ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 333 การเตรียมการของเยี่ยนจ้าวเกอ

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวจบ สีหน้าผู้อาวุโสเมิ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ความหมายของเจ้าคือ…”

“ขณะนี้ข้ากำลังพิสูจน์บางเรื่องอยู่ เพื่อเตรียมการต่อไป” เยี่ยนจ้าวเกอเอื้อนเอ่ย “ในสายตาข้า อันที่จริงแล้วไม่มีการประลองแห่งจันทราครั้งที่ห้า ครั้งที่หก หรือครั้งที่เจ็ด ข้าแลเห็นว่านี่คือการประลองที่ครบถ้วนสมบูรณ์สนามหนึ่ง ไม่ว่าจะก่อนเปิดการประลอง การประลองครึ่งแรก การประลองครึ่งหลัง จนกระทั่งผลลัพธ์สุดท้าย”

ผู้อาวุโสเมิ่งได้ยินดังนั้นแล้ว ก็ผงกศีรษะเบาๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก

การต่อสู้อันดุเดือดของเฟิงอวิ๋นเซิงกับฝานชิวภายในโลกแสงจันทร์ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายแทบจะยับเยินด้วยกันทั้งคู่

เฟิงอวิ๋นเซิงที่ชนะโดยต้องเสียเปรียบไปมากมาย ผลาญพลังไปมาก หมดกำลังจะประลองกับเมิ่งหว่านต่อไปอีก เมิ่งหว่านเองก็แทบจะชนะได้โดยไม่ต้องต่อสู้

หากแต่เฟิงอวิ๋นเซิงยังคงฝืนพยุงไว้ ประลองกับเมิ่งหว่านสักตั้ง

ท้ายที่สุด มังกรสวรรค์ที่หมดกำลังก็จำศีลอีกครั้ง ซึ่งตรงกันข้ามกับเมิ่งหว่าน หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการประลองแห่งจันทราครั้งที่สี่แล้ว ก็ได้ชัยชนะกลับมาอีกครั้ง ดั่งหงส์ระบำบนสวรรค์ชั้นเก้า

หลังจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ปะทะทั่วทั้งเขากว่างเฉิงจนหัวร้างข้างแตก เสียหายยับเยิน ในที่สุดก็เอาชนะคืนกลับมาได้ในอีกสนามรบหนึ่ง

เสียมาตรสุริยันวัดสวรรค์ไป ทว่าได้รับมงกุฎแห่งจันทรากลับมาอีก เนื่องจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือนหวงกวงเลี่ยไม่อาจขับเคลื่อนมงกุฎแห่งจันทราได้ ดังนั้นพลังความสามารถทั่วทุกส่วนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เทียบกับตอนที่หวงกวงเลี่ยออกฌานไปเหยียบเขากว่างเฉิงแล้ว จึงยังคงด้อยกว่าอยู่บ้าง

ทว่ามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อีกชิ้นหนึ่งในมือ ในที่สุดสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ยืดอกได้มากขึ้นอีกบ้าง หยุดแนวโน้มถดถอยก่อนหน้านี้เอาไว้ อีกทั้งมีต้นทุนในการคิดพิจารณาอีกครั้งว่าจะทวงดินแดนที่เสียไปอย่างไร

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูมงกุฎแห่งจันทราอันขาวสะอาดราวกับจันทร์กระจ่างหล่นลงจากฟ้านั่น ร่วงลงเหนือศีรษะเมิ่งหว่านอย่างเชื่องช้า อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงเล็กน้อย

เฟิงอวิ๋นเซิงเดินกลับมายังฝ่ายของสำนักเขากว่างเฉิงอีกครั้ง สีหน้านางยังคงซีดเซียวอย่างมาก กระนั้นท่าทีกลับสงบนิ่ง เพียงแต่แววตาคล้ายกับมีเปลวเพลิงกำลังพลิ้วไหว

นางหันศีรษะกลับไปมอง แสงเพลิงในลูกตาดำของนางหาใช่พุ่งเป้าไปยังเมิ่งหว่านไม่ หากแต่มุ่งเป้าไปยังมงกุฎแห่งจันทราสีขาวที่กำลังหล่นลงมาช้าๆ นั่น

ขณะเดียวกันกับที่คนอื่นกำลังชื่นชมเมิ่งหว่านอย่างอื้ออึง ครั้นมองเข้าไปในแววตาของเฟิงอวิ๋นเซิง ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกทอดถอนใจ

เฟิงอวิ๋นเซิงเองก็นับว่าสร้างความตื่นตะลึงอย่างฉับพลันเช่นกัน เข้าร่วมประลองจันทราการหนแรก ก็เป็นรองเพียงหนึ่งคน แต่อยู่เหนือทุกคน นอกจากเมิ่งหว่านแล้ว นับว่านางเอาชนะสตรีแห่งจันทราคนอื่นๆ ได้ทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นเฉินซู่ถิงแห่งเมืองทะเลมรกต ผู้เป็นยอดฝีมือระดับอาวุโสที่เคยชนะการประลองแห่งจันทราครั้งที่สอง หรือว่าเป็นฝานชิวแห่งหอคลื่นโหม ที่สร้างความตื่นตะลึงฉับพลันเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยการกุมชัยชนะสุดท้ายในการเข้าร่วมประลองหนแรก หรือจะเป็นอวิ๋นซิ่วชิง หญิงสาวหน้าใหม่ผู้ทรงพลังที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ส่งมาในครั้งนี้ด้วยความทะเยอทะยาน

เมื่อเผชิญหน้ากับเฟิงอวิ๋นเซิง พวกนางล้วนต้องสยบทั้งสิ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝานชิว ภายในระยะเวลาหนึ่งปีที่เพิ่งผ่านพ้นไป ล้วนเป็นนางที่ถือครองมงกุฎแห่งจันทราไว้ นางพัฒนาระดับขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีมงกุฎแห่งจันทราคอยช่วย การประลองแห่งจันทราครั้งที่ห้าในปีนี้ นางนับว่าเป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีพลังในรดับแนวหน้าเช่นกัน ทว่าสุดท้ายแล้วกลับพ่ายด้วยเงื้อมมือของเฟิงอวิ๋นเซิง

การประลองรอบแรกก่อนหน้านี้ กับการประลองจริงรอบที่สองภายหลัง ผู้มีสายตาเฉียบแหลมต่างสามารถมองออกได้ สำหรับรากฐานอันบริสุทธิ์ ฝานชิวถึงขั้นยังเหนือกว่าหลายส่วน

กระนั้นการประมือจริง กลับเป็นเฟิงอวิ๋นเซิงที่เหนือกว่าขั้นหนึ่ง

ถึงแม้ว่ารายละเอียดบุญคุณความแค้นระหว่างเฟิงอวิ๋นเซิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เท่าที่คนอื่นๆ ทราบจะจำกัด ทว่าเป็นเพราะหลินโจวกับตำหนักอัสนีสวรรค์ ทำให้คนส่วนหนึ่งล่วงรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ว่าจันทรากายของเฟิงอวิ๋นเซิงเคยเกิดปัญหามาก่อน หลังจากการประลองแห่งจันทราครั้งที่สาม ถึงได้เริ่มฟื้นฟู ผ่านบ่อน้ำพุวิเศษเมฆหยินหยางของสำนักเขานิมิตเมฆแห่งภูผาพิภพ

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งจนกระทั่งถึงตอนนี้ เป็นเวลาอย่างมากก็สองปี สามารถมีผลพวงเช่นนี้ ช่างเขย่าขวัญผู้ที่ได้สดับฟังเสียจริง

ทุกๆ คนต่างอดที่จะคิดในใจไม่ได้ ว่าหากให้เวลาเฟิงอวิ๋นเซิงอีกสักหน่อย ถ้านางกับพวกเมิ่งหว่าน เฉินซู่ถิง และคนอื่นๆ เริ่มต้นในเวลาเดียวกัน เช่นนั้นแล้วนางจะสามารถบรรลุได้ถึงระดับสูงเพียงใด?

เมิ่งหว่านมีพลังเหนือการประลองแห่งจันทราจนแทบจะไร้เทียมทาน ยังจะสามารถเป็นเหมือนเช่นตอนนี้ได้หรือไม่?

บัดนี้ ถึงแม้ในที่สุดเมิ่งหว่านจะได้รับชนะ ทว่าแม้แต่คนในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังมีสีหน้าที่เผยความหนักแน่นจริงจังออกมาเล็กน้อยหลายส่วนเช่นกัน

เฟิงอวิ๋นเซิงเดินกลับมายังข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ ชายหนุ่มเอ่ยถาม “เท่าใด?”

ครั้นได้ยินคำถามครั้งแรก เฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกสับสนมึนงงอยู่บ้าง หากแต่เห็นได้ชัดว่านางรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอหมายถึงอะไร จึงกล่าวตอบเสียงเบาไปว่า “กำลังข้าอ่อนล้า ระยะเวลาที่ยืดหยัดได้จึงสั้นลงไปบ้าง ทำได้เพียงประมาณการคร่าวๆ เท่านั้น เมิ่งเอ๋อร์ตอนนี้อยู่ระหว่างเจ็ดจุดเจ็ดส่วน ถึงแปดจุดสองส่วนโดยคร่าวๆ ”

เยี่ยนจ้าวเกอแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางใคร่ครวญว่า “เช่นนั้นหลักๆ แล้วก็ถือได้ว่าเป็นแปดส่วน หรือว่าเพื่อให้รอบคอบ จะคำนวณจากเจ็ดจุดเจ็ดส่วนที่ต่ำที่สุดดี”

เขาก้มหน้าลง มองไปทางเฟิงอวิ๋นเซิง “แค่ข้ายืนดูข้างๆ หรือเจ้ายืนดูข้างๆ ไม่มีประโยชน์ จำเป็นต้องให้เจ้าประลองด้วยตัวเองถึงจะใช้ได้ ตอนนี้เจ้าก็ได้ประมือแล้ว ใช้ประโยชน์จากคัมภีร์แห่งจันทราในการคิดค้นสรุป มีความมั่นใจในการวิเคราะห์ยอดทักษะจันทราของเมิ่งหว่านแล้วหรือไม่?”

หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ข้ามีความมั่นใจไม่ถึงครึ่ง หนึ่งปีหลังจากนี้ พลังความสามารถข้ายกระดับขึ้นอีก ขณะเดียวกันหลังจากที่พัฒนายอดทักษะจันทราของตัวเองจนสมบูรณ์แล้ว ก็จะมีความมั่นใจ”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ “หลังจากนี้หนึ่งปี เมิ่งหว่านก็คงมีพัฒนาการเช่นกัน ขณะเดียวกันนางยังสามารถบรรลุยอดทักษะจันทราให้แกร่งกล้ายิ่งกว่านี้ได้ หากแต่ต่อให้มีกระบวนท่าใหม่ ก็ต้องมีความต่อเนื่องกับสายกระบวนท่าเดิมก่อนหน้านี้ มีส่วนให้สามารถตามได้ โอกาสของเจ้าจะยังคงมากอยู่”

“ยังจำคำที่ข้าเคยพูดกับเจ้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่? บัดนี้เป็นเพียงการประลองครึ่งแรก ถึงขั้นถือได้ว่าเป็นเพียงขั้นตอนเตรียมตัวก่อนเริ่มประลองอย่างเป็นทางการเท่านั้น”

เฟิงอวิ๋นเซิงผงกศีรษะ “วางใจเถิด ข้าเข้าใจ”

นางหันหน้ากลับไปมองมงกุฎแห่งจันทราที่อยู่บนศีรษะของเมิ่งหว่านอีกแวบหนึ่ง แล้วถอนใจเบาๆ

เยี่ยนจ้าวเกอเองก็เพ่งมองมงกุฎแห่งจันทราที่อยู่บนศีรษะเมิ่งหว่านอยู่ด้วยเช่นกัน ก่อนจะกวาดสายผ่านฝูงชนสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แล้วเอ่ยในใจ ‘หลังจากเตรียมการทั้งหมดให้เรียบร้อยแล้ว ก็ควรจะมุ่งหน้าไปยังเหนือสุดแดนเหนือได้แล้ว หวังว่าสถานการณ์จริงจะเหมือนกับที่ข้าคาดเดาไว้ เช่นนี้ข้าสามารถให้ของกำนัลก่อนชุดหนึ่ง ถือว่าเป็นของกำนัลตอบแทนที่พวกเจ้าบุกโจมตี’

การประลองแห่งจันทราครั้งที่ห้าปิดฉากลง

วันนี้ในทุกๆ ปีล้วนถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะมีสำนักหนึ่งดีอกดีใจ ทว่าหลายๆ สำนักกลัดกลุ้ม แน่นอนว่าปีนี้ก็ไม่เว้น

หลังจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ดีอกดีใจ สามารถผ่อนลมหายใจได้ ปลายดาบที่ก่อนหน้านี้ถูกสำนักเขากว่างเฉิงกดเอาไว้ กลับมาผงาดขึ้นมาอีกครั้ง

สำนักเขากว่างเฉิง เมืองทะเลมรกต และสำนักเขาไร้พรมแดน ทั้งสามสำนักก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพุ่งเป้าไปที่สถานการณ์ที่พลังความสามารถสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นั้นมากขึ้น และปรับยุทธวิธีของแต่ละฝ่าย

หอคลื่นโหมค่อนข้างสงบเงียบ ทว่าก็หดหู่อยู่บ้างไม่มากก็น้อยเช่นกัน

ที่ความรู้สึกภายในใจซับซ้อนที่สุด เกรงว่าจะต้องเป็นตำหนักอัสนีสวรรค์แล้ว

เมื่อเผชิญแรงกดดันจากทั้งสามสำนักรวมถึงเขากว่างเฉิง การที่พลังความสามารถของพันธมิตรเพิ่มสูงขั้น นั่นหมายความว่าพลังความสามารถพรรคพวกเดียวกันเพิ่มสูงขึ้นด้วย ตำหนักอัสนีสวรรค์จึงมีได้โอกาสหอบหายใจมากขึ้นหลายส่วน

กระนั้นพันธมิตรที่เดิมทีก็แกร่งกล้านั้นทวีแกร่งกล้ายิ่งใหญ่ พลังความสามารถของตำหนักอัสนีสวรรค์เองกลับไม่ได้เพิ่มขึ้น นี่ทำให้ทั่วทั้งตำหนักอัสนีสวรรค์ยากที่จะเลี่ยงความเป็นกังวลได้

ที่ยิ่งน่าเป็นห่วงกลับเป็นสตรีแห่งจันทราของตน แม้ว่าพลังความสามารถจะเพิ่มพูน กระนั้นคู่ต่อสู้กลับยิ่งโหดร้ายมากยิ่งขึ้น

คนที่ปีก่อนๆ มีพลังแก่กล้า ปีนี้ยังคงแก่กล้าเช่นเดิม ถึงขนาดแก่กล้าขึ้นอีกด้วย

ส่วนคนใหม่ที่ปรากฏตัวในปีนี้ ก็ยิ่งระยับตา

ตนเองกำลังพัฒนา คู่ต่อสู้ก็กำลังพัฒนาเช่นกัน หากแต่พัฒนาเร็วยิ่งกว่าตนเองเสียอีก คิดในอีกแง่มุมหนึ่ง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าตนเองกำลังถดถอย

ความหวังในตอนนี้ จึงรางเลือนลงเรื่อยๆ ถึงขนาดที่ทำให้ทั่วทั้งตำหนักอัสนีสวรรค์รู้สึกสิ้นหวังกับการประลองแห่งจันทราอยู่กลายๆ

ตำหนักอัสนีสวรรค์จะพัวพันกับความพ่ายแพ้อย่างไร ก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอ ที่เขาสนใจคือ เส้นทางสู่ดินแดนเหนือของตน จะถูกตำหนักอัสนีสวรรค์ อันธพาลท้องถิ่นแห่งนี้ก่อกวนหรือไม่

การประลองแห่งจันทราในปีนี้สิ้นสุดลง เรื่องที่เขาควรจะทำก็ได้ทำหมดแล้ว ตอนนี้ก็ต้องรีบมุ่งไปยังทะเลตะวันออกแล้ว

ตนเองยังต้องการของบางส่วน ค่อยๆ เสาะหาให้ครบ เตรียมทั้งหมดให้เรียบร้อย ก็จะเป็นวันของดินแดนเหนือแล้ว

วิธีฟื้นชีวิตบุตรมารดาสือจวิน ร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง และยังมี ‘ของกำนัล’ ที่จะเตรียมให้กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ล้วนมีแหล่งที่อยู่ทางนั้น

……….

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset