บทที่ 73 ขอจูบ
หลินชิงเหอนั่งอยู่ในอ้อมแขนของโจวชิงไป๋ ใบหน้าเฉยชาเป็นนิจของเธอแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย หญิงสาวขยับตัวยุกยิกหมายจะดิ้นให้หลุดแต่โจวชิงไป๋ก็กอดไว้แน่น
“คุณจะทำอะไรน่ะคะ? ตอนนี้ยังกลางวันแสก ๆ อยู่เลย เดี๋ยวลูก ๆ ก็กลับเข้ามาเห็นหรอก!” หลินชิงเหอบอก
“เราให้เด็ก ๆ นอนกันเองได้ไหมครับ หืม?” โจวชิงไป๋จ้องมองภรรยาอย่างไม่สนใจอาการของเธอ
เสียงลงท้ายในลำคอของเขาทำให้หลินชิงเหอรู้สึกเหมือนเขาเป็นซีอีโอจอมเอาแต่ใจอย่างไรอย่างนั้น
“พวกเขาโตแล้ว ก็เป็นธรรมดาแล้วค่ะที่จะนอนกันเองได้ จริงสิ งั้นคืนนี้คุณนอนกับพวกเขาไปนะคะ” หลินชิงเหอพูดออกไปทั้งที่ในใจไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
“ภรรยาครับ ผมต้องการคุณนะ” โจวชิงไป๋บรรจงจูบตรงซอกคอของเธอและเอ่ยเสียงทุ้มพร่า
“เอาไว้ก่อนค่ะ ยังไม่มืดเลย” หลินชิงเหอโพล่งออกมาทันที
การนั่งอยู่บนตักของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความตื่นตัวของชายหนุ่มอย่างชัดเจน แต่นี่มันใช่เวลาไหม! แถมยังมีเด็ก ๆ อีกสามคนอยู่ในห้องข้าง ๆ ที่อาจเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้อีก!
โจวชิงไป๋ไม่เอ่ยอะไร แต่มือทั้งคู่ยังคงโอบรอบเอวของภรรยา
หลินชิงเหอแสดงท่าทีนิ่งเฉยขณะตีไหล่ของเขา “ปล่อยฉันเร็วค่ะ ตัวเหม็นเหงื่อของคุณทำให้ฉันแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”
โจวชิงไป๋ก้มลงดมกลิ่นตัวเองแล้วก็พบว่าตัวเขาเหม็นเหงื่ออย่างที่เธอบอกจริง ๆ จึงได้แต่ปล่อยเธอไปอย่างอิดออด แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกลิงโลดในใจที่ได้ยินภรรยาบอกให้รอจนกว่าจะถึงคืนนี้
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนพักซะนะคะ” หลินชิงเหอสั่ง
เมื่อรู้ว่าคืนนี้จะได้กินเนื้อหงส์ โจวชิงไป๋ก็ไม่คัดค้าน เขาเดินไปที่ลานบ้านแล้วก็ตักน้ำเย็นรดอาบ เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แทนที่จะให้หลินชิงเหอซักเสื้อผ้าที่ใส่แล้วให้ เขาก็ลงมือซักด้วยตัวเองก่อนจะนำขึ้นตากแดดไว้บนราว
เขาอยากกลับไปคลอเคลียกับภรรยาในห้องของเขาอีกครั้ง ต่อให้วันนี้ไม่ได้ทำอะไรเธอในตอนกลางวัน แต่ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องดี
ทว่าเมื่อกลับเข้าไปในห้อง เขาก็พบว่าภรรยาได้ซ่อนตัวอยู่ในอีกห้องหนึ่งกับลูก ๆ
“รีบนอนพักเร็วค่ะ อีกไม่นานคุณต้องออกไปทำงานต่อแล้วนะคะ” หลินชิงเหอโบกมือไล่
โจวชิงไป๋เหลือบมองหญิงสาวด้วยอาการฮึดฮัด แต่หลินชิงเหอทำทีเป็นไม่เห็น ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงกลับไปนอนพักในห้องของตนเอง
เจ้ารองผู้หัวไวเห็นแล้วก็ยิ้มกริ่ม “แม่ พ่ออยากให้แม่อยู่ด้วยน่ะครับ”
“พ่อโตขนาดนั้นแล้วทำไมแม่ต้องไปอยู่ห้องเดียวกับเขาล่ะ?” เจ้าใหญ่อุทาน
“อยากอยู่ด้วย” เจ้าสามเงยหน้ามองและเอ่ยทวนอย่างจริงจัง
หลินชิงเหอหน้าเหวอ จากนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกาย “แม่ควรจะอยู่กับพ่อหรืออยู่กับลูก ๆ ดีล่ะ? ช่วยแม่เลือกหน่อยสิ”
“อยู่กับผม!” เจ้าสามมองเธอ
“ผมก็อยากให้แม่อยู่กับเราด้วย” เจ้ารองบอกด้วยรอยยิ้ม
ส่วนเจ้าใหญ่บอกว่าเขาโตแล้วและไม่ต้องการให้แม่มาอยู่ด้วย
“รีบแก้โจทย์เร็วเข้า ถ้าทำไม่เสร็จแม่จะไม่ให้หลับนะ” หลินชิงเหอจ้องเขม็ง
เจ้าใหญ่เค้นสมองน้อย ๆ พยายามหาคำตอบของโจทย์ที่ได้รับ แม้เขาจะทำถูกสามในห้าข้อแต่ก็ยังบ่นกระปอดประแปดว่าโจทย์ของแม่ยากกว่าโจทย์ที่คุณครูให้มาเสียอีก หลินชิงเหอจึงสอนเขาในทันทีจนเขาแก้ไขเสร็จหมด
“สัปดาห์นี้แม่วางแผนว่าจะเข้าอำเภอล่ะ ถ้าลูกขยันเรียน ลูกก็จะได้ส่วนแบ่งนมผงรสมอลต์ที่แม่ซื้อมาให้น้อง ๆ นะ ถ้าลูกไม่ขยันก็จงมองน้อง ๆ ดื่มไปเถอะ” หลินชิงเหอกระตุ้น
“ผมตั้งใจเรียนทุกวันนะครับ และก็ได้เป็นกรรมการนักเรียนด้วย!” เจ้าใหญ่บอก
“ถ้าลูกตั้งใจมากกว่านี้ในเทอมหน้าจะได้เป็นหัวหน้าชั้นเลยนะ ลูกพอใจกับการเป็นแค่กรรมการนักเรียนเหรอ?” หลินชิงเหอบอก
“เป็นหัวหน้าชั้นแล้วมันดียังไงเหรอครับ?” เจ้าใหญ่ถาม
“ถ้าเป็นหัวหน้าชั้น ลูกก็จะได้รับความเคารพจากเพื่อนในห้องเยอะ ๆ เลยอย่างไรล่ะ แต่เรื่องนี้ไม่มีผลอะไรกับแม่หรอก ลูกอยากเป็นอะไรที่อยากจะเป็นได้เลย แม่ไม่เสียอะไรอยู่แล้วถ้าลูกไม่ได้เป็น” หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม
เจ้าใหญ่รู้สึกขึ้นมาว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหลอกแม่ได้
“แต่เห็นลูกเป็นแบบนี้แล้ว แม่ก็คิดจะเรียนหนังสือเหมือนกันและจะคอยดูว่ามีโอกาสที่แม่จะได้เรียนต่อไหม” หลินชิงเหอเอ่ย
“แม่ยังอยากจะเรียนหนังสืออีกเหรอครับ?” เจ้าใหญ่มองเธออย่างประหลาดใจ
เจ้ารองเองก็อึ้งไปเช่นกัน มีเพียงเจ้าสามที่ยังคงวาดรูปเล่นขยุกขยิก
“ผู้คนล้วนอยู่และเรียนรู้จนกระทั่งแก่เฒ่า ไม่อย่างนั้นก็จะถูกตัดออกจากสังคม ไม่เพียงแต่คน ๆ นั้นจะได้เรียนรู้ตลอดชีวิตแล้ว สิ่งที่เขาเรียนรู้ก็จะกลายมาเป็นความสามารถของเขาที่สามารถใช้ได้ตลอดไม่ว่าจะไปที่ไหน ต่อให้ลูก ๆ สามคนไม่กตัญญูกับแม่ในอนาคต แม่ก็ยังมีความสามารถพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้นะ” หลินชิงเหอโบกมือ
“แม่จะไม่ดูแลพ่อเหรอครับ?” เจ้าใหญ่พลันเอ่ยขึ้นมา
“พ่อเหรอ ปล่อยให้เขาทำงานในไร่นาต่อไปเถอะ เขาชอบทำงานใช้แรงงานนักไม่ใช่เหรอ? ก็ปล่อยให้เขาทำไปตลอดชีวิตแล้วกัน ถึงตอนนั้นแม่ก็จะยังดูสาวอยู่ ในขณะที่เขาเป็นชายแก่คนหนึ่ง เขาคงจะรู้สึกขายหน้าไม่น้อยเมื่อไปไหนมาไหน บางทีในตอนนั้นคนอื่น ๆ อาจมองเห็นว่าแม่เป็นลูกสาวของเขาก็ได้” หลินชิงเหอโบกมือ
โจวชิงไป๋ที่ยังนอนไม่หลับและวางแผนจะเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกับภรรยาและลูก ๆ ก็ได้ยินคำพูดนี้เข้า เขาถึงกับอึ้งไปในทันที
“อ๋อ เจ้าใหญ่ ลูกให้ความใส่ใจผิดเรื่องแล้วนะรู้ไหม?” หลินชิงเหอพูดพลางดึงหูเจ้าใหญ่ เด็กชายเขวี้ยงสมุดการบ้านทิ้งก่อนจะกรีดร้อง
“โอ๊ยเจ็บ เจ็บ แม่ครับ ผมเจ็บ!”
“ลูกรู้ตัวว่าผิดแล้วหรือยัง?” หลินชิงเหอถาม
“รู้แล้วครับ” เจ้าใหญ่รีบตอบ
“ลูกทำผิดตรงไหน? บอกแม่มาสิ” หลินชิงเหอเอ่ยเสียงเรียบ
“ผมไม่รู้ว่าน้อง ๆ จะกตัญญูต่อแม่หรือเปล่า แต่ผมจะกตัญญูต่อแม่แน่นอนครับ!” เจ้าใหญ่สาบาน
“พี่ใหญ่อย่าพูดไร้สาระสิ ผมเองก็จะกตัญญูต่อพ่อแม่เหมือนกันครับ” เจ้ารองจ้องพี่ชายตาเขียว
“ผมรักแม่” เจ้าสามเองก็เอ่ยเยินยอเต็มปากเต็มคำเช่นกัน
หลินชิงเหอปล่อยมือจากเจ้าใหญ่แล้วก็อุ้มเจ้าสามมาหอม “นี่สิลูกที่ดีของแม่”
โจวชิงไป๋ไม่ได้เข้าไปในห้อง เขากลับนอนลงบนเตียงเตาของตัวเองและงีบหลับไปชั่วขณะหนึ่ง อีกด้านหนึ่ง หลินชิงเหอก็นอนพักกับลูกชายทั้งสาม เธอไม่กล้าเข้าไปนอนห้องเดียวกับสามีจนเป็นการปลุกเร้าเขา ไม่อย่างนั้นแล้วเวลากลางวันแบบนี้คงไม่อาจรับประกันความปลอดภัยได้ว่าชายคนนี้ที่ห่างหายจากรสรรักมานานจะไม่ทำอะไรกับเธอ
เมื่อได้เวลาตื่น โจวชิงไป๋ก็ออกไปทำงานต่อ ก่อนจะออกจากบ้านเขาก็ได้จูบหลินชิงเหอครั้งหนึ่ง
หลินชิงเหอหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าขาทั้งคู่อ่อนแรงไร้กำลังในทันทีที่ถูกจูบ!
เมื่อหญิงสาวหันหน้ามา เธอก็เห็นเจ้าใหญ่จ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง จากนั้นเขาก็วิ่งมาหาและขอให้เธอจูบบ้าง
“อะแฮ่ม” หลินชิงเหอกระแอมเสียงแห้งก่อนจูบหน้าผากเจ้าใหญ่แล้วบอกเสียงหนักแน่น “คนเดียวพอนะ”
เจ้ารองพยักหน้าอย่างพอใจและเอ่ยขึ้น “เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมเห็นพ่อจูบแม่”
“พ่อจูบแม่ก็แสดงว่าเรายังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันอยู่อย่างไรล่ะ ลูกอย่าออกไปพูดเรื่องนี้ข้างนอกนะ เข้าใจไหม?” หลินชิงเหอเตือน
“ผมไม่บอกแน่นอนครับ ผมได้ยินกังเถี่ยบอกคนอื่นว่าพ่อแม่ของเขาสร้างภูเขามนุษย์บนเตียงเตา แล้วคนอื่นก็หัวเราะเยาะเขาไปนานเลย” เจ้ารองพยักหน้าเป็นการรับรู้
หลินชิงเหอจึงลูบศีรษะเขาเป็นรางวัล “งั้นแม่ก็จะอนุญาตให้ลูกขออาหารที่อยากทานได้อย่างหนึ่งตามวัตถุดิบที่เรามีอยู่ในบ้าน”
“ผมอยากกินบะหมี่น้ำ!” เจ้ารองตาโตด้วยความดีใจ
“ใส่ผักกาดดองกับไข่ลวกยางมะตูมหอม ๆ ด้วยดีไหม?” หลินชิงเหอเสนอ
“ครับ” เจ้ารองพยักหน้าอย่างพอใจ
การทำบะหมี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นอันว่าคืนนี้พวกเขาจะทานบะหมี่น้ำกัน
หลินชิงเหอเข้าครัวแล้วก็เตรียมทำแป้งบะหมี่เตรียมไว้ หลังนวดแป้งเสร็จเธอก็พักไว้ให้แป้งขึ้นตัว จากนั้นก็เดินมาสำรวจรอบ ๆ สวนหลังบ้าน
ปีนี้คงจะสามารถขยายพื้นที่ปลูกผักในสวนได้ ผักที่ปลูกนั้นมีต้นกระเทียม ขึ้นฉ่าย หัวหอมใหญ่ ถั่วแขก แตงกวา และอื่น ๆ
ผักที่จะปลูกมากที่สุดคงเป็นมะเขือเทศ ซึ่งจะปลูกไว้มาก ๆ เพราะทั้งครอบครัวของเธอชอบกิน
มะเขือเทศในยุคนี้ถือว่าเป็นมะเขือเทศอินทรีย์โดยแท้ มันมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานอร่อยมากเสียจนสามารถถือเป็นผลไม้นอกเหนือจากการใช้เป็นผักได้
หลังจากปลูกไม่นาน ราวสองถึงสามเดือนจากนั้นก็คงได้ทานผลมันพอดี
…………………………………………………………………………………