ตอนที่ 796 : วาจาคืออาวุธ

ตอนที่ 796 : วาจาคืออาวุธ
 
พวกเขาลงมาเบื้องล่าง ที่ได้เห็นคือฉินหยุนและพระราชวังหรูหราตรงหน้า ฉินหยุนกําลังนั่งบนบัลลังก์ราชันแห่งมังกร ตัวเขานั่งด้วยท่วงท่าสะกดข่ม
 
สําหรับผู้ซึ่งเพิ่งเข้าสู่พระราชวังแห่งนี้ เขาเปรียบดังผู้ซึ่งอยู่สูงส่งและห่างไกลกลุ่มค นพลันนับถือในความหาญกล้าของฉินหยุน ตัวเขาไม่คิดหลบหนีทว่าฉินหยุนแท้จริงคิดหลบหนีแต่เขาไม่อาจ
 
ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องแสดงบทบาทเช่นนี้ออกมา แม้พวกเขาได้เห็นฉินหยุนทว่าไม่มีผู้ใดกล้าลงมือเพราะเขาคือเหยื่อของหลันซูเหยา
 
ฉินหยุนย่อมพบเห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยและคณะปลอดภัยดี เวลานี้เขาค่อยผ่อนคลายเผยลมหายใจผ่อนยาว เมื่อครู่เขานึกว่าผู้คนของเขตแดนลึกล้ําจะฉวยโอกาสสร้างปัญหาแก่เปาเฉิงโฉ่วและคณะ
 
ใบหน้าของหลันซูเหยามืดมน นางก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวเข้าหาฉินหยุน น้ําเสียง เย็นเยือกกล่าวคําออก “ฉินหยุน การกระทําของเจ้าต่อข้าเมื่อครู่นี้ มันมากพอให้ข้าสังหารเจ้าได้นับร้อยพันครั้ง ทว่าโชคดีที่เจ้ามีเพียงหนึ่งชีวิต ไม่เช่นนั้นหากเจ้ามีสักหนึ่งร้อยชีวิต มันก็ยังไม่เพียงพอให้เจ้าได้ใช้ตาย!”
 
“นางเฒ่าหลัน หากเจ้าคิดอยากแก้แค้นเพียงนั้น เหตุใดจึงไม่กล่าวว่าผู้ใดเป็นฝ่าย ผิดก่อนเล่า?” ขณะนั่งบนบัลลังก์ ฉินหยุนเผยท่วงท่าประหนึ่งเป็นนายเหนือของสถานที่แห่งนี้
 
บางทีอาจเป็นเพราะเขานั่งบนบัลลังก์ คํากล่าวของเขาจึงรุนแรงและดังก้องทั้งพระราชวังงดงามแห่งนี้เป็นผลให้หลายคนต่างรู้สึกนึกถึง ฉินหยุนเวลานี้คล้ายแข็งแกร่งยิ่ง ท่วงท่าและวาจาของเขาที่กล่าวออกเป็นผลให้หลันซูเหยาต้องหยุดฝีเท้าที่ก้าวเดินเข้ามา
 
“ข้าไม่มีเรื่องเกลียดชังหรือความแค้นใดกับเจ้า กระนั้นทันทีที่ข้าเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างแห่งนี้เป็นเจ้าที่เปลื้องผ้าตัวข้าและแขวนเอาไว้! ข้าไม่เปลื้องผ้าตัวเจ้า ก็เพราะข้าเห็นแก่ศิษย์ พี่ทั้งสองของข้า!” ฉินหยุนแค่นเสียงดังกล่าว“นางเฒ่าหลัน หากเจ้าคิดอยากสร้างปัญหาแก่ข้าอีกครั้ง ถัดจากนี้ข้าจะไม่ไว้ไมตรีแล้ว!”
 
หลันซูเหยาได้ยินคํากล่าวฉินหยุน “นางเฒ่าหลัน” ซ้ําแล้วซ้ําเล่าภายในเวลานี้อดไม่ได้ที่จะ โกรธแค้น นางสูดอากาศเข้าปอด คิดพุ่งตรงเข้าไปสังหารฉินหยุนเสียเดี๋ยวนี้! กระนั้น นางพบว่าเรื่องราวผิดแผก! เพราะฉินหยุนคือผู้แรกซึ่งมาถึงที่นี่ และสภาวะของเขาเวลานี้คล้ายแข็งแกร่งยิ่งเป็นผลให้ผู้คนรู้สึกราวกับต้องโค้งกายแสดงความเคารพ! และยังมีความจริงที่ว่าฉินหยุนไม่เผยความหวาดกลัวใดออกมา เห็นได้ชัดว่าเขามีเบื้องหลังอันใดซุกซ่อน
 
ไม่เพียงแต่หลันซูเหยา กระทั่งเซียนเฒ่าเต่ายังกล่าวคําเบา “องค์ราชินีซูเหยา ขอท่านโปรดระวัง แม้พระราชวังแห่งนี้วิจิตรเลิศล้ํา กระนั้นมันมีกับดักมากมายคงอยู่ เจ้าตัวบัดซบนามฉินหยุนผู้นี้ มันมีจารึกวิญญาณถึงสอง และยังเชี่ยวชาญโทเทมมากมาย มันต้องสามารถใช้อักขระกับดักเหล่านั้นได้เป็นแน่!”
 
ผู้คนต่างได้เห็น ว่าฉินหยุนตอนนี้เผยอาการสงบไม่หวาดกลัวใดแม้แต่น้อย บรรดาผู้ซึ่งรู้จักฉินหยุนยามนี้ต่างคิดเห็นเช่นเดียวกันว่าเขาต้องเตรียมกับดักไว้พร้อมลงมือ!
 
ฉินหยุนเองก็ทราบ ว่าผู้คนตรงหน้าหวาดกลัวความตายยิ่งกว่าอื่นใด เขาจึงหัวเราะดังกล่าวคํา “พวกเจ้าจงเข้ามา กับดักใดหาได้มีไม่ ข้ากล่าวไปแล้ว เหตุใดยังต้องหวาดกลัว? พวกเจ้าล้วนแข็งแกร่งกันถ้วนหน้า เหตุใดจึงกลัวเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้กันด้วยเล่า?”
 
ถึงตอนนี้เอง ชายชราจากเขตแดนลึกล้ําจึงก้าวเดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่านซูเหยา จ้าวสํานักและมิตรสหายของฉินหยุนอยู่ที่นี่ พวกเราสมควรใช้คนเหล่านี้บีบบังคับฉินหยุนได้!”
 
ได้ยินคํากล่าว เปาเฉิงโล่วจึงเผยยิ้ม “ พวกเราไม่ช่วยอินหยุนสู้กับเจ้า ก็กล่าวได้ว่าไว้ไมตรีมากพอแล้ว กระนั้นเจ้ากลับคิดจับพวกเราข่มขู่ฉินหยุน? นี่เจ้าไม่เกรงกลัวพวกเราสู้กับเจ้าแทนอย่างนั้นหรือ?”
 
เจี้ยนสือเทียนเผยยิ้ม “พระราชวังแห่งนี้วิจิตรงดงามนัก ข้าย่อมชื่นชอบทําลายสถานที่เช่น นี้เป็นที่สุดจงเข้ามา หวังว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ทําให้ข้าพึงพอใจได้!”
 
ชายชราเขตแดนลึกล้ําตะโกนดัง “ตัวหน้าโง่บัดซบ พวกเจ้าไม่หวาดเกรงพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ของนายท่านซูเหยาเลยหรือไร?”
 
“ข้าคือครึ่งเซียน และไม่คล้ายว่าชีวิตนี้จะได้เป็นเซียน ชีวิตนี้ข้าคงอยู่มานานพอแล้ว ดังนั้นหากข้าสละชีวิตนี้ ข้าย่อมช่วยเหลือฉินหยุนเอาไว้ได้ ฉินหยุนต่างหากจึงเป็นผู้มีศักยภาพ เขาย่อมต้องได้กลายเป็นเซียน ข้าคิดอยากฝากฝังโอกาสเอาไว้แก่ชนรุ่นหลัง!” เปาเฉิงโจ่วหัวเราะออกจากใจ
 
ได้ยินคํากล่าวนี้ ผู้คนต่างมั่นใจว่าเขาพร้อมสละชีวิต ครึ่งเซียนต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลกนั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนที่นี้หวาดกลัวเป็นที่สุด กระทั่งหลันซูเหยาก็ไม่เว้น!
 
สาเหตุว่าทําไมฉินหยุนยังรู้สึกปลอดภัย ก็เพราะเปาเฉิงโฉ่วและเจี้ยนสือเทียนอยู่ที่นี่!
 
“หลันซูเหยา เจ้าจงเร่งรีบตอบคําถามข้า เจ้าเปลื้องผ้าข้า แขวนข้าเอาไว้กับต้นไม้ เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ก่อกระทําความผิดก่อน?” ฉินหยุนกล่าวถามด้วยน้ําเสียงอันดัง
 
หลันซูเหยาไม่ตอบ ผู้ซึ่งอหังการภาคภูมิเช่นนาง ถึงกับไม่กล้ายอมรับความผิดพลาดของตนเอง
 
“อาจารย์ เรื่องราวก่อนหน้าที่ท่านเปลื้องผ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุใช่หรือไม่! ยอมรับท่านก็ไม่สูญเสียอันใดหรือไม่ใช่?” สื่อชิงเฉิงก้าวเดินเข้าไปกล่าวคําเบาต่อหลันซูเหยา
“อาจารย์ น้องหยุนเป็นคนดีสาเหตุว่าทําไมท่านตอนนี้มีข้อพิพาทเช่นนี้ ก็เพราะความโกรธที่ โพล่งออก ท่านควรคิดให้ดีนี่ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจําเป็นต้องยอมเสี่ยงเป็นตาย!” สุ่ยเทียนสื่อก้าวเดิน เข้ามารั้งมือหลันซูเหยาเอาไว้
 
สื่อชิงเฉิงพบเห็นหลันซูเหยาครุ่นคิด นางจึงกล่าว “อาจารย์ เจ้าหนูนี่เชี่ยวชาญอักขระค่ายอาคม ท่านเองก็ได้เห็นแล้ว เมื่อครู่ไม่มีผู้ใดสามารถขยับ มีแต่เขาที่สามารถ เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจต่อค่ายอาคมของสถานที่แห่งนี้!
 
“ท่านกล่าวก่อนหน้า ว่ารอคอยเวลายาวนานเพื่อเข้าสู่เมืองภูตผีต้องห้ามแห่งนี้ เพื่อการนั้นท่านถึงกับยอมร่วมมือกับคนของแดนวิญญาณอ้างว้างเพื่อสํารวจที่นี่. หากพวกเราได้น้องหยุนช่วยเหลือบางที่พวกเราอาจได้ผลลัพธ์ตอบแทนเป็นสองเท่า!”
 
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวจากที่ไกลออกไป “พี่ชายของข้าย่อมเลิศล้ํา เขาสามารถครอบครองสิ่งของดีเลิศที่นี่ไว้แต่เพียงผู้เดียว เหตุใดจึงต้องร่วมมือกับนาง? จ้าวสํานักเปา จ้าวสํานักเจี้ยนพวกเราควรติดตามพี่ชายไปรับสิ่งของที่นี่ออกมากันแล้ว!”
 
เจี้ยนรั่วหยานเองก็กล่าว “เป็นเช่นนั้น คนพวกนี้คิดอยากสังหารพี่หยุน ทั้งยังคิดอยากฉกชิงสมบัติจากเขาอีกอย่างนั้นหรือ? ช่างคิดฝันกว้างไกล!”
 
เจี้ยนหลิงหลงยิ้มกล่าว “พวกเจ้าล้วนไม่ทราบ ว่าระหว่างการแข่งขันจารึกในงานชุมนุมยุทธ์ ดาบปีศาจน้อยนามเชี่ยวหยุน แท้จริงเป็นฉินหยุน!”
 
ได้ยินคํากล่าวนาง บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าที่นี้ต่างต้องเบิกดวงตาออกกว้าง!
 
“เชี่ยวหยุนคือฉินหยุน? เจ้าตัวบัดซบนั่น มันถึงขั้นชนะได้รับอักขระตะวัน!” อาจารย์จารึกเต๋จากเขตแดนลึกล้ําสบถออกเสียงเบา
 
“ที่ชนะพวกเราไปได้ แท้จริงเป็นตัวบัดซบฉินหยุนผู้นี้!”
 
“เจ้าปีศาจน้อยที่บัดซบ! มันถึงขั้นชนะเลิศอันดับหนึ่งทั้งการแข่งขันจารึกและการแข่งขันประลองยุทธ์!”
 
“คงต้องกล่าวแล้ว ว่าเจ้าปีศาจน้อยบัดซบผู้นี้มีความสามารถของจริง!”
 
ได้ยินคําสบถของบรรดาอาจารย์จารึกเต๋ ผู้คนของแดนอสูรอ้างว้าง รวมถึงชนเผ่ายุคโบราณที่นี้ต่างต้องลอบทิ้ง เห็นได้ชัด ว่าปีศาจน้อยซึ่งนั่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขาตอนนี้ คือตัวตนที่ชวนสะพซึ่งผู้หนึ่ง
 
หลันซูเหยากําหมัดเอาไว้แน่น ฟันต้องกัดดังกรอด นางตอนนี้ปรารถนาฉีกกระชากฉินหยุนออกเป็นชิ้น ทว่าเรื่องนี้ยากกระทํา
 
โดยเฉพาะตอนนี้ที่นางได้ทราบ ว่าฉินหยุนคือผู้เยาว์อันเลิศล้ํา นางยิ่งไม่อาจลงมือ เพราะครึ่งเชียนเช่นเปาเฉิงโจ่วพร้อมต่อสู้เป็นตายปกป้องฉินหยุน! ผู้ปกครองแพะภูตผีเองก็คิดว่าการลงมือสังหารฉินหยุนกลายเป็นเรื่องยากเย็นขึ้นมา!
 
ฉินหยุนพลันกล่าวขึ้น “สถานที่แห่งนี้มีมังกรที่แข็งแกร่งอยู่หรือไม่ใช่? มังกรย่อมต้องมีสมบัติมากมายและเหล่านั้นสมควรต้องซ่อนไว้ที่นี่!”
 
เซียนเฒ่าเต่าเอ่ยถามเสียงดัง “เจ้าทราบได้อย่างไร?”
 
“ข้ารู้เห็นทุกสิ่ง! ข้ายังทราบ ว่ามังกรนั่น คือบุตรแห่งจอมจักรพรรดิเซียนมังกร!” ฉินหยุนเผยยิ้มกล่าว
 
คํากล่าวของฉินหยุน เป็นผลให้บรรดาชนเผ่ายุคโบราณต่างตื่นตะลึงไม่รู้จบ เรื่องนี้เพียงทราบกันก็แต่รุ่นบรรพบุรุษของแต่ละชนเผ่า และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้แพร่งพราย มันจึงเป็นความลับต่อคนนอกมาโดยตลอด
 
“เจ้าสามารถนําพวกเราไปยังสมบัติเหล่านั้นได้หรือ?” หลันซูเหยาในที่สุดจึงกล่าว
“ไม่ข้าไม่อาจช่วยเจ้าค้นหาสมบัติในที่นี้ และข้าก็ไม่คิดหาสมบัติเหล่านั้นด้วย เพราะข้ายังคิดมีชีวิตอยู่!”
 
“ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ ข้าจึงได้พบ ว่าที่นี่แทบไม่มีสมบัติใดคงอยู่ เพราะสถานที่แห่งนี้คือแท่นบูชายัญมันจําเป็นต้องใช้ชีวิตผู้คนจํานวนมากปลุกผนึกให้ตื่นขึ้น!”
 
“และผู้คนที่เข้ามายังที่แห่งนี้ ก็คือเหยื่อสังเวย!”
 
ฉินหยุนเผยสีหน้าหนักอึ้ง กระนั้นคํากล่าวของเขา มันเป็นวาจาไร้สาระที่ต้อง การกล่าวออกไปให้คนเหล่านี้หวาดกลัว!
 
เซียนเฒ่าเต่ากล่าวตะโกนดัง “วาจาเจ้าล้วนไร้สาระ บุตรแห่งจอมจักรพรรดิเซียนมังกรถูกผนึกเอาไว้ที่นี่ก็ใช่ ทว่าจิตวิญญาณของเขานั้นสูญสลายหายไปหมดสิ้นแล้ว! ตัวเขาไม่สา มารถฟื้นคืนชีพ เพราะเขาสิ้นชีพ เมืองภูตผีต้องห้ามแห่งนี้จึงเปิดออก!”
 
ฉินหยุนแค่นเสียงกล่าว “ครั้งเจ้าเข้ามา ไม่พบเห็นวัตถุข้นเหนียวกระจายทั่วหรืออย่างไร? นอกจากนี้แล้ว พวกมันยังมีความสามารถฟื้นตัวสูงล้ํา!”
 
สื่อชิงเฉิงพลันนําเอากล่องออกมา เปิดมันออกและกล่าวถาม “สิ่งนี้อย่างนั้นหรือ?”
 
ผู้คนต่างเริ่มวิจารณ์ พวกเขาพบเห็นพวกมันจริง กระนั้นพวกเขาหาได้กังวลใด เพ ราะพวกมันกระจายทั่วทุกที่แม้ว่าแปลก แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องปกติของสถานที่
 
“สิ่งนี้แท้จริงคือเลือดมังกร! บุตรแห่งจอมจักรพรรดิเซียนมังกรถูกสังหารเมื่อนานมาแล้วทว่าเป็นเพียงความตายภายนอก ร่างมังกรระเบิดออก เลือดจึงสาดกระเซ็นทั่วทุกแห่งหน” ฉินหยุนกล่าว “ที่นี้มีคนของตระกูลหลง ให้พวกมันตรวจสอบดูย่อมได้ทราบ!”
 
“เพราะผ่านกาลเวลายาวนาน ออร่ามังกรในเลือดจึงระเหยออกจนพวกเจ้ายากพบเห็นได้!”
 
มีคนเพียงน้อยนิดที่รวบรวมเลือดมังกรสีดําเหล่านี้มา พวกเขานําของตนเองออกมา ส่งมอบให้คนของตระกูลหลงพิจารณาอย่างถี่ถ้วน!
 
ไม่นานจากนั้น ครึ่งเซียนตระกูลหลงจึงกล่าวออกด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “นี่เป็นเลือดมังกรของจริง นอกจากนี้แล้วยังมีแต่พลังเซียนอัดแน่น เป็นเลือดของเซียนมังกร!”
 
หลันซูเหยาพอได้ทราบ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยน เรื่องนี้แตกต่างไปจากที่ชนเผ่ายุคโบราณได้ทราบแล้ว
 
“อย่างนั้นที่นี่คืออะไรกัน?” หลันซูเหยาหันมองรอบ
 
“เป็นผู้หนึ่งที่สามารถสังหารจอมจักรพรรดิเซียนมังกร! คนผู้นั้นถูกผนึกเอาไว้ที่นี่โดย จอมจักรพรรดิเชียนมังกร ตัวเขาไม่อาจไปพ้นจากเมืองภูตผีต้องห้าม จึงได้แต่ต้องอยู่ที่นี่!” สีหน้าฉินหยุนเผยความเคร่งเครียด “ข้าได้พบเรื่องนี้ก็หลังจากเข้ามาแล้ว! และยังได้ทราบ ว่าอักขระทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้ต่างถูกใช้เพื่อเป็นแท่นประกอบพิธี พวกเราได้แต่เข้าทว่าไม่สามารถออกไป!”
 
คํากล่าวของเขาสร้างความตื่นตะลึงครั้งใหญ่! เพราะหลังจากที่เข้าถึงห้องโถง ที่พื้นปูด้วยก้อนหยกทองคําพวกเขาไม่อาจออกไปได้จริง!
 
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยรู้สึกร้อนรนหลังได้รับฟัง กระนั้นนางเองก็คิด ว่าฉินหยุนเพียงกล่าววาจาไร้สาระไปเรื่อย ตอนนี้กระทั่งนางก็ไม่ทราบแล้ว ว่าฉินหยุนกล่าวอันใดจริงอันใดเท็จ
 
“ฉินหยุน หากเจ้านําพวกเราออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างปลอดภัย ข้าจะยอมปล่อยตัวเจ้าไป! ข้าจะรับประกันว่าเจ้าจะได้ออกไปจากแดนอสูรอ้างว้างอย่างปลอดภัย!” แม้หลันซูเหยาเผยใบห น้าเย็นเยือกกระนั้นภายในหัวใจนางมีแต่ความหวาดกลัวเกินใดเทียบเปรียบเกาะกุมแล้ว เพราะนางและทุกคนล้วนติดกันอยู่ที่นี่นั่นคือเรื่องจริง
 
ฉินหยุนกล่าวขึ้น “ข้าสมควรเชื่อฟังคํากล่าวพี่ชายผู้นําพยัคฆ์ใหญ่ เขากล่าวว่าสิ่งของด้านในเมืองภูตผีต้องห้าม มันสามารถทําลายล้างแดนอสูรอ้างว้างได้!”
 
หลันซูเหยาเอ่ยถามเสียงเย็นเยือก “หยุดกล่าววาจาไร้สาระ เจ้าจะยอมร่วมมือกับข้าหรือไม่จงตอบ!”
 
ฉินหยุนพยักหน้าและตอบกลับ “ข้ายอมรับ ทว่าเจ้าต้องรับประกันว่าจะไม่ทําร้า ยอันใดต่อข้า!”
 
“หากข้าทําร้ายเจ้า เช่นนั้นข้าย่อมไม่ตายดี จิตวิญญาณข้าจะแหลกสลาย!” หลันซูเหยากล่าว “คราวนี้เจ้านําพวกเราไปสู่พื้นที่ถัดไปได้หรือยัง?”
 
“เรื่องนี้ ก่อนอื่นใด ให้เร่งรีบช่วยข้าแล้ว เพราะข้าติดอยู่กับบัลลังก์นี่!” ฉินหยุนหัวเราะดัง “เข้ามาช่วยเหลือข้าที่นี้ไม่มีกับดักใด ที่มีก็แต่ตรงกันข้า!”
 
คําพูดดังกล่าว เป็นผลให้หลายผู้คนที่นี้สบถดังภายใน พวกเขาค่อยทราบตอนนี้ ว่าฉันหยุนหว่านโปรยวาจาไร้สาระไปเรื่อย!
 
และสาเหตุว่าทําไมเขาไม่คิดหนี ก็เพราะเขาไม่อาจหลบหนี!
 

Related

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset