บทที่ 78 ผุดผ่องมีน้ำมีนวล
เห็นชัดว่าโจวชิงไป๋ยังไม่เหนื่อยถึงขนาดนั้น
งานทำไร่ทำนาถือเป็นงานหนัก แต่เขาก็ยังทำได้และมีกำลังวังชาฟื้นฟูอย่างมากหลังได้กลับมาทานอาหารที่บ้าน
แต่หลินชิงเหอยังเป็นคนปรุงอาหารหมูอยู่ โจวชิงไป๋เป็นคนแบกไปเลี้ยงพวกมันและทำความสะอาดเล้าหมูกับเล้าไก่ นี่คือสิ่งที่เขาทำทุกวัน
เห็นชายหนุ่มไม่หือไม่อืออะไรแล้ว หลินชิงเหอก็รู้สึกว่าเธอช่างเป็นหญิงขี้เกียจ จากการแค่เป็นคนทำอาหารสามมื้อต่อวันและไม่ทำอะไรอย่างอื่น
แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะ? ชีวิตของเธอนับว่าโชคดีแล้ว
หญิงขี้เกียจโดยทั่วไปมักมีชีวิตที่ดี ซึ่งเธอก็เกือบเป็นแบบนั้น
แน่นอนว่าหญิงสาวที่ขยันและมีความสามารถต่างก็มีชีวิตที่ดีได้ แต่พวกเธอต้องทำงานหนักกว่ามีวันนั้น ผู้คนล้วนแตกต่าง ซึ่งตัวตนของแต่ละคนก็ล้วนมีเหตุปัจจัยให้เป็นเช่นนั้น
และมันก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้วที่มีผู้หญิงอย่างเธออยู่
สามีภรรยาง่วนอยู่กับการทำงานจนกระทั่งถึงหนึ่งทุ่ม นับว่าเร็วมาก
ช่วงฤดูนี้จะมืดช้าลง ในตอนนี้ผู้คนเพิ่งจะเปิดไฟ ส่วนโจวชิงไป๋ก็เพิ่งออกจากบ้าน
เด็กชายสามคนกำลังเรียนหนังสือ ส่วนหลินชิงเหอนั่งเย็บรองเท้าต่อพร้อมกับตรวจการบ้านพวกเขาไปด้วย เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง โจวชิงไป๋ก็กลับมาที่บ้านหลังจากได้คุยเรื่องบางอย่างกับเลขาธิการสาขาไปแล้ว
หลินชิงเหอส่งสัญญาณให้เขาเข้านอนก่อน แต่โจวชิงไป๋ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง เห็นชัดว่ากำลังรอให้เธอเข้านอนด้วย
เจ้าใหญ่กับเจ้ารองเริ่มยักคิ้วหลิ่วตาจนหลินชิงเหอจ้องเขม็ง “ลูกสองคนเล่นหูเล่นตากับแม่เหรอ? รีบทำการบ้านเร็วเข้า ถ้าทำเสร็จแล้วก็ดับไฟก่อนเข้านอนด้วยนะ มาทำการบ้านตอนดึกดื่นแบบนี้ ไม่รู้เหรอว่าน้ำมันตะเกียงมันแพงขนาดไหน?”
“นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ลูกรีบทำการบ้านทันทีที่เลิกเรียนนะ ถ้าทำไม่เสร็จห้ามกินข้าว” โจวชิงไป๋เอ่ยเสียงขรึม ด้วยรู้สึกว่าลูกชายคนโตชักจะรบกวนเวลาส่วนตัวของพ่อกับแม่มากเกินไปแล้ว
เจ้าใหญ่มีสีหน้าเปลี่ยนเป็นขมขื่น เด็กชายอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่สามารถเถียงพ่อกับแม่ได้ เลยทำได้เพียงบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะทำการบ้านตอนที่ยังไม่มืด
หลังคัดลายมือเสร็จ เขาก็ท่องจำกลอนอีกท่อนหนึ่ง จากนั้นหลินชิงเหอก็ปล่อยให้เขาได้พัก
เธอให้เขากับเจ้ารองเตรียมตัวเข้านอน
หญิงสาวกลับมาพร้อมกับเจ้าสามและพูดคุยกับเจ้าสามครู่หนึ่ง ตอนนี้เด็กน้อยพูดคล่องกว่าเดิมแล้ว และพูดเป็นต่อยหอยเลยทีเดียว
โจวชิงไป๋ไม่เห็นว่าลูกชายคนเล็กเป็นตัวกวน เพราะหลังจากเล่นกับเขาได้เกือบครึ่งชั่วโมง เจ้าสามก็เริ่มหาว พอเขาหาวเสร็จเขาก็หลับไปในทันที
โจวชิงไป๋ดึงตัวหลินชิงเหอเข้ามาหาเขา
“อย่าทำอะไรรุ่มร่ามนะคะ วันนี้คุณยุ่งมาทั้งวันแล้ว รีบเข้านอนเถอะค่ะ” หลินชิงเหอกระซิบ
“ผมยังไม่เหนื่อยเลย” โจวชิงไป๋พลิกตัวคร่อมทับ
หลินชิงเหอจึงได้แต่หาข้ออ้างผัดผ่อน “ฉันยังไม่หายดีเลยนะคะ”
“แค่ครั้งเดียวนะครับ ผมจะทำอย่างอ่อนโยน” โจวชิงไป๋ยังคงยืนยันคำเดิม
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นพิสูจน์แล้วว่าเมื่อผู้ชายพูดแบบนี้ มันเชื่อถือไม่ได้พอ ๆ กับคำพูดที่ว่า ‘จะเล้าโลมแค่ภายนอกแต่ไม่สอดใส่’ นั่นแหละ
ในที่สุดมันก็จบลงด้วยการที่หลินชิงเหอสลบไปด้วยความอ่อนเพลีย
โจวชิงไป๋ผู้อยู่ในห้วงความสุขสมก็ได้ทำความสะอาดร่างกายให้ภรรยา มันเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว นับจากตอนสองทุ่มหลังจากที่พวกเขาขึ้นมาอยู่บนเตียงเตาจนกระทั่งถึงตอนนี้
โจวชิงไป๋เดินเข้าครัวไปตักอาหารหมูมาเลี้ยงหมูในเล้า
มันเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของวันนี้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้เขาต้องตื่นขึ้นมาหุงอาหารให้พวกมันตอนตีห้า
แม้ที่บ้านจะเลี้ยงหมูไว้แค่สองตัว แต่ก็ปล่อยให้พวกมันหิวไม่ได้
ส่วนหลินชิงเหอที่สลบไปเพราะความอ่อนแรงก็ยังไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเม่ยเจี่ย เธอจึงตื่นขึ้นเมื่อมันเกือบจะเป็นเวลาตีสาม
“ยังเช้ามืดอยู่เลย” โจวชิงไป๋ตื่นในทันทีและกอดเธอไว้
“ฉันต้องไปรับเนื้อหมูแล้วค่ะ” หลินชิงเหออธิบาย
“ตอนนี้น่ะเหรอ?” โจวชิงไป๋ย่นคิ้ว
“แล้วให้ไปตอนไหนล่ะคะ? ต้องเป็นตอนนี้แหละค่ะ” หลินชิงเหอบอก
แม้ว่าตอนนี้ยังเช้าเกินไปสักเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเวลามืดสนิท เหมาะสมแก่การไปรับเนื้อที่โรงเชือดมากที่สุด
“งั้นผมจะไปด้วย” โจวชิงไป๋บอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไปเองได้” หลินชิงเหอปฏิเสธ “รีบนอนเร็ว พรุ่งนี้เช้าคุณต้องออกไปทำงานนะคะ”
แต่โจวชิงไป๋กลับลุกขึ้นไปแต่งตัวแล้ว
ไม่ว่าหลินชิงเหอจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ เธอจึงทำได้เพียงให้เขาไปด้วย
ความจริงก็คือ มันน่ากลัวนิดหน่อยที่เธอต้องออกจากบ้านคนเดียวตามลำพังในยามค่ำคืน
โจวชิงไป๋พาเธอไปยังโรงเชือด หลินชิงเหอแบกตะกร้าและเจรจาขอซื้อเนื้อกับเฒ่าเฉินสามีของเม่ยเจี่ยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็กลับบ้าน
“คุณไม่ต้องไปที่อำเภอแล้วเหรอ?”โจวชิงไป๋มองเธอด้วยสายตาใคร่รู้
“ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันมีแผนอีกอย่างหนึ่ง” หลินชิงเหอตอบเรียบเรื่อย
โจวชิงไป๋จ้องมองเธอ จนหลินชิงเหอตอบกลับ “คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ทำอะไรสุ่มเสี่ยงหรอก เป็นสามีภรรยากันต้องไว้ใจกันนะคะรู้ไหม?”
โจวชิงไป๋กลั้วหัวเราะ ผู้หญิงมุทะลุคนนี้ช่างตัดสินทุกอย่างจริง ๆ
เมื่อเขาพาเธอมาส่งที่บ้าน มันก็เลยตีสี่มาเล็กน้อยเท่านั้น
โจวชิงไป๋คิดว่าจะไม่เข้านอนอีก เขาอยากเข้าไปในครัวเพื่อหุงอาหารหมู แต่เมื่อคืนนี้เขาเข้านอนดึกและตื่นแต่ตีสาม ตอนนี้มันเวลาเท่าไหร่กันนะ?
“พรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงหมูให้เองค่ะ คุณรีบกลับไปนอนเถอะ” หลินชิงเหอสั่ง
“ผมนอนไม่หลับน่ะ” โจวชิงไป๋ส่ายศีรษะ
“คุณต้องนอนนะคะต่อให้คุณนอนไม่หลับ”หลินชิงเหอถลึงมอง
โจวชิงไป๋จึงดึงตัวเธอมานอนด้วยกัน จากนั้นเขาก็อยู่ไม่สุขอีกคร้้ง ตอนนี้ยาวนานขึ้นเล็กน้อยจนท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่าง ทำให้หลินชิงเหออดไม่ได้ที่จะหยิกเขา “ดูสิว่าคุณทำอะไรลงไป!”
“นอนนะครับ” โจวชิงไป๋จูบเธออย่างอารมณ์ดีและลุกขึ้นไปหุงอาหารหมูด้วยตัวเอง
หลินชิงเหอล้างเมล็ดงาและปรุงโจ๊กซี่โครงใส่งาบนเตา เมื่อคืนยังมีหมั่นโถวข้าวโพดเหลืออยู่บ้าง เธอจึงนึ่งมันไว้ทานเป็นอาหารเช้าเช่นกัน
จากนั้นเธอก็เดินไปที่สวนหลังบ้านเพื่อไปเก็บผักมาปรุงอาหาร
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มก็ยังไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ เมื่อโจวชิงไป๋กลับมาในตอนเที่ยง เขาก็ดูอ่อนล้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
“สมน้ำหน้าแล้วค่ะ” หลินชิงเหอไม่ได้รู้สึกสลดใจ เธอแค่นเสียงก่อนจะเมินเขาเสีย แล้วพาลูกชายทั้งสามนอนในห้องข้าง ๆ โดยทิ้งเขาไว้ลำพัง
โจวชิงไป๋รู้สึกจนใจ แต่เขาก็รู้สึกอ่อนล้าเหมือนกันตอนทำงานเมื่อเช้านี้
ดังนั้นในครั้งนี้ชายหนุ่มจึงไม่ได้ทำตัวรุ่มร่าม หลังอาบน้ำและทานอาหารกลางวันเสร็จ เขาก็กลับเข้าไปนอนพักในห้อง
เรื่องที่ว่าหลินชิงเหอไม่สลดใจน่ะเป็นเรื่องโกหก แต่เธอต้องการให้เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรตามใจอยากด้วยพลังกายของคนหนุ่มได้ มันไม่ใช่การเรียกร้องอะไรนะ แต่ทุกวันเขามีงานต้องทำมากมาย เขาจะทำอย่างที่ใจอยากได้อย่างไรล่ะ?
แต่โชคดีที่หญิงสาวเจรจากับเม่ยเจี่ยแล้วว่าจะไปรับเนื้อทุกสามวัน คืนนี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องตื่นขึ้นมากลางดึกแต่อย่างใด
หลินชิงเหอยังทำอาหารดี ๆ ให้เขาทานในตอนเย็น เธอปล่อยให้เขาทำความสะอาดเล้าหมูแล้วก็เข้านอนแต่หัวค่ำ
โจวชิงไป๋ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เขาได้กินเนื้อแล้วเขาจะพอใจแค่นี้ได้อย่างไรล่ะ?
หลินชิงเหอไม่อาจบังคับเขาได้เลย แต่โชคดีที่คืนนี้เขาไม่ทำนาน เพียงหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จกิจ แต่ถึงอย่างนั้น หญิงสาวก็ยังมีเหงื่อท่วมตัว
นับตั้งแต่เธอได้อยู่กับโจวชิงไป๋ หลินชิงเหอก็พบว่าผิวของเธอดีขึ้นอีกครั้ง มันช่างดูผุดผ่องมีน้ำมีนวลด้วยสมดุลธาตุหยินและหยางจากภายในสู่ภายนอก ทำให้หญิงสาวรู้สึกพอใจมากที่ได้เห็น
เมื่อเธอเข้าอำเภอเอาเนื้อหมูไประบายขาย เธอก็แวะพักที่โรงงานอาหารระหว่างทางเพื่อมาเยี่ยมโจวเสี่ยวเม่ย ซึ่งอีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะอิจฉายามได้เห็นผิวพรรณของพี่สะใภ้ “พี่สะใภ้ ผิวพี่ดูดีจังเลย!”
“อืม ก็ถือว่าดีแหละ” หลินชิงเหอกระแอมเสียงแห้ง จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
เดิมทีเธอแค่ถามไปอย่างนั้นแหละ แต่เมื่อเห็นโจวเสี่ยวเม่ยหน้าแดงหลังได้ยินดังนี้ มันก็ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรเสียแล้ว
“มีคนที่ใช่แล้วเหรอ?” หลินชิงเหอถามพลางยักคิ้ว
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พ่อไปโดนยาดองตัวไหนมาคะ คึกทั้งคืนเลย จัดหนักให้แม่ถี่แบบนี้เจ้าสี่ต้องมาแล้วล่ะค่ะ
เสี่ยวเม่ยอยากรู้เคล็ดลับความงามของพี่สะใภ้สี่ใช่ไหมคะ งั้นก็รีบแต่งงานกับสามีแซ่บ ๆ สิคะ
ไหหม่า (海馬)