บทที่ 675 แขกเหรื่อมากันหมด
หลินชิงเหอเคยบอกกับโจวข่ายลูกชายคนโตไว้แล้ว แต่เขาก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเวิงเหม่ยเจี่ย ตอนนี้เวิงเหม่ยเจี่ยจึงรับบัญชีเงินฝากมาด้วยความรู้สึกร้อนมือนิด ๆ
นี่ให้มาเยอะเกินไปรึเปล่า
“น้าหลินให้มาผิดรึเปล่าคะ?” เวิงเหม่ยเจี่ยอดไม่ได้ที่จะลากโจวข่ายเข้ามาในห้องและกระซิบถาม
“ไม่น่าจะให้ผิดนะ?” โจวข่ายดูแล้ว ในนั้นเขียนว่าหนึ่งแสนหนึ่งพัน
เวิงเหม่ยเจี่ยเอาให้เขาตรวจสอบอีกครั้ง โจวข่ายเอ่ยยิ้ม ๆ “ตัวเลขนี้แหละถูกแล้ว”
“ทำไมน้าหลินถึง….ถึงให้เยอะขนาดนี้ล่ะคะ?” เวิงเหม่ยเจี่ยอดพูดขึ้นอย่างขัดเขินไม่ได้
“พ่อแม่ให้มาเราก็แค่รับไว้ อีกอย่างไม่ใช่แค่เราสองคน อีกหน่อยเจ้ารองเจ้าสามก็ได้ตัวเลขนี้หมด” โจวข่ายกล่าว
ได้ยินแบบนี้แล้วเวิงเหม่ยเจี่ยถึงสบายใจ
ก่อนจะเปิดหีบออก ก็เห็นสร้อยทอง กำไลทอง และแหวนทอง
แหวนทองไม่เท่าไหร่ แต่สร้อยทองและกำไลทองนั้นหนักมือของจริง น้ำหนักของมันหนักกว่าที่คุณแม่เวิงเตรียมไว้ให้อีก
โจวข่ายกินข้าวเที่ยงเสร็จก็ขอกลับไปก่อน ส่วนเวิงเหม่ยเจี่ยรออยู่ที่บ้าน รอวันแต่งงาน
คุณแม่เวิงจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่สามีให้พวกลูกมาเท่าไหร่เหรอ?”
“ถามเรื่องนี้ทำไม อย่างไรซะก็เป็นของพวกเขาเอง” คุณพ่อเวิงกล่าว
เวิงเหม่ยเจี่ยกลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง จึงบอกจำนวนไป
พอหล่อนบอกจำนวนไป คุณพ่อเวิงที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยท่าทางเรียบเฉยก็ยังตัวสั่นเล็กน้อย!
ไม่พูดถึงบ้านเหล่าเวิงเลย ตอนนี้เรือนสี่ประสานของบ้านโจวก็คึกคักสุด ๆ เจ้ารองโจวเฉวี่ยนขับรถพาเหอเมี่ยนเมี่ยนกลับมา
ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลย โจวเฉวี่ยนกำลังก้าวสู่เส้นทางการเมือง ทั้งที่จริง ๆ แล้วเมื่อก่อนเขาอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
เหอเมี่ยนเมี่ยนทำความรู้จักว่าที่พี่ชายคนโตอย่างโจวข่าย ต้องยอมรับว่าพันธุกรรมของบ้านนี้ดีมากจริง ๆ
แน่นอนว่าคนที่หล่อที่สุดต้องเป็นผู้ชายของหล่อน
โจวข่ายและโจวเฉวี่ยนคุยกันเรื่องข้างนอกบ้าน ซึ่งโจวเฉวี่ยนบอกเขาว่าปีหน้าเขาจะลงใต้
“เจ้ารองจะลงใต้แล้ว เมี่ยนเมี่ยนจะไปด้วยกันกับเขาไหมจ๊ะ?” หลินชิงเหอถามเหอเมี่ยนเมี่ยน
“ถ้าเขาให้หนูตามไปด้วยหนูก็ตาม ถ้าไม่ให้ก็ไม่เป็นไรค่ะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูดด้วยท่าทางอ่อนน้อม
โจวเฉวี่ยนกลับชำเลืองมองหล่อน “ถ้าไม่ให้คุณตาม คุณจะไม่ตามไปจริง ๆ รึไง?”
เหอเมี่ยนเมี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าคุณไม่ให้ฉันตาม ฉันก็จะเชื่อฟังคุณค่ะ”
โจวเฉวี่ยนได้ยินก็มีแววตายิ้มแย้ม ปากบอกเชื่อฟังเขา การกระทำไม่เคยเชื่อฟังเขาเลย แต่หล่อนเป็นแฟนของเขานี่ จะทำอะไรได้ ต้องรับไว้อยู่ดี
แต่เขาเองก็อยากพาหล่อนลงใต้ไปด้วยกัน ถึงอย่างไรไปครั้งนี้ก็ต้องอยู่หลายปี จะทิ้งแฟนเขาอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้หรอก
“ปีหน้าหมั้นกันก่อน หมั้นแล้วก็ไปด้วยกันเถอะ” หลินชิงเหอกล่าว
โจวเฉวี่ยนพยักหน้า เหอเมี่ยนเมี่ยนเขินนิดหน่อยแต่ก็ไม่ปฏิเสธ เพราะหมั้นแล้วก็ถือว่าเป็นว่าที่สามีภรรยา
หล่อนจะกางกรงเล็บหมาป่าใส่โจวเฉวี่ยนแล้ว เขาจะได้เฉไฉไม่ได้อีก
เขาเป็นคนที่เข้าตามตรอกออกตามประตูจนหล่อนไม่รู้จะพูดอะไรดี เพื่อนสนิทของหล่อนคนหนึ่งท้องก่อนแล้วจึงแต่งงานด้วยซ้ำ
หล่อนไม่ได้อยากแต่งงานเร็วขนาดนั้น แต่ในฐานะแฟน หล่อนก็คิดถึงเขาเหมือนกันนี่นา
หล่อนไม่เคยมีแฟน มีอะไรก็อยากให้เขาหมด แต่เขาก็ช่างเถรตรงเหลือเกิน
หลินชิงเหอไม่รู้เรื่องพวกนี้ของคู่นี้ แต่ได้ยินเจ้าสามทอดถอนใจ “พี่ใหญ่จะแต่งงานแล้ว พี่รองจะหมั้นแล้ว เหลือผมคนเดียวที่โดดเดี่ยวเดียวดาย หน้าหนาวแบบนี้ไม่มีคนอุ่นเตียงให้ น่าสงสารเหลือเกิน”
“อายุเกินสิบแปดแล้วม้าก็ไม่ได้ห้ามลูกนี่นา อยากมีก็ไปหาสิ” หลินชิงเหอโบกมือ
“จะไปง่ายขนาดนั้นที่ไหนล่ะครับ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่โตมาด้วยกัน รักกันอย่างบริสุทธิ์ พี่รองกับพี่สะใภ้รองก็รักกันตั้งแต่แรกพบ เป็นพรหมลิขิต ผมไม่คาดหวังจะมีความรักที่โตมาด้วยกันอย่างพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ หวังแค่มีรักแรกพบอย่างพี่รองกับพี่สะใภ้รองก็พอใจแล้ว” โจวกุยหลายกล่าว
“นอกจากหญิงสาวแซ่จงแล้ว ที่เหลือลูกอยากจะรักแรกพบยังไงก็ได้” หลินชิงเหอบอก
“นอกจากหญิงสาวแซ่จง?” เหอเมี่ยนเมี่ยนไม่เข้าใจ
“แม่เคยทำนายดวงให้ผม บอกว่าผมห้ามแต่งงานกับหญิงสาวแซ่จง” โจวกุยหลายพูดด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก
เหอเมี่ยนเมี่ยนหัวเราะ หลินชิงเหอจึงเอ่ยขึ้น “อย่าหัวเราะไป เรื่องอื่นคุยกันได้หมด แต่เรื่องนี้ยังไงก็ไม่ได้ ลูกจำไว้ด้วย”
“แล้วถ้าพวกเรารักกันจนภูเขาถล่มแผ่นดินทลาย ไม่ใช่คุณไม่ได้ ถ้าไม่ได้แต่งกับเธอผมจะไม่แต่งงานตลอดชีวิตล่ะครับ?” โจวกุยหลายเอ่ย
“งั้นลูกก็ไม่ต้องแต่งงานตลอดชีวิต ทนความเหงาให้ไหวก็พอ” หลินชิงเหอบอก
อาวุธพิฆาตอย่างนางเอกนั่นไปยุ่งด้วยไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ต้องคุย
โจวกุยหลายร้องโหยหวน “ม้าคร้าบ ม้าเป็นพวกอเทวนิยมไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยล่ะ?”
หลินชิงเหอไม่คุยกับเขาในเรื่องพวกนี้แล้ว เธอเปลี่ยนเรื่องทันที “พรุ่งนี้เสี่ยวเกิงกับอู่นีแล้วก็น้าเหม่ยลี่ของลูกมาถึงแล้ว แล้วก็พวกลุงใหญ่ด้วย พรุ่งนี้ไปรอที่นั่นตั้งแต่แปดโมงเช้านะ”
“รอที่บ้านก็พอแล้วครับ มาถึงเมื่อไหร่หาตู้โทรศัพท์โทรมาบอก พรุ่งนี้ผมเฝ้าอยู่ที่บ้าน ได้รับโทรศัพท์เมื่อไหร่เดี๋ยวออกไปรับเลย” โจวกุยหลายกล่าว
ตอนนี้เองได้มีเสียงรถยนต์ดังมาจากข้างนอก ไม่นานนักหวังหยวนและโจวเอ้อร์นีก็พาแฝดมังกรหงส์เข้ามา
หลินชิงเหอเอ่ยยิ้ม ๆ “เย็นนี้อยู่กินข้าวด้วยไหม? วันนี้มีหม้อไฟเนื้อแพะนะ”
“ตอนพวกผมมาก็สั่งแม่บ้านไว้แล้วครับว่าคืนนี้ไม่ต้องทำอาหาร” หวังหยวนบอกยิ้ม ๆ เขานั่งลงและหันไปมองโจวข่าย “ทำไมฉันรู้สึกว่านายสูงขึ้นอีกแล้วล่ะ”
“ไม่สูงนะ แต่ผอมไปหน่อยเลยดูสูง” โจวเอ้อร์นีกล่าว
“ฉันก็รู้สึกว่าปีนี้ผอมลง” หลินชิงเหอเอ่ย
ปีนี้โจวข่ายผอมลงกว่าปีก่อนจริง แต่น้ำหนักถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ สูงขนาดนี้ถ้าอ้วนอีกก็ไม่ไหวจริง ๆ
“พี่สาวรอง พรุ่งนี้ผมขอยืมรถพี่หน่อยนะ คนเยอะเกินไป รถที่บ้านนั่งไม่พอ” โจวกุยหลายคุยกับโจวเอ้อร์นี
“ได้สิ พวกเราก็ขับกลับมาคันหนึ่งเหมือนกัน” เหอเมี่ยนเมี่ยนเอ่ย
“ยังไม่พอหรอกครับ ครั้งนี้มากันเยอะ” โจวกุยหลายกล่าว
“รถสองคันยังนั่งไม่พออีกเหรอ มีใครมาบ้าง?” โจวเฉวี่ยนถาม
“ลุงใหญ่ป้าสะใภ้ใหญ่ พี่หยางกับน้องวั่ง พี่ต้านีก็พาหลานชายหลานสาวมา แล้วยังพี่เซี่ยสองสามีภรรยา ป้ารอง ป้าสะใภ้สาม แล้วก็น้าสามของเรากับอาซิ่ว” โจวกุยหลายบอก “ถ้าพวกเขาออกจากสถานีมาพร้อมกับเสี่ยวเกิง พี่อู่นีและน้าเหม่ยลี่ รถสามคันก็ไม่พอ”
“พรุ่งนี้ฉันขับมา ถึงตอนนั้นไปรับด้วยกันเลย” โจวเอ้อร์นีบอกยิ้ม ๆ
“ให้พ่อแม่ไปอยู่บ้านเรา ปู่ย่าก็อยู่แถวนั้น จะได้ใกล้กัน” หวังหยวนกล่าว
“ถึงตอนนั้นค่อยถามพ่อแม่ว่าจะเอายังไง” โจวเอ้อร์นียิ้ม
วันรุ่งขึ้นคนที่มาร่วมงานแต่งงานมาถึง
เจียงเกิง โจวอู่นี และเซวียนเหม่ยลี่สามคนไม่ได้มาเวลาเดียวกับคนบ้านโจว พวกเขามาถึงเป็นกลุ่มแรก
ซึ่งโจวข่ายเป็นคนไปรับ
เจียงเหิงไม่ได้มากับโจวอู่นีด้วย ตอนนี้ถึงช่วงสิ้นปีแล้ว ต้องให้ของขวัญกัน ที่ร้านขายชาจึงขายดีขึ้นอีกระดับหนึ่ง เจียงเหิงจึงไม่ว่างมา
…………………………………………………………………………………………………………………………