนกับพี่เวิง เธออยากจะไปด้วยกันไหม?” มาถึงโรงอาบน้ำแล้ว หลินชิงเหอก็พูดกับโจวเสี่ยวเหมย
“อยากสิคะ ถึงตอนนั้นแล้วไปด้วยกันนะคะ” โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้าแล้วพูดพร้อมยิ้ม
“ถึงตอนนั้นเธอก็มาหาฉัน ฉันไม่ไปหาแล้ว” หลินชิงเหอพูด
“พี่สะใภ้สี่กลัวว่าคุณแม่จะบ่นเรื่องรถสินะคะ” โจวเสี่ยวเหมยยิ้ม
หลินชิงเหอหัวเราะ “ฉันไม่ได้บอกให้เขาซื้อเสียหน่อย พี่สี่ของเธอนั้นแหละห้ามไม่ฟัง ฉันยังคิดว่ามันแพงเกินไปอยู่เลย”
“ตอนแรกคุณแม่ก็บ่นอยู่หรอกค่ะสองสามประโยค แต่ประโยคพวกนั้นพูดไม่เท่าไหร่ ท่านก็เอาไปคุยโม้กับคุณย่าคุณยายคนอื่น ๆ ที่สวนสาธารณะแล้ว” โจวเสี่ยวเหมยพูด
“เรื่องนี้น่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ประเด็นสำคัญคือบ่อน้ำพุร้อนที่นั่นน่ะเก็บคนละ 25 หยวน คุณแม่รับไม่ได้แน่” หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ “เธอก็อย่าเอาไปพูดให้คุณแม่ฟังนะ มาคนเดียวก็พอ”
“ค่ะ ๆ” โจวเสี่ยวเหมยตอบตกลง
สองสาวใหญ่อาบน้ำสบายตัวแล้วจึงได้ขี่จักรยานกลับบ้าน
โจวเสี่ยวเหมยกลับมาบ้านก็อธิบายเรื่องที่โรงงานต้องปิดตัวลงให้คุณแม่ของหล่อนฟังเช่นกัน “พี่สะใภ้เธอมีแผนการอีกอย่างหนึ่งแล้วค่ะ สายตาของหล่อนไม่ว่าอะไรก็ไม่เคยมองผิดพลาดเลยสักครั้ง”
“ใบชาพวกนี้ขายดีจริงเหรอ? ไม่ใช่ว่ามันเป็นแค่ใบไม้ใบหญ้าหรือไง?” ท่านแม่โจวพูดอย่างสงสัย
“เรียกว่าหญ้าที่ไหนกันคุณ นั่นมันคือชา คนเป็นเจ้าคนนายคนจึงจะดื่มของพวกนี้ไหวกัน” ท่านพ่อโจวพูด
“แล้วคนเป็นเจ้าคนนายคนพวกนี้จะมีสักกี่คนคะ วัน ๆ หนึ่งจะขายได้สักเท่าไหร่กันเชียว” ท่านแม่โจวพูด
“คุณคิดว่าที่นี่เป็นชนบทที่พวกเราอยู่อย่างนั้นหรือไง ชาพวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะแพงอะไรมาก คนที่ซื้อไหวก็มีอยู่ทั่วไป” ท่านพ่อโจวพูด
เขาคิดว่ากิจการใบชานี้จะต้องสามารถทำได้แน่นอน ตอนที่เขาไปเล่นหมากล้อมที่สวนสาธารณะ ชายชราคนอื่น ๆ ก็ชอบถือกาน้ำมาดื่มด้วยกันหมด
ท่านแม่โจวรู้สึกไม่ค่อยวางใจ รอจนกระทั่งหวังหยวนขับรถพาโจวเอ้อร์นีแล้วก็สองแฝดมากินข้าวที่นี่ นางจึงถามเขาในเรื่องนี้
ท่านแม่โจวรู้สึกเชื่อถือหลานเขยคนนี้อย่างมาก เนื่องจากเขาก็เป็นเถ้าแก่ใหญ่คนหนึ่ง
“คุณย่าวางใจเถอะครับ กิจการใบชาของน้าสะใภ้สี่จะต้องดีอย่างแน่นอน ด้านนอกร้านขายใบชาก็ยังไม่เยอะมาก น่าทำมากครับ ไม่แน่รายได้อาจดีกว่าร้านขายเสื้อผ้าด้วยซ้ำไป” หวังหยวนยิ้มพูด
หญิงชรากังวลมากเกินไป ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้วพวกใบชาหรือผ้าไหมของพวกนี้ มักได้กำไรสูงด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นมันจะแย่อย่างที่คิดได้อย่างไร?
อีกทั้งห้องทำงานที่สำนักงานของเขาก่อนหน้านี้ แต่ละวันจะต้องมีชามาดื่มอยู่ไม่ขาด ขนาดเขายังเป็นแบบนี้ คนอื่นก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
กิจการใบชานี้ไม่มีทางไม่ดีอย่างแน่นอน
ท่านแม่โจวได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วก็ถึงค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก “ฉันก็เป็นห่วงกลัวว่ามันจะไม่ดี”
“คุณย่าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นเลยครับ ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร น้าสะใภ้สี่น่าจะคิดไตร่ตรองกับตัวเองมาแล้ว และอีกอย่างหล่อนเปิดร้านค้ามากมายขนาดนี้ คุณย่าเห็นว่ามีร้านไหนที่ขาดทุนไหมครับ น้อยมากที่จะเห็นผู้หญิงมีหัวการค้าอย่างน้าสะใภ้สี่แบบนี้”
นี่เป็นคำชมที่ออกมาจากใจจริงของเขา เพราะคิดดูสิว่าก่อนหน้านี้หลินชิงเหอทำกิจการไปกี่อย่างแล้ว?
เสื้อผ้า เครื่องดื่ม อาหาร อาหารทะเล บุหรี่ มาตอนนี้เธอก็กำลังจะทำธุรกิจใบชาขึ้นอีกธุรกิจหนึ่งด้วย ไม่พูดไม่ได้ว่าประสบการณ์ของเธอนั้นโชกโชนมากจริง ๆ ในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีร้านไหนที่ขาดทุนเลยสักร้าน เพราะของทั้งหมดล้วนเป็นของที่นิยมมาก
“น้าสะใภ้สี่ของเธอมีทั้งสมองและสายตาที่เปิดกว้างมากจริง ๆ ” ท่านแม่โจวยิ้มพูด
หวังหยวนก็เพียงแค่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร
โจวเสี่ยวเหมยไม่ได้เอาเรื่องที่หล่อนจะเป็นหุ้นส่วนกับพี่สะใภ้สี่ออกมาพูด ตกค่ำตอนจะนอนหล่อนถึงได้พูดให้ซูต้าหลินฟัง
ซูต้าหลินแปลกใจ “พี่…พี่สะใภ้สี่เต็ม…เต็มใจเหรอ?”
“พี่สะใภ้สี่เขาบอกว่าจะให้ฉันเป็นหุ้นส่วนแค่คนเดียวเท่านั้น คุณก็อย่าเอาไปพูดให้ใครฟังล่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
“ไม่…ไม่พูด” ซูต้าหลินพยักหน้าแล้วยิ้ม “พี่…พี่สะใภ้สี่…ดี…ต่อคุณมาก”
โจวเสี่ยวเหมยเข้าหาอ้อมกอดอันแสนสบายของเขาอย่างมีความสุข และพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้ว่าพี่สะใภ้สี่ดีต่อฉันมาก ดังนั้นเวลาพี่สะใภ้สี่ให้คำแนะนำอะไรพวกเรา พวกเราควรเชื่อฟังหล่อน ไม่ให้พี่สะใภ้สี่ต้องรำคาญใจ หล่อนยิ่งเป็นคนขี้เกียจพูดอยู่”
“อืม” ซูต้าหลินพยักหน้า
หลินชิงเหอตัดสินใจให้โจวเสี่ยวเหมยเป็นหุ้นส่วนด้วย ในตอนแรกเธอก็ยังไม่มีความคิดนี้หรอก แต่พอเห็นท่าทางอิจฉาที่โจวเสี่ยวเหมยแสดงออก เธอจึงเอ่ยปากขึ้นมา
เนื่องจากหล่อนยังมีลูกอีก 4 คน คนที่ไม่เคยเลี้ยงลูกก็จะไม่รู้ว่าการเลี้ยงลูก 4 คนนั้นมันสิ้นเปลืองเงินทองขนาดไหน โดยเฉพาะกรณีอยากจะส่งเสียลูกทั้งสี่ให้เรียนมหาวิทยาลัย จะให้พึ่งพาร้านซาลาเปานั่นต่อไปก็จะยิ่งกินแรงมากกว่านี้อีก
เธอเอาเรื่องนี้มาบอกกับโจวชิงไป๋ฟัง ซึ่งเขาก็พูดขึ้นว่า “คุณตกลงก็ดีแล้วครับ”
“พรุ่งนี้ร้านอาหารทะเลแห้งก็จะมีของเข้ามาอีกแล้ว ให้พวกเขาเอาไปส่งที่โกดังโดยตรงเลยเถอะค่ะ ปลายปีนี้กิจการน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว” หลินชิงเหอพูด
ตอนปีใหม่ปีที่แล้วร้านอาหารทะเลแห้งนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คนส่วนมากจะซื้อกลับไปให้ครอบครัวของตัวเอง หรือไม่ก็ส่งเป็นของขวัญ
อีกนิดก็เกือบจะมีของไม่พอขายแล้ว
ก่อนพวกเขากลับมาก็ส่งของมาให้แล้วรอบหนึ่ง แต่หลินชิงเหอโทรศัพท์ไปสั่งมาอีก สินค้าราคา 5,000 กว่าหยวนจึงกำลังจะส่งมาที่นี่อีกครั้ง
เธอยังสั่งของที่ต้าเหลียนอีก 2,000 หยวน และนั่นยังไม่หมด หากของเหล่านี้มาถึงแล้วก็จะสั่งต่ออีกล็อตหนึ่ง
ปีนี้เธอคิดว่าร้านอาหารทะเลแห้งจะต้องได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกเท่าหนึ่งได้แน่
เพราะโจวเฉวี่ยนของพวกเขาออกไปเรียน โจวชิงไป๋จึงไปรับของด้วยตัวเองพร้อมกับตรวจดูสินค้าอย่างละเอียดรอบคอบ เนื่องจากเขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ สินค้าเหล่านี้จึงเป็นของคุณภาพดีมาก หลังจากไม่มีปัญหาอะไรแล้ว โจวชิงไป๋จึงส่งมอบเงินให้ไป
“ทางนี้ของพวกคุณหนาวมากจริง ๆ นะครับเนี่ย” หยางเฉิงเป็นคนใต้ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมาส่งของให้แล้วเช่นกัน นี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามองเห็นหิมะ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าภาคเหนืออากาศหนาวมาก ๆ อยู่ดี
“นี่ถือว่าเย็นสบายแล้วนะครับ” โจวชิงไป๋ยิ้ม “เอาเป็นว่าให้ผมเลี้ยงอาหารพวกคุณมื้อหนึ่งดีไหมครับ?”
“ตอนนี้ยังดีกว่าครับ ไว้โอกาสหน้าดีกว่า” คนส่งของสามคนส่ายหน้า
พกเงินอยู่กับตัวมากมายขนาดนี้ พวกเขาจะไปเที่ยวได้อย่างสบายใจได้อย่างไร? รีบรับเงินแล้วกลับไปจัดการเรื่องให้เสร็จเสีย โดยเฉพาะอากาศที่นี่ที่หนาวมากเสียขนาดนี้ พวกเขาทนอยู่ไม่ไหวจริง ๆ
……………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คุณย่าหยุดจ๊วบจ้าบชาเถอะค่ะ ชาบางชนิดแพงเอาเรื่องเลยนะ ผู้แปลเองก็ต้องดื่มชานะคะถึงจะสดชื่นความคิดแล่น ตอนนี้กำลังลองดื่มชาหลงจิ่งอยู่ค่ะ เขาว่าเป็นชาที่ดื่มง่ายสุดในบรรดาชาจีนกลุ่มชาเขียว
อยากเห็นร้านน้ำชาของแม่เลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)