ตอนที่ 688 ชัยชนะอันลึกลับ

ตอนที่ 688 ชัยชนะอันลึกลับ
หานอี้หล่ายไม่คิดสนใจ เขาเพียงคิดว่าแก่นเต๋าของฉินหยุนประหลาด
ไปบ้าง มันถูกปกคลุมด้วยรากไม้ เขายังพยายามคว้าจับที่แก่นเต๋าของ
ฉินหยุนต่อ
อย่างกะทันหัน เขาได้เห็นบางสิ่งเล็กจิ๋วสีดำบินผ่านด้วยความเร็วสูง
ล้ำ มันกัดเข้าที่ข้อมือของเขา เป็นอสรพิษสีดำตัวน้อย
สิ่งนี้คือวิญญาณยุทธ์อสรพิษที่ฉินหยุนดูดกลืนไปก่อนหน้านี้
เมื่อได้เห็นหานอี้หลายสัมผัสที่แก่นเต๋าฉินหยุน เจี้ยนรั่วหยานถึงกับ
สบถคำรามเสียงดัง
นางไม่อาจเข้าใจ ว่าเหตุใดเชี่ยวเย่ว์หลานไม่ยอมออกปากให้ฉินหยุน
ยอมรับความพ่ายแพ้
ทางด้านฮูจิงเซียนก็ไม่ต่างกัน นางยืนอยู่ด้านหลังเชี่ยวเย่ว์หลาน
พยายามส่งเสียงสื่อสารบอกต่อนางหลายครั้งเพื่อให้นางได้เกลี้ย
กล่อม
เปาเฉิงโฉ่วยังใช้ถ้อยคำดุร้ายต่อเนื่องกล่าวข่มขู่ต่อหานอี้หล่ายและ
หุบเขาเซียนโอสถ กระนั้นพวกเขาหาได้หวั่นเกรงไม่
ขณะทุกคนได้เห็นว่าแก่นเต๋าฉินหยุนกำลังจะถูกนำออก หานอี้หล่าย
คล้ายมีโทสะ เขาต่อยที่หน้าท้องซึ่งเปิดออกของฉินหยุน เป้าหมาย
คือแก่นเต๋า!
ตู้ม!
ฉินหยุนร่างกระเด็นกระแทกม่านพลัง
“ตัวบัดซบ ให้ข้าได้สังหารเจ้า!” แขนของหานอี้หล่ายสั่นเทิ้ม เขา
ตระหนักได้แล้วว่าตนเองถูกล่อลวง
ฉินหยุนถ่มโลหิตออกจากปากลงพื้นขณะหัวเราะดัง “ตัวบัดซบเช่น
เจ้า เหตุใดไม่นำเอาแก่นเต๋าของข้าออกมาเสียให้เร็วกว่านี้ ทำให้ข้า
รอนานเกินไปแล้ว!”
ก่อนหน้านี้ครั้งฉินหยุนถูกทุบตี เขาไม่อาจใช้งานวิญญาณยุทธ์
อสรพิษได้
ด้วยเหตุนี้ ก็มีแต่ต้องรอให้หานอี้หล่ายหยุดโจมตีดังเช่นเมื่อครู่ และ
เข้ามาใกล้กับแก่นเต๋า นั่นคือโอกาสดีที่สุดที่เขาจะได้ใช้วิญญาณ
ยุทธ์อสรพิษทำให้อีกฝ่ายติดพิษ
แม้หานอี้หล่ายต่อยแก่นเต๋าของฉินหยุนรุนแรง กระนั้นมันหาได้
สะเทือนใดไม่ เพราะมันคือแก่นเต๋าตะวันทมิฬ
แก่นเต๋าตะวันทมิฬคือสิ่งประหลาดที่สุดในโลกหล้า มันสามารถ
ดูดกลืนพลังงานใดที่โจมตีเข้ามาได้หมดสิ้น
“เจ้า… แก่นเต๋าเจ้าสมควรต้องถูกข้าทำลายแล้ว ยังจะมีอะไรให้ยิ้ม
ยินดีอีกหา!” หานอี้หล่ายมีโทสะเป็นล้นพ้นขณะก้าวเดินเข้ามา
ที่ทำเอาผู้คนรู้สึกแปลกประหลาด คือหานอี้หล่ายที่เดินออก ขาคู่นั้น
กลับสั่นไปมา
นี่ก็เพราะอีกฝ่ายติดพิษ!
พิษนี้นามพิษเหน็บกระดูกอ่อนกล้ามเนื้อ มันสามารถทำให้กล้ามเนื้อ
และกระดูกผู้คนสามารถเหน็บชาและอ่อนแรง
หานอี้หล่ายเพียงฝึกฝนโลหิตเซียน กล้ามเนื้อและกระดูกของเขายัง
ไปไม่ถึงขอบเขตเซียน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะต้านรับพิษนี้
เอาไว้ได้
ฉินหยุนเวลานี้ค่อยทราบ ว่าพิษของวิญญาณยุทธ์อสรพิษร้ายแรง
เพียงใด! เขากระทั่งใช้งานมันจัดการหานอี้หล่ายได้ อีกฝ่ายติดพิษ
อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
หานอี้หล่ายไม่คิดว่าตนเองติดพิษ เขาเชื่อว่าเป็นฉินหยุนปลดปล่อย
พลังสั่นไหวรุนแรงออกมา
นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้ เขารับรู้ถึงแรงสั่นไหวรุนแรงแทรกเข้าในร่าง
ครั้งฉินหยุนควบคุมวิญญาณยุทธ์อสรพิษให้กัดที่ข้อมือหานอี้หลาย
เขาได้ผสานพลังสั่นไหวเข้าไปเพื่อเร่งกระจายพิษ
เชี่ยวเย่ว์หลานที่ได้เห็นสถานการณ์บนลานประลอง นางค่อยถอน
หายใจโล่งอก สีหน้าของนางวางใจลงได้มาก เพราะนางได้ทราบ
แล้วว่าฉินหยุนพบวิธีสวนกลับคู่ต่อสู้
หานอี้หล่ายก้าวเดินเข้าหาฉินหยุนอย่างยากลำบาก ทุกก้าวเดินของ
เขา พิษจะยิ่งกระจายมากขึ้น เมื่อถึงตรงหน้าฉินหยุน เขาถึงกับต้อง
คุกเข่าลงกับพื้น
ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถพอได้เห็นถึงกับอึ้ง เขาเร่งร้อนตะโกน
ดัง “อาหล่าย เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว? เร่งรีบลุกขึ้น!”
ฉินหยุนยังคงนอนกับพื้น หานอี้หล่ายคุกเข่ากับพื้นข้างกาย ดวงตา
ทั้งสองนั้นลืมเพียงครึ่ง อีกฝ่ายคล้ายพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ
ภาพฉากที่เห็นให้ความรู้สึกแปลกประหลาดจนเกินไป!
เมื่อครู่ หานอี้หล่ายยังคงมีกำลังวังชาและชีวิตชีวา แต่แล้วตอนนี้
กลายเป็นแมวป่ วยตัวหนึ่งในพริบตา
และฉินหยุนยังไม่ได้ทำอะไรแม้เพียงนิด เป็นหานอี้หล่ายเกิดอาการ
เอง!
ครึ่งเซียนและศิษย์ทั้งหลายเบื้องล่างลานประลองยุทธ์ต่างคิ้วขมวด
หารือกันอย่างสงสัย
“หยุนเอ๋อ!” ฉินหยุนตะโกนดังภายใน
ตู้ม!
หลิงหยุนเอ๋อควบคุมแก่นเต๋าตะวันทมิฬ ปลดปล่อยพลังแรงโน้ม
ถ่วงมหาศาลสะกดลงมา
หานอี้หล่ายร่างกระแทกพื้นส่งเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าเขาคิดร้องออก
กระนั้นกลับไม่อาจร้อง เพราะกระดูกและกล้ามเนื้อทั้งหมดในร่าง
ไร้สิ้นเรี่ยวแรงอย่างสิ้นเชิง
สภาพฉินหยุนเลวร้ายกว่า กระดูกส่วนใหญ่ในร่างหัก เขาไม่อาจ
เคลื่อนไหว จึงได้แต่ต้องนอนกับพื้น
“อาหล่าย เร่งรีบลุกขึ้น เจ้าสมควรยังมีพลังอีกมากมายให้จัดการมัน!”
ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถเข้ามาถึงด้านข้างลานประลองยุทธ์
พร้อมตะโกน
พอได้เห็นอีกฝ่ายตะโกน ร่างฉินหยุนจึงค่อยลุกขึ้นยืนอย่างชวน
อัศจรรย์
เขาใช้พลังจิตต้นกำเนิดอันทรงพลัง ควบคุมร่างกายตนเองให้ยืนขึ้น
ตรง
แม้ยืนได้ กระนั้นก็ต้องโอนเอนไปมาไม่น้อย
“ฉินหยุน นี่เจ้าทำอะไร? เจ้าใช้วิชามารอันใดกัน?” ครึ่งเซียนจากหุบ
เขาเซียนโอสถคำรามร้องกราดเกรี้ยว
“ศิษย์ร่างอสูรและร่างมารต่างเข้าร่วมการแข่งขัน แม้ข้าใช้วิชามาร
แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้?” ฉินหยุนหัวเราะดัง ร่างกายเขาพลัน
ปลดปล่อยหมอกสีดำลอยฟุ้งออกมา
ม่านพลังเป็นตัวแบ่งกั้น ทำให้ไม่อาจมองเห็นได้ว่าภายในเกิดเรื่อง
ราวใดขึ้น
ฉินหยุนและหานอี้หล่ายถูกปกคลุมด้วยหมอกพลังงานสีดำ ผู้อื่นจึง
ไม่อาจสัมผัสหรือพบเห็นว่าภายในเกิดเรื่องราวใดขึ้น
ฉินหยุนที่ปลดปล่อยม่านหมอกสีดำ เขาจึงล้มลงที่ตัวของหานอี้หล่าย
พร้อมกล่าว “หยุนเอ๋อ เอาเลย!”
หลิงหยุนเอ๋อเดิมคิดว่าฉินหยุนจบสิ้นแล้ว กระนั้นตอนนี้นางค่อย
เกิดความประทับใจในตัวอีกฝ่าย เขาใช้ความอ่อนด้อยกว่าเข้ากำราบ
อีกฝ่ายที่ประมาทได้อย่างยอดเยี่ยม
“พลังงานโลหิตเซียนของหานอี้หล่ายมีประโยชน์แก่เจ้ามหาศาล แต่
ด้วยสภาพเจ้าตอนนี้ ทางที่ดีคืออย่าเพิ่งได้ขัดเกลา ให้ข้ากักเก็บมัน
เอาไว้ในแก่นเต๋าตะวันทมิฬก่อน!”
หลิงหยุนเอ๋อควบคุมวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เริ่มทำการดูดกลืนพลัง
จากหานอี้หล่าย
กระบวนการกลืนกินรวดเร็วยิ่ง และที่เบื้องล่างลานประลองยุทธ์
ผู้คนของหุบเขาเซียนโอสถต่างตะโกนร้องกันไม่หยุด
ก่อนหน้า เป็นคนของนครเซียนยุทธภัณฑ์ที่ร้องคำราม กระนั้นเวลา
นี้ กลับเป็นคราวของหุบเขาเซียนโอสถ
เรื่องราวที่พลิกกลับด้านกะทันหันเพียงนี้ เป็นสิ่งที่แม้แต่เปาเฉิงโฉ่ว
และเจี้ยนสือเทียนยังพบว่ายากจะเข้าใจได้
ม่านหมอกสีดำเลือนหาย ร่างกายฉินหยุนยังคงมีพลังจิตควบคุม เป็น
การลอยยืนตรงอยู่เหนืออากาศอย่างแปลกประหลาด
หลังเสร็จสิ้นกระบวนการดูดกลืน หานอี้หล่ายมีสภาพไม่ต่างอะไร
กับคนตาย
“ข้าได้กล่าวไปแล้ว ต้องการจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว ชะตาคือต้อง
ตาย!”
ฉินหยุนกล่าวคำจบ หลิงหยุนเอ๋อพลันปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วง
รุนแรง มันมาพร้อมอัคคีเพลิงสีดำเข้าปะทะที่ร่างของหานอี้หล่าย
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังกึกก้อง แก๊สสีดำรุนแรงกระจายทั่วทิศทาง ร่างกาย
ของหานอี้หล่าย ได้กลับกลายเป็นเถ้าธุลีไปหมดสิ้นแล้ว
ฉินหยุนมองความตายของหานอี้หล่าย ภายในย่อมยินดี เมื่อครู่ เขา
ไม่เพียงได้โลหิตเซียนของหานอี้หล่าย แต่ยังได้ความสามารถเทวะ
และวิญญาณยุทธ์ทรมานของอีกฝ่ายมา
เป็นเขารู้สึก ว่าโดนทำร้ายจนสภาพย่ำแย่เพียงนี้คือสิ่งคุ้มค่า!
ฉินหยุนได้รับชัยชนะ!
ทุกอย่างผิดแผกแปลกจนเกินไป กระทั่งครึ่งเซียนยังไม่อาจทราบว่า
เกิดอะไรขึ้น พวกเขากระทั่งจะบอกว่าฉินหยุนโกงยังไม่อาจพูด
กล่าวได้!
ม่านพลังรอบลานประลองยุทธ์สามารถตรวจจับการใช้อาวุธและสิ่ง
อื่น
หากฉินหยุนใช้งานอาวุธ ม่านพลังย่อมตอบสนอง
ดังนั้นแล้ว ฉินหยุนจึงไม่มีทางใช้อาวุธลับหรืออะไรทำนองนั้นได้
อย่างเด็ดขาด
คลื่นเสียงแห่งความสับสนดังระงมทั่วทั้งลานกว้าง
ยามเมื่อครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถได้เห็นความตายของหานอี้
หล่าย ดวงตาของเขาแดงก่ำเพราะโทสะ แรงกดดันชวนขนลุกระเบิด
ออกจากร่างนั้น ทว่ากลับต้องถูกสะกดลงด้วยครึ่งเซียนจากตำหนัก
เซียนดาบ
ม่านพลังรอบลานประลองที่เลือนหาย เปาเฉิงโฉ่วและเจี้ยนสือเทียน
ต่างเร่งรีบเข้ามาคุ้มกันฉินหยุนไว้
“กระดูกแตกหักแทบหมด อาการร้ายแรงไม่น้อย ก่อนรอบต่อไปไม่
น่าหายได้ทัน! สาเหตุที่สามารถยืนขึ้นได้ก็เพราะใช้พลังจิตควบคุม
ร่างกาย!” เปาเฉิงโฉ่วตรวจสอบอาการบาดเจ็บของฉินหยุน สีหน้า
เวลานี้ยิ่งหนักอึ้ง
เจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิงต่างมองที่เชี่ยวเย่ว์หลาน ก่อนที่พวก
นางจะร่วมถอนหายใจกันอย่างนึกเสียดาย พวกนางทราบแล้วว่าเหตุ
ใดเชี่ยวเย่ว์หลานจึงเป็นภรรยาฉินหยุน นั่นก็เพราะทั้งสองคนต่าง
เข้าใจกันและกันดีอย่างมากล้น
ฮูจิงเซียนยังต้องทึ่ง ต่อความเข้าใจและไว้ใจกันและกันระหว่างเชี่ยว
เย่ว์หลานและฉินหยุน
เชี่ยวเย่ว์หลานมองฉินหยุนถูกเปาเฉิงโฉ่วพาตัวไป นางค่อยหัวเราะ
เบาบอกต่อฮูจิงเซียน “ขอบคุณพี่สาวจิ้งจอกที่ห่วงหาเขา เมื่อครู่ข้าก็
ร้อนรนไม่น้อย!”
“เจ้านี่นะ!” ฮูจิงเซียนเผยยิ้มเล็กน้อยแสร้งโกรธเคืองตอบรับ
ถัดจากนั้น เชี่ยวเย่ว์หลานค่อยยิ้มบางส่งมอบให้แก่หลงเฉียวเฟิงและ
เจี้ยนรั่วหยาน
เจี้ยนหนันหู่มองที่ฉินหยุน ผู้ซึ่งถูกนำพาไปก่อนถอนหายใจยาว
“ฉินหยุนผู้นี้มีไม้เด็ดเก็บไว้ไม่หมดไม่สิ้น ไม่ว่าจะมองอย่างไร หาน
อี้หล่ายก็ตายได้ประหลาดเกินไป กล่าวตามตรง หากเป็นตัวข้าเอง ก็
เกรงว่าจะไม่อาจเอาชนะหานอี้หล่ายได้!”
“พี่หู่ ท่านเห็นหรือไม่? ร่างเซียน ร่างอสูร และร่างมารทั้งหลายที่เข้า
ร่วมต่างถอนหายใจกันโล่งอก! ในสายตาพวกเขา หานอี้หล่ายคือภัย
คุกคามร้ายแรงอย่างถึงที่สุด!” เจี้ยนรั่วหยานยิ้มบางกล่าว “พี่หยุนได้
สังหารหานอี้หล่าย พวกเขายิ่งผ่อนคลายกันได้มากขึ้นไปอีก!”
ขั้วอำนาจเช่นตำหนักโทเทม ตำหนักจารึกเทวะ และอีกหลายแห่ง
ต่างยินดีอยู่ภายใน เพราะคราแรกเป็นพวกเขาได้เห็นฉินหยุนถูก
ทรมาน และจากนั้นจึงได้เห็นร่างเซียนที่หุบเขาเซียนโอสถภาคภูมิ
ถูกสังหาร สำหรับพวกเขา เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยินดี
ควรค่าแก่การฉลองด้วยซ้ำ
ตราบเท่าที่ผู้ตายไม่ใช่ศิษย์อันเลิศล้ำของพวกเขา ทั้งหมดทั้งมวลคือ
เรื่องน่ายินดี โดยเฉพาะกับร่างเซียนดังเช่นหานอี้หล่ายที่ฝึกฝนโลหิต
เซียน พวกเขาปรารถนาให้อีกฝ่ายตกตายโดยเร็ววันด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้พวกเขาชื่นชมการกระทำของหานอี้หล่าย กระนั้น พวก
เขาก็กังวลว่าหานอี้หล่ายจะลงมือสำเร็จจนได้รับจารึกวิญญาณจ้าว
ดวงดาว
ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถแทบปรารถนากลืนกินฉินหยุนทั้ง
เป็น กระนั้นเขาไม่มีกำลังพอให้ลงมือได้
หากมีผู้ใดกล้าลงมือ ผู้นั้นย่อมต้องถูกครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งของตำหนัก
เซียนดาบสังหาร
ฉินหยุนถูกนำตัวไปยังสถานที่ปลอดภัย เขาจะมีเวลาได้พักหนึ่งชั่ว
ยามเพราะยังมีศึกรอบบ่าย
นัดประลองรอบบ่ายสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมื่อชนะผ่านรอบนี้ เท่ากับ
เขาได้รับอันดับหนึ่งของกลุ่ม จากนั้นจึงค่อยเป็นการแข่งขันรอบ
สุดท้าย!
“ฉินหยุน เจ้าคิดสู้ในรอบบ่ายด้วยสภาพเช่นนี้หรือ? เจ้าควรปล่อยและ
ให้รั่วหยานได้สานต่อ! กำลังของนางเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล นางย่อม
ต้องคว้าเอาอันดับหนึ่งของกลุ่มมาได้ สำหรับนครเซียนยุทธภัณฑ์
ของเรา นั่นถือว่าดีมากแล้ว!” เปาเฉิงโฉ่วยิ้มกล่าว “ตราบเท่าที่เจ้าไม่
เป็นไร ทุกสิ่งล้วนยังดีอยู่!”
“จ้าวสำนัก ข้าคิดสู้ในรอบบ่าย!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ไม่ใช่พวกท่าน
คิดหรือว่าข้าต้องพ่ายแพ้แก่หานอี้หล่ายแต่แรกเริ่ม? แต่ผลลัพธ์คือ
ข้าเอาชนะมาได้!”
“ก็ได้ ก็ได้ เจ้าอยากทำอะไรจงทำ แต่เจ้าต้องจำเอาไว้ อย่าได้อวดโอ่
จนนำผลร้ายมาสู่ตน!” เปาเฉิงโฉ่วส่ายศีรษะอย่างเสียมิได้
“จ้าวสำนัก ชีวิตเล็กจ้อยของข้านี้เป็นสมบัติยิ่งกว่าที่ท่านคิด ข้าเอง
ย่อมหวาดเกรงความตาย หากข้าคิดว่าต้องตายแน่แล้ว เช่นนั้นข้าจะ
ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่อิดออด!” ฉินหยุนหัวเราะเบา
เปาเฉิงโฉ่วยิ้มเชิงต่อว่าขณะออกจากห้องฉินหยุนไป
จากนั้น จึงเป็นเจี้ยนรั่วหยานและหลงเฉียวเฟิงเดินเข้ามา
“พี่หยุน ท่านเป็นไรบ้างแล้ว? จะดีขึ้นทันบ่ายหรือไม่?” เจี้ยนรั่วหยาน
มองฉินหยุนด้วยสีหน้ารวดร้าว นางสัมผัสที่ร่างนั้นพลางใช้พลังช่วย
รักษา
“ข้าไม่เป็นไร รอบบ่ายยังสามารถสู้ได้!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“ฉินหยุน ให้รั่วหยานไปสำเร็จงานแทน ตอนนี้นางแข็งแกร่งขึ้นไม่
น้อย!” หลงเฉียวเฟิงช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแก่ฉินหยุนระดับหนึ่ง
นางได้ถ่ายเทพลังมังกรและหงส์อมตะช่วยรักษา
“ขอบคุณที่เป็นห่วง ขอข้าพักสักระยะ!” ฉินหยุนกล่าว
“ได้!” เจี้ยนรั่วหยานหยุดโคจรพลังสู่ร่างฉินหยุน ก่อนจะออกจาก
ห้องไปพร้อมหลงเฉียวเฟิง
หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะดัง “เสี่ยวหยุน ให้พวกนางนอนข้างกายเจ้าแล้ว
ลองให้พวกนางเป็นฝ่ายนำดู นี่ถือเป็นโอกาสอันดีอย่างน่าสนใจนัก!”
“เจ้ามันจิตต่ำทราม!” ฉินหยุนสบถออก “หยุนเอ๋อ ข้าสามารถใช้
วิญญาณยุทธ์ทรมานได้หรือไม่?”
“ใช้ได้ แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ตอนนี้ ตาเฒ่ามากมายต่างจับตามอง
หากพวกมันพบว่าเจ้าดูดกลืนความสามารถเทวะผู้อื่น พวกนั้นย่อม
ระเบิดโทสะกันออกมาแน่!” หลิงหยุนเอ๋อเผยยิ้มตอบคำ
ฉินหยุนหลับตาลง ร่างกายของเขาบาดเจ็บร้ายแรง เขาไม่มีทางรักษา
ให้หายดีได้ในระยะเวลาอันสั้น ตอนนี้ มีแต่ต้องคิดหากลยุทธ์เพื่อใช้
รับศึกในรอบบ่ายเพียงอย่างเดียวแล้ว

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset