การประลองแห่งจันทราหนึ่งปีมีครั้งหนึ่ง บัดนี้ครั้งที่ห้ากำลังใกล้มาถึง
สำนักเขากว่างเฉิงที่ในช่วงเวลาสี่ปีก่อนหน้านี้ เพียงคอยชมอยู่บนปราการเสมอมา ในที่สุดครานี้ก็ไม่ใช่ผู้เข้าชมอยู่ข้างๆ อีกต่อไป หากแต่ทางสำนักได้ส่งสตรีแห่งจันทราของตน เขาร่วมการประลองแห่งจันทราครั้งนี้ด้วย
บัดนี้เขากว่างเฉิงดึงความสนใจจากแต่ละฝ่ายได้อีกครั้ง
การต่อสู้อันดุเดือดที่เกาะนภากลางของนภาพิภพซึ่งจบลงไปก่อนหน้านี้ไม่นาน สำนักเขากว่างเฉิงกวาดล้างภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตราบคาบ พร้อมทั้งพิชิตกองกำลังพันธมิตรของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ไปได้ โดยหวงกวงเลี่ยที่ฝ่าฟันอุปสรรคออกฌานได้ด้วยดี จึงมีพลังอันราวกับจะฉุดท้องฟ้าให้ถล่มลงมาได้ ยิ่งทำให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทำมาตรสุริยันวัดสวรรค์หายไป ส่งผลให้สถานการณ์ส่วนในในโลกแปดพิภพ บังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
ตำแหน่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกสั่นคลอนอย่างสิ้นเชิง สำนักเขากว่างเฉิงที่กาลก่อนปกครองแปดพิภพ กลับมาผงาดอีกครั้งอย่างเป็นทางการ
ภายใต้ภูมิหลังเช่นนี้ สำนักเขากว่างเฉิงยังเริ่มก้าวสู่การประลองแห่งจันทราที่ได้แต่เฝ้าชมมาโดยตลอด จึงมีพลังอำนาจบังคับคนอยู่บ้าง
ถึงแม้เนื่องด้วยหลินโจวเป็นสาเหตุ ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อื่นหลายแห่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ก็ล่วงรู้สถานการณ์โดยส่วนใหญ่ของเฟิงอวิ๋นเซิงไปแล้วก่อนหน้านี้
ชั่วขณะหนึ่ง แต่ละกลุ่มอิทธิพลใหญ่ รวมถึงสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ล้วนกำลังให้ความสนใจกับการประลองแห่งจันทราครั้งที่ห้านี้
“กดดันมากใช่หรือไม่?”
สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ อีกทั้งสำนักเขากว่างเฉิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และเมืองทะเลมรกต พันธมิตรทั้งสองกลุ่มบัดนี้ได้หักหน้ากันอย่างเปิดเผยแล้ว
สถานที่จัดการประลองแห่งจันทรา หนนี้จัดตั้งอยู่บนเขตพื้นที่ของหอคลื่นโหมอีกครั้ง
ครั้นได้ยินคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงก็กล่าวตอบว่า “จะกดดันหรือไม่ ล้วนแล้วแต่ต้องพยายามสุดกำลัง”
เยี่ยนจ้าวเกอช้อนสายตามองไป เห็นสีหน้าท่าทางสงบนิ่งอีกทั้งแน่วแน่ของเฟิงอวิ๋นเซิง
ในเรื่องอื่น เฟิงอวิ๋นเซิงมีฝีปากปราดเปรียวอย่างยิ่ง มักจะเย้าหยอกกันไปมากับเยี่ยนจ้าวเกออยู่เป็นประจำ เวลาเดียวกับที่บรรยากาศสบายๆ บางครั้งก็ทำให้ผู้คนมองข้ามเพศของนางไป
มีเพียงเรื่องการประลองแห่งจันทราเรื่องนี้เท่านั้น เพียงแค่เอ่ยถึง เฟิงอวิ๋นเซิงก็จะเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
หญิงสาวที่แต่ไหนแต่ไรไม่ยี่หระความเป็นความตายผู้นี้ แท้จริงแล้วโดยเนื้อแท้ก็เป็นคนไม่ยอมแพ้ใครเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอเอื้อนเอ่ย “ความคิดของคนภายนอก ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ ส่วนเสียงนกเสียงกาส่วนหนึ่งในสำนัก ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเช่นกัน”
เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินดังนั้นแล้วระบายยิ้ม “อันที่จริงก็ไม่แน่ว่าจะไร้เหตุผลเสียทั้งหมด”
ชายหนุ่มกะพริบตาปริบๆ
แท้จริงแล้วความคิดเห็นภายในสำนักที่มีต่อเฟิงอวิ๋นเซิง ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสียทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์ที่เฟิงอวิ๋นเซิงในฐานะที่เป็นสตรีแห่งจันทรา ได้รับทรัพยากรของสำนักจำนวนมาก
ความสลักสำคัญของสตรีแห่งจันทรา ทุกคนต่างรับรู้ การที่จะชนะการประลองแห่งจันทราและได้รับมงกุฎแห่งจันทรา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดาย เหตุผลข้อนี้ไม่ว่าใครก็เข้าใจ
หากแต่เฟิงอวิ๋นเซิงที่ฐานะเดิมอยู่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ยากที่จะไม่ให้ผู้คนบางส่วนแคลงใจ
ขณะนี้ยังคงไม่แย่ ถ้าหากต่อไปในระยะยาวเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้สร้างความดีความชอบในการประลองแห่งจันทราล่ะก็ เช่นนั้นแรงกดดันจากภายในสำนักที่มีต่อนาง ก็จะหนักอึ้งกว่าภายนอกสำนักเสียอีก
‘ควรจะทุ่มกำลังบ่มเพาะสตรีแห่งจันทราของพวกเราเองให้มากกว่านี้’
บางช่วงเวลา มีท่วงทำนองเสียงเช่นนี้ดังออกมา
สาเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้น มีที่มาจากข่าวหนึ่งที่ฉางเจิ้น ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดทะเลตะวันออกก่อนหน้านี้นำกลับมาด้วย
ในช่วงเวลาอันใกล้นี้เอง ฉางเจิ้นหาสตรีแห่งจันทราคนหนึ่งพบที่ทะเลตะวันออก!
หญิงผู้นี้เดิมทีมีอาจารย์พร่ำสอน ทว่าอาจารย์ของนางสิ้นชีพด้วยน้ำมือของปีศาจอัคคี และนางก็ถูกช่วยเอาไว้โดยจอมยุทธ์สำนักเขากว่างเฉิง
แต่ไรฉางเจิ้นไม่ได้นำมาใส่ใจ ทว่ากลับค้นพบโดยไม่ได้ตั้งใจ คาดไม่ถึงว่าหญิงผู้นี้จะมีจันทรากายอันหาได้ยาก
เมื่อส่งข่าวกลับมา ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงล้วนแปลกใจอย่างยิ่ง หลังจากหยวนเจิ้งเฟิงผ่านขั้นบรรลุธรรมสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ ขณะผ่านเคราะห์หนักกว่างเฉิง สำนักก็ได้รับสตรีแห่งจันทราอีกคนหนึ่ง เติมบรรยากาศอันชื่นมื่นให้กับสำนักไม่น้อย
ครั้นไปยังทะเลตะวันออก ฟู่เอินซูที่เข้าดำคงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดต่อ ก็รับช่วงต่อฝึกศิษย์หญิงคนนี้โดยพลัน
ถึงแม้หญิงสาวผู้นี้ยังคงเป็นศิษย์สายตรงทั่วไปแค่ในนาม จำเป็นต้องผ่านการตรวจประเมินซ้ำๆ ถึงจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นสืบทอดสายหลัก กราบฟู่เอินซูเป็นอาจารย์อย่างเป็นทางการได้
ทว่าความพิเศษของสตรีแห่งจันทรา ทำให้ทุกคนล้วนไม่กังขาในจุดนี้
ในขณะที่กำลังรู้สึกอิจฉา ก็มีเสียงแปลกๆ ดังทอดมาเช่นกัน
ในความคิดบางคน ศิษย์เข้าสำนักใหม่ที่มีภูมิหลังค่อนข้างเรียบง่ายอย่างมากผู้นี้ สอดคล้องกับความต้องการของเขากว่างเฉิงมากกว่า
แน่นอน นี่เป็นการมองปัญหาในแง่มุมระยะยาว
ในระยะนี้เอง แม้แต่เฟิงอวิ๋นเซิงยังต้องทุ่มเทไล่ตามเหล่าผู้ที่นำหน้า ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนที่เพิ่งเริ่มต้นผู้นี้
ปัจจุบัน เสียงเช่นนี้เป็นเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้น ไม่ได้ก่อตัวจนมีอิทธิพลขึ้นมาโดยสิ้นเชิง
กระนั้นถ้าผ่านการประลองแห่งจันทราต่อเนื่องหลายครั้งแล้ว และพิสูจน์ได้ว่าเฟิงอวิ๋นเซิงยากจะเป็นประโยชน์ โดยที่อีกฝ่ายมีพรสวรรค์และศักยภาพสูงกว่าล่ะก็ ย่อมไม่อาจเลี่ยงไม่ให้ผู้คนไม่เคลือบแคลงใจมากขึ้น
เคราะห์หนักของกว่างเฉิงครั้งนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงไม่หวั่นเกรงอันตรายพุ่งพรวดเข้าไปในมหาค่ายกลแดนมาร จึงพิสูจน์แล้วว่านางรู้สึกอยู่ภายใต้สำนักเขากว่างเฉิงแล้ว
ท้ายที่สุดแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงยังจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองอีกขั้นหนึ่ง
การที่ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ย้ายมาอยู่ภายใต้สำนักเขากว่างเฉิง สุดท้ายจะถูกผู้คนจับตามมองด้วยมาตรฐานที่เข้มงวดทารุณมากยิ่งขึ้น
เฟิงอวิ๋นเซิงมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ ระบายยิ้มพลางเอ่ย “ทางสำนักมอบภารกิจให้ท่านแล้วกระมัง? หลังจากการประลองแห่งจันทราครั้งนี้ผ่านไป ก็ต้องไปหาอาจารย์ที่ทะเลตะวันออกนั้นครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบศิษย์น้องที่เข้าสำนักใหม่ผู้นั้นอีกขั้น ว่าศักยภาพและพรสวรรค์ของจันทรากายเป็นเยี่ยงไร ถ้าหากพอที่จะสอนสั่งได้ ก็จะไปบ่มเพาะนางเหมือนกับข้า”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “สามารถมีหลักประกันสองชั้นได้ เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง เฉกเช่นสำนักศักดิ์สิทธิ์กาลก่อนบ่มเพาะเจ้ากับเมิ่งหว่านในเวลาขณะเดียวกัน”
“เพียงแต่ เจ้าล่าช้าไปเป็นเวลาสองปี จะไล่ตามยังไม่ง่ายเช่นนั้น นางยิ่งล่าช้ากว่า เว้นเสียแต่พรสวรรค์จะบดขยี้เจ้าและเมิ่งหว่าน หาไม่แล้วก็ไม่ได้มีหวังมากนัก”
ชายหนุ่มเอ่ยอีก “ข้าจะให้ความเสมอภาค แต่ความคิดของคนอื่นในสำนัก ออกจะไม่รู้ประสาเกินไปสักหน่อย”
หญิงสาวยิ้มเอ่ย “การเข้าร่วมประลองจันทรากาย ไม่ใช่เพียงแค่ประลองแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น หากแต่เพื่อที่จะผงาดขึ้นในท้ายที่สุด และเพื่อให้ชนะแล้วได้มงกุฎแห่งจันทรามา หากศิษย์น้องผู้นั้นแกร่งกว่าข้าจริง ทางสำนักจะเททรัพยากรไปทางนาง นั่นก็เป็นเรื่องที่สมควรเช่นกัน”
นางเลิกหัวคิ้วขึ้นเบาๆ “แต่ว่า ก็อย่าได้คิดว่าอ่อนแอเกินไปเหมือนกัน”
การยักคิ้วนี้ของเฟิงอวิ๋นเซิง ประหนึ่งกับชักดาบยาวออกจากฝัก เปลี่ยนเป็นกล้าหาญฮึกเหิมแสดงอำนาจเหมือนเช่นปกติอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอจงใจยิ้มพลางกล่าว “การประลองแห่งจันทราครั้งนี้ เจ้าไม่รั้งท้าย ข้าก็พึงพอใจอย่างยิ่งแล้ว”
เฟิงอวิ๋นเซิงเองก็ไม่โต้เถียง หากแต่หัวร่อขึ้นมา “ตามวิธีพูดแต่ไรมาของท่าน การประลองแห่งจันทราหนนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเราให้ความสำคัญกับผลหรอกหรือ?”
ชายหนุ่มผงกศีรษะด้วยท่าทีสบายๆ “ไม่ผิดหรอก ดังนั้นก็เลยผ่อนใจให้สบายๆ ”
“ประเดี๋ยวก็ถึงที่แล้ว จ้าวเกอเจ้ามาครั้งนี้ จงตั้งใจประเมินสตรีแห่งจันทราคนอื่นๆ ของแต่ละสำนักสักหน่อย” ผู้ทรงอำนาจในสำนักที่พาเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิงมาเข้าร่วมการประลองจันทราครั้งนี้ ก็คือผู้อาวุโสสูงสุดเมิ่งแห่งปฐพีพิภพแต่กาลก่อน หลังจากสละตำแหน่งก็กลับมายังสำนัก
“ผู้อาวุโสเมิ่งวางใจได้ ข้าเข้าใจ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย
พวกเขามาถึงบึงพิภพ ด้วยการนำของผู้อาวุโสเมิ่ง
หากทะเลสาบปิดนภาไม่ผ่านเภทภัยครั้งใหญ่ในตอนนั้น เช่นนั้นการประลองแห่งจันทราครั้งที่ห้าก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะจัดขึ้นที่นี่ เฉกเช่นการประชุมกลุ่มพันธมิตร
ทว่าตอนนี้ สถานที่กลับเปลี่ยนเป็นที่ที่หอคลื่นโหมตั้งอยู่
ครั้นทอดสายตามองไกลออกไป เขตที่เต็มไปด้วยคลองบึงก็ปรากฏตรงหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาลทอดยาวเหยียดประดุจสมุทร มโหฬารเสียยิ่งกว่าทะเลสาบปิดนภาในตอนนั้นอีก ผืนทะเลสาบของเขตเชื่อมทะเลสาบแห่งเกาะนภากลางนภาพิภพ เทียบกับที่นี่แล้ว เห็นได้ชัดว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน
เมื่อเข้าสู่เขตแดนบึงพิภพและเข้าใกล้หอคลื่นโหม ก็มียอดฝีมือของหอคลื่นโหมรอต้อนรับอยู่
ขณะเดียวกันนั้น ก็มีศิษย์หอคลื่นโหมมาต้อนรับเช่นกัน ทั้งยังเป็นคนที่เยี่ยนจ้าวเกอคุ้นเคย ศิษย์สืบทอดสายหลักของหอคลื่นโหม เซี่ยโยวฉาน
หลังจากแสดงความเคารพกันแล้ว คณะของเยี่ยนจ้าวเกอก็เดินตามพวกเซี่ยโยวฉานเข้าไปภายใน
ขณะเยี่ยนจ้าวเกอสืบเท้าอยู่นั้น กลับได้ยินกระแสจิตของเซี่ยโยวฉานแอบเอ่ยว่า ‘สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ครั้งนี้ส่งสตรีแห่งจันทราสองคน เข้าร่วมการประลองแห่งจันทราพร้อมกัน’
………….