ดาบเยี่ยนตี๋ทอดข้ามฟากฟ้า ทำให้ซินตงผิงยากจะล้ำผ่านแม้สักก้าว!
อีกฟากหนึ่ง จอมมารศักดิ์สิทธิ์ร้องตะโกนลากเสียง ต้องการทะลวงการปิดกั้นของเสื้อคลุมนภา
ทว่าเยี่ยนตี๋ว่องไวกว่าเขา หลังจากร่างนภาไร้จำกัดของตนยับยั้งร่างนภาไร้จำกัดของซินตงผิงไว้ ก็โจมตีฝ่ามือหนึ่งไปทางอีกฝ่าย!
ซินตงผิงย่นหัวคิ้วแน่น ทว่าทำได้เพียงยกมือขึ้นโจมตีโต้อย่างเลี่ยงไม่ได้
ยอดฝีมือระดับสุดยอดกว่างเฉิงทั้งสอง ฝ่ามือดุสิตที่เหมือนกันอย่างยิ่ง ปะทะกันอยู่กลางอากาศ วิวัฒน์กลายเป็นทะเลเพลิงสีม่วงแกมแดงไร้ขอบเขต เต็มไปทั่วมิติต่างแดน
ซินตงผิงถอยกลับโซซัดโซเซ อักขระยันต์อันลี้ลับมหัศจรรย์กลางฝ่ามือ พลันดับมืดลงไป!
เยี่ยนตี๋คำรามยาวครั้งหนึ่ง อักขระยันต์ในลูกตาดำทั้งสองยิ่งเจิดจ้าเป็นเท่าทวี
อำนาจควบคุมมหาค่ายกลคุ้มกันเขากว่างเฉิง มหาค่ายกลนภา ถูกเยี่ยนตี๋ชิงกลับมาเกินกว่าครึ่งในชั่วพริบตา!
เขาโจมตีซินตงผิงผู้เป็นหนึ่งในหยกคู่รุ่นก่อนของเขากว่างเฉิงจนถอยร่นไม่เป็นกระบวนท่า อีกทั้งเขายังคงใจเย็น ไม่ได้เอาแต่บุ่มบ่ามอย่างเดียวเท่านั้น
เสื้อคลุมนภานั้นที่พ้นจากร่างเขาชั่วคราว กักขังหยวนเทียนได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น บัดนี้หยวนเทียนกำลังจะหลุดพ้น และย้อนควบคุมเสื้อคลุมนภาแทน
หลังจากเยี่ยนตี๋เคลื่อนไหวยับยั้งซินตงผิงยึดมหาค่ายกลนภา ร่างกายพลันถอยกลับทันใด ฟันดาบหนึ่งบีบหยวนเทียนให้ถอยร่นอีกครั้ง
เขากางแขนทั้งสองออก ม่านแสงอันกลายสภาพมาจากเสื้อคลุมนภาแปลงรูปลักษณ์ปรากฏเป็นชุดคลุมยาวอีกครั้ง คลุมไปที่ร่างกายของเขา
เยี่ยนตี๋ในขณะนี้สวมเสื้อคลุมนภาเอาไว้ เจตจำนงวรยุทธ์ยิ่งทวีความรุนแรงและยิ่งใหญ่ แก่กล้าไร้เทียมทาน
พลังของมหาค่ายกลนภาเสริมหนุนร่างกายเขาไม่ขาดสายเช่นกัน
ชั่วขณะหนึ่ง ซินตงผิงและหยวนเทียนรู้สึกเพียงว่าคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาตอนนี้ แทบจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาคนหนึ่ง อีกทั้งในมือยังถืออาวุธศักดิ์สิทธิ์
ลูกตาดำของหยวนเทียนหดเล็กลงเล็กน้อย ดูจากการประมือของเยี่ยนตี๋กับซินตงผิงแล้ว เขารู้สึกอย่างเลือนรางว่าต่อให้ไม่มีเสื้อคลุมนภาและมหาค่ายกลนภา หลังเยี่ยนตี๋ย่างเข้าสู่ขั้นบรรลุธรรม ส่วนตนเองอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ยังรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าเช่นกัน
แพ้ชนะเช่นไรไม่เอ่ยถึง อย่างน้อยเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจที่จะสามารถปลิดชีพเขาได้
หากแต่ขณะนี้เยี่ยนตี๋สวมเสื้อคลุมนภา และยังชิงอำนาจควบคุมมหาค่ายกลได้เกินกว่าครึ่ง พลังที่แผ่ออกมาจากเขาสูงทัดฟ้า ครองความได้เปรียบ ด้วยการต่อสู้หนึ่งต่อสอง โจมตีจนสองยอดฝีมือ หยวนเทียนและซินตงผิงโงหัวไม่ขึ้น!
ซินตงผิงที่ยังไม่เข้าขั้นศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งเกิดอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
หยวนเทียนเห็นดังนั้น ถึงขั้นอดไม่ได้ที่จะเริ่มเกิดความคิดจะถอยในใจ
สิ่งของบางอย่าง เขายังคงต้องการ ทว่าต่อให้สำคัญเพียงไหน ก็ต้องมีชีวิตให้เสพสุขเช่นกัน
ถึงแม้ในใจจะไม่เต็มใจยอมรับ กระนั้นหยวนเทียนก็ค้นพบว่าขืนปล่อยให้สถานการณ์ตรงหน้าดำเนินต่อไป เขาคงร่วงโรยอยู่ที่เขากว่างเฉิงแห่งนี้จริงๆ เป็นแน่
ร่วงโรยด้วยดาบของศัตรูระดับมหาปรมาจารย์คนนี้!
หากแต่เขาคิดถอยในตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เพราะเยี่ยนตี๋ตัดสินใจปลิดชีพเขาไว้ที่เขากว่างเฉิงชั่วกัลปาวสาน
มิติต่างแดนที่สร้างขึ้นจากมหาค่ายกลนภา ทั้งฟ้าดินส่องแสงลวดลายค่ายกลระยับตาขึ้น ปรากฏเป็นกรงขัง ปิดตายดินแดนแห่งนี้ไว้ ไม่ให้หยวนเทียนและซินตงผิงออกไปภายนอกได้โดยง่าย
หยวนเทียนต้องการทำลายค่ายกล ทว่าเจตจำนงป่าเถื่อนที่ตัดฟ้าทำลายแผ่นดินของเยี่ยนตี๋ก็กระหน่ำถึงขีดสุด ทำให้เขาจำตองสนใจเบื้องหน้าก่อน
ดวงหน้าซินตงผิงสงบดุจน้ำ สถานการณ์ของเขาอันตรายเสียยิ่งกว่าหยวนเทียนอีก
ซินตงผิงบุกโจมตีตอบโต้เยี่ยนตี๋อย่างจนตรอกครั้งหนึ่ง ก่อนจะทดลองเชื่อมต่อกับมหาค่ายกลนภาอีกหน ชิงอำนาจควบคุมมหาค่ายกล
ทว่าตอนนี้เยี่ยนตี๋ยึดมั่นความได้เปรียบ ยิ่งกระหน่ำบุกโจมตีประหนึ่งกระแสน้ำ ทำให้ซินตงผิงรู้สึกยากจะเดินหน้าต่อ
ชั่วเวลาหนึ่งภายในมิติต่างแดนกลางท้องฟ้า มีการฟาดฟันกันจนฟ้าดินเปลี่ยนสี
ผืนดินภายในเขากว่างเฉิง ก็เกิดปรากฏการณ์คลื่นลมพัดกระพือหือโหมขณะหนึ่งเช่นกัน
คลื่นใต้น้ำที่ซ่อนเร้นอยู่โดยรอบเขากว่างเฉิง ปะทุซัดสาดออกมาพร้อมๆ กัน ตามการสืบเท้าเข้ามิติต่างแดนแย่งชิงอำนาจควบคุมค่ายกลของซินตงผิง
เกิดเภทภัยขึ้นภายใน จอมยุทธ์กว่างเฉิงจำนวนหนึ่งค้นพบด้วยความงงงวย ว่าสหายข้างกายตนเองพลันเปลี่ยนเป็นวายร้าย โจมตีจุดสำคัญของตนหมายจะเอาชีวิตในทันใด
หลังจากตรวจสอบภายในสำนักเขากว่างเฉิง กวาดล้างกำจัดจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่ซ่อนตัวอยู่หลายคราไปแล้วกว่าครึ่ง กระนั้นก็ยังมีผู้หลุดรอดไปได้ ก่อการฉับพลันอยู่ในขณะนี้
ขณะที่เกิดความวุ่นวายภายใน ศัตรูนอกก็ย่างกรายเงียบๆ เช่นกัน
จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตจำนวนหนึ่ง แอบย่องเข้ามาถึงบริเวณใกล้ๆ เขากว่างเฉิงด้วยการนำพาของพวกซินตงผิง และเริ่มลงมือโจมตีขึ้นในขณะนี้
ผู้นำทัพส่วนมากเป็นผู้เหลือรอดของสำนักเขานิมิตทมิฬ!
แม้กระทั่งจอมยุทธ์สำนักเขานิมิตทมิฬที่ไม่ได้เข้าร่วมภาคี ก็มีเพิ่มเข้ามาในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้ ไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีแล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้สำนักเขากว่างเฉิงจะมีกำลังคนไม่พอ แม้จะมีไส้ศึกก่อกวน ทว่าด้วยการนำของเหล่ายอดฝีมือระดับสุดยอดเฉกเช่นฟู่เอินซู ก็ยังคงยกกำลังออกโจมตีสกัดศัตรูที่บุกรุกเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ
หลังเขา บริเวณใต้ยอดเขาอรรณพ ด้านนอกหุบเขาผนึกเวหา
ผู้อาวุโสจางมองดูเจตจำนงกระบี่อันไพศาลตรงหน้าตนเอง สีหน้าซีดเซียว
โดยปกติเจตจำนงกระบี่นี้ซ่อนเร้นมิเปิดเผย บัดนี้ผสานเข้ากับมหาค่ายกลนภารวมเป็นหนึ่งโดยไม่คาดคิด ปิดกั้นหุบเขาผนึกเวหาไว้ที่นี่ ตัดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก
เขาแยกแยะออกว่านี่เป็นการกระทำของซินตงผิง ผู้เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับตนมาหลายปี
เจตจำนงฝ่ามือนภาไร้จำกัดถูกขับเคลื่อนจนถึงขีดสุด ผู้อาวุโสจางบังคับทำลายพื้นที่ที่ถูกเจตจำนงกระบี่ผนึกกั้นไว้ตรงหน้า
ขณะเดียวกับที่เจตจำนงกระบี่สกัดกั้นการทำลาย ผู้อาวุโสจางรู้สึกได้ว่าภายในมีคนกำลังประมือกันอยู่!
กองกำลังฝ่ายหนึ่งในนั้นที่กำลังประมือ รับรู้การมาถึงของเขา จึงถอยหนีออกไปอีกทิศหนึ่ง
ผู้อาวุโสจางเองก็คุ้นเคยพลังปราณและเจตจำนงหมัดของเขาอย่างยิ่งเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าดูไม่ได้ทวีคูณ “…ศิษย์พี่หวัง!”
ชัดเจนว่ามหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะท้ายผู้นำทัพคนนั้น คือผู้อาวุโสหวังที่กาลก่อนฐานะเปิดเผย เนื่องจากก่อเกิดความคิดมารในใจ จึงถูกคุมขังอยู่ภายในหุบเขาผนึกเวหา!
นอกจากนี้แล้ว ยังมีนักโทษสถานหนักคนอื่นๆ จำนวนมากที่ถูกคุมขังอยู่ภายในหุบเขา ต่างก็หลุดพ้นออกไปพร้อมกัน
ผู้อาวุโสจางสีหน้าดูไม่ได้ คิดจะไล่ตาม หากแต่สังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าที่หุบเขาผนึกเวหาแห่งนี้ บังเกิดปราณนพยมโลกอันน่าพรั่นใจออกมาอย่างคาดไม่ถึง
ไอมารมหาศาลแผ่กระจายทั้งสี่ทิศ ส่งผลให้หุบเขาผนึกเวหาที่เดิมทีก็ทึบทึมน่าสะพรึงอยู่แล้ว ยิ่งเสมือนเมืองผีเข้าไปอีก
มหาค่ายกลแดนมารค่ายหนึ่ง เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว
ในมหาค่ายกล ยังมีคนอีกสองคนอยู่ ซึ่งเป็นกำลังคนอีกฝ่ายหนึ่งที่ประมือกันเมื่อครู่
ผู้อาวุโสจางมองเข้าไป นั่นคือฟางจุ่นและผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหุบเขาผนึกเวหาแซ่กงนั่นเอง
ผู้อาวุโสกงดูเซื่องซึม ร่างกายบาดเจ็บ
สีหน้าฟางจุ่นสุขุมเยือกเย็น มุ่งมั่นยับยั้งมหาค่ายกลแดนมาร ระงับการมาถึงของนพยมโลก
“ซินตงผิงเป็นไส้ศึก!” ผู้อาวุโสกงเอื้อนเอ่ยเสียงแหบแห้ง “เขาจู่โจมหุบเขาผนึกเวหา ตั้งใจชักจูงข้าให้เข้าร่วมนพยมโลกกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต เคราะห์ดีฟางจุ่นรีบมา หาไม่ข้าคงประสบกับมืออำมหิตของเขาไปแล้ว”
ฟางจุ่นมองยังผู้อาวุโสจาง “อาจารย์อาจาง โชคดีที่อาจารย์อาซินไม่ได้หยุดอยู่จัดการพวกข้า หากแต่ส่งต่อให้พวกอาจารย์ลุงหวัง เขาเพียงใช้เจตจำนงกระบี่กั้นภูเขาเป็นม่านอำพราง แล้วจึงรีบร้อนปลีกตัวออกไป คงมีแผนการใหญ่ยิ่งกว่า”
“ได้ยลฝีมือในการหยิบยืมเจตจำนงกระบี่ผสานเข้ากับมหาค่ายกลนภาของสำนัก ผู้อาวุโสซินคุ้นเคยกับมหาค่ายกลนภามากกว่าที่พวกเรารู้ เป็นไปได้อย่างยิ่งที่เขาจะยึดอำนาจควบคุมมหาค่ายกล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วอาจขัดขวางศิษย์น้องเยี่ยนกับเสื้อคลุมนภา!”
ผู้อาวุโสจางผงกศีรษะ “ไม่ผิดแน่”
เขาฟาดฝ่ามือหนึ่งลง ช่วยเหลือฟางจุ่นและผู้อาวุโสกง
ฟางจุ่นกล่าว “ประเดี๋ยวข้าจัดการมหาค่ายกลแดนมารเอง อาจารย์อาจางไปหาอาจารย์อาซินเถอะ เสื้อคลุมนภากับมหาค่ายกลนภาคือมูลเหตุ”
ผู้อาวุโสกงกล่าวอย่างช้ำใจ “ข้าไปไล่โจมตีพวกศิษย์พี่หวังเอง หยุดยั้งพวกเขาไม่ให้ก่อการบนภูเขา”
เวลาคับขัน ผู้อาวุโสมองฟางจุ่นแวบหนึ่ง ชิงตัดสินใจฉับพลัน “ส่งต่อให้ท่านแล้ว”
สิ้นวาจา เขาและผู้อาวุโสกงมุ่งออกไปหลังเขาพร้อมกัน
ขณะนี้จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตได้รุกคืบยังสำนักแล้ว ในนั้นยังมีมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะท้ายลงมือ พลังทำลายล้างน่าตื่นตระหนก
ผู้อาวุโสจากร้องตะโกนเดือดดาล แปรเปลี่ยนรูปวิถีวรยุทธ์ของตน ร่างนภากว่างเฉิงอันมหึมาสั่นสะท้านทั่วทั้งสี่ทิศ พลันสยบมาดหยิ่งยโสเทียมฟ้าของจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตลงไป
ภายในมิติต่างแดน เยี่ยนตี๋แผ่กระจายรัศมีน่าเกรงขาม
บนเขากว่างเฉิง บรรดาจอมยุทธ์กว่างเฉิงก็พลิกจากตั้งรับเป็นบุกโจมตีเช่นกัน
หลังเขา ฟางจุ่นยับยั้งมหาค่ายกลแดนมาร
ชั่วขณะหนึ่ง เขากว่างเฉิงเกิดปรากฏการณ์พลิกจากร้ายเป็นดี
ทว่าในเวลาเดียวกันนี้ คลื่นใต้น้ำแห่งอื่น เริ่มซัดสาดเช่นกัน!
บนพื้นดินใต้การปกครองสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคีพิภพ บัดนี้มียอดฝีมือจำนวนมากกำลังรวมตัวอยู่!
———————————–