เยี่ยนจ้าวเกอมองคนตรงหน้า คิ้วขมวดกันมุ่น จมอยู่ในห้วงความคิด
อาหู่ที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้างงงวย เกือบจะกัดลิ้นตัวเอง “คุณชาย นี่คือ…”
ชายหนุ่มละสายตามามองไปรอบๆ ก่อนจะตอบว่า “ไปถามจะได้รู้”
พูดจบ เขาก็เดินไปอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มผู้นั้น เมื่ออีกฝ่ายเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ ในแววตาพลันปรากฏความระมัดระวัง
“สหายท่านนี้ไม่ทราบว่ามีนามว่าอะไร ขออภัยที่เสียมารยาท แต่เจ้ามีลักษณะคล้ายกับคนรู้จักของข้ามาก เพียงแต่คนผู้นั้นเป็นผู้หญิง” เยี่ยนจ้าวเกอถามตรงไปตรงมา
ชายหนุ่มที่มีหน้าตาคล้ายซือคงจิง ยากจะแยกว่าเป็นหญิงหรือชายเบื้องหน้าได้ยินดังนั้น แววตาของเขาก็เป็นประกายเล็กน้อย
เขาพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า แทนที่จะตอบคำถาม เขากลับย้อนถามว่า “เป็นคุณชายแห่งกว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอกระมัง”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเรียบๆ “ถูกต้อง เป็นข้าเอง”
ชายหนุ่มตรงหน้ากล่าว “ข้าน้อยโอวหยางฉี แม้จะอาศัยอยู่ต่างแดน แต่ชื่อเสียงของคุณชายแห่งกว่างเฉิงเรื่องระบือไปไกล วันนี้ได้เจอกันช่างเป็นบุญวาสนาจริงๆ”
“โอวหยางฉี” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวทวน
บุรุษหนุ่มมองเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะกล่าว “คุณชายเยี่ยนมีคนรู้จักที่มีหน้าตาเหมือนข้าน้อยหรือ”
“บอกตามตรง ข้าน้อยมาที่นี่เพราะได้ยินมาว่ามีคนที่มีหน้าตาเหมือนข้าน้อยประมือกัน จึงเกิดความสนใจ และมาตรวจสอบโดยเฉพาะ” โอวหยางฉีพูดด้วยเสียงไพเราะ “สิ่งที่ทำให้หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ก็คือพวกนางเป็นผู้หญิงสองคน”
“น่าเสียดายมาสายไปก้าวหนึ่ง สองคนนั้นจากไปแล้ว ไม่มีวาสนาได้พบ”
เยี่ยนจ้าวเกอมองใบหน้าที่เหมือนซือคงจิงตรงหน้าอย่างเงียบงัน
นอกจากชุดของบุรุษกับลักษณะพิเศษบางอย่างแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายดูเหมือนซือคงจิงไม่ผิดเพี้ยน
รูปร่างของโอวหยางฉีผู้นี้ค่อนข้างผอมบาง และเตี้ยไปสักหน่อยสำหรับผู้ชายทั่วไป
แต่ว่าด้วยเหตุนี้ แม้แต่ร่างกายของเขากับซือคงจิงยังคล้ายกัน ขนาดกระดูกสมควรคล้ายกันด้วย
แต่แม้จะมีเพศสภาพเดียวกัน ทันทีที่เขาเอ่ยปาก ก็พอจะทำให้แน่ใจแล้วว่าไม่ใช่ซือคงจิง ด้วยวิธีการพูดจา ท่าทีวางตัวของทั้งสองคนช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เสียงของเขาเป็นเสียงของผู้ชาย แตกต่างกับเสียงผู้หญิงอย่างชัดเจน แต่ว่าลักษณะพิเศษของเสียงกลับคล้ายกันเล็กน้อย
กระนั้น น้ำเสียง จังหวะในการพูด การเลือกใช้คำล้วนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เยี่ยนจ้าวเกอมองโอวหยางฉี ยิ้มเล็กน้อย “ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก เจ้าเหมือนกับศิษย์น้องของข้ายิ่งนัก ตอนแรกข้ายังนึกว่าพวกเจ้าเป็นพี่น้องที่พลัดพรากเสียอีก”
แววตาของโอวหยางฉีวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้บอกยาก บิดามารดาข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว ทั้งยังจดจำเรื่องราวในวัยเด็กไม่ได้ จึงไม่กล้ายืนยัน”
“ไม่ทราบว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใคร บางทีข้าอาจจะรู้จัก” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
โอวหยางฉีตอบ “อาจารย์เร้นกายอยู่ที่ทะเลชั้นนอก อย่าว่าแต่บนแผ่นดินเลย แม้จะเป็นในทะเลชั้นใน อาจารย์ข้าก็ไปเยือนไม่บ่อยนัก คาดว่าคุณชายเยี่ยนคงไม่เคยพบ”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ถามต่อ พยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หากท่านมีเวลาว่าง เชิญท่านมาเป็นแขกที่กว่างเฉิงด้วย”
โอวหยางฉีประสานมือเคารพ “เป็นเกียรตินัก”
“ข้าน้อยยังมีธุระต้องจัดการ ถ้าหากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ขอบอกลาเพียงเท่านี้ ขอคุณชายเยี่ยนอภัยที่เสียมารยาท”
ขณะมองเงาหลังของโอวหยางฉี เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยเสียงเรียบ “อาหู่ ตามเขาไป คนผู้นี้ไม่พูดความจริง ต้องมีปัญหาแน่”
“ขอรับคุณชาย” อาหู่ตบพ่านพ่าน ขานเสียง
เยี่ยนจ้าวเกอยังคงอยู่บนเกาะน้อย สายตาสอดส่องรอบๆ สำรวจสภาพแวดล้อมของที่นี่
ซือคงจิงมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับปรมาจารย์จิตราชั้นนอกระยะท้ายแล้ว หากใช้ปราณจิตราจะมีพลังทำลายล้างอันน่าตกตะลึง เมื่อได้ต่อสู้เสี่ยงชีวิตบนเกาะย่อมต้องเหลือร่องรอยไว้จำนวนมาก
แต่ว่าคู่ต่อสู้ของนางก็มิใช่คนธรรมดาเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้ง สู้กันได้อย่างสูสี แทบจะทำให้เกาะพังพินาศ
ทั้งสองฝ่ายเหลือร่องรอยการต่อสู้ไว้ที่นี่อย่างชัดเจน
เมื่อครู่ตอนที่โอวหยางฉีมาที่นี่ ดูเหมือนว่าเขาจะสำรวจสภาพแวดล้อมของที่นี่เช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่มีพลังฝึกปรือสูงกว่าเขามาก ตอนที่เขาสำรวจร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ เยี่ยนจ้าวเกอก็สำรวจเขาไปด้วยอย่างเงียบๆ
ด้วยสายของของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาพบว่าความสนใจของโอวหยางฉีอยู่ที่ร่องรอยของซือคงจริงเป็นส่วนใหญ่
เพียงเพราะซือคงจิงมาจากเขากวางเฉิงซึ่งเป็นขุมกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ จึงให้ความสนใจเป็นพิเศษอย่างนั้นหรือ
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะมาถึงเบื้องหน้าหลุมลึกแห่งหนึ่ง
ที่นี่ถูกระเบิดเป็นหลุมยักษ์ที่เหมือนกับลุ่มน้ำขนาดเล็ก ก้อนหินในหลุมเป็นสีดำเกรียม คล้ายกับถูกพลังไฟอันแข็งแกร่งระเบิดออกมา
ชายหนุ่มยื่นมือ ใช้ปราณจิตราดูดก้อนหินสีดำเกรียมในหลุมมาเล็กน้อย
เมื่อหินดำตกลงในมือ เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วคลึงเบาๆ พร้อมกับกระตุ้นปราณจิตราของตนเอง จนก้อนหินค่อยๆ กลายเป็นผุยผง
‘เป็นเทพมารอัคคีแห่งหัตถ์เทพมารปัญจธาตุ หรืออาจจะเป็นวรยุทธ์ที่บันทึกในคัมภีร์มารเผาตะวัน หรือเป็นปราณต่อสู้เผาปฐพี’ สมองของเยี่ยนจ้าวเกอทำงานอย่างรวดเร็ว ‘วรยุทธ์ธาตุไฟที่โดดเด่น ด้านในแฝงเจตจำนงทำลายล้างที่ไม่สนว่าเป็นสิ่งใด น่าจะเป็นเทพมารอัคคีแห่งหัตถ์เทพมารปัญจธาตุ’
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ซือคงจิงสุดท้ายยังได้เปรียบ ไล่ต้อนให้อีกฝ่ายใช้ท่ากระบวนท่าเช่นนี้ออกมา’
‘เพียงแต่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร’
ร่างของเขาลอยขึ้นเหนือเกาะ สายตามองผิวน้ำรอบๆ ‘น่าเสียดาย รอบๆ ล้วนเป็นทะเล ยากจะตัดสินว่าพวกนางออกจากเกาะด้วยเส้นทางใด’
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาถึงฟาดฝ่ามือข้างหนึ่งลง
เกาะเล็กเกาะน้อยเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง แตกร้าวจากศูนย์กลาง จากนั้นก็เริ่มจมลงสู่ทะเล
เยี่ยนจ้าวเกอหมุนตัวไปรอบๆ ต้องการดูว่าจะพบสิ่งอื่นหรือไม่ เพียงแต่ไม่ได้ผลลัพธ์อะไร
ชายหนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะไล่ตามไปยังทิศทางที่โอวหยางฉี อาหู่ และพ่านพ่านมุ่งไป
เขากางปีกเซียนกระเรียนด้านหลัง บินไปรวดเร็วดั่งพายุ
เมื่อผละจากวารีพิภพที่อยู่ในกาารควบคุมของเมืองทะเลมรกต มาถึงบนทะเลชั้นนอกทะเลเหนือ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ปกติสับสนและซับซ้อนขึ้น
ที่นี่ไม่ต้องพูดถึงความเป็นระเบียบ เพราะเป็นสวรรค์ของโจรเดนตาย
สถานะกับเบื้องหลังกลับไม่มีผลเมื่ออยู่ที่นี่ เนื่องจากศัตรูอาจจะกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับหลักการสุราวันนี้ขอเมาวันนี้ มีสุขหนึ่งวันเท่ากับหนึ่งปี
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สิ่งที่พึ่งพาได้มากที่สุดคือพลังของตนเอง
โชคดีที่ถึงแม้คนที่นี่จะไร้กฎหมาย แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วมีประสบการณ์เต็มเปี่ยม อีกทั้งยังสายตาดี จะไม่หาเรื่องคนที่ตนเองหาเรื่องไม่ได้
แต่ก็มีคนมีตาหามีแววไม่มาขวางหน้าเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน
ทว่าสุดท้ายคนผู้นั้นก็ปล้นไม่สำเร็จ กลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอปล้นแทน ก่อนจะถูกเชือดโยนให้ปลากิน
หลังจากสมทบกับอาหู่แล้ว อาหู่ก็เอ่ยขึ้น “คุณชาย ข้ารู้สึกว่าเจ้าหนุ่มนี่จงใจล่อให้เราวนเป็นวง”
“เช่นนั้นข้าก็สนใจกว่าเดิม” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ “ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ กลับพาเราอ้อมเป็นวง ไม่ให้เราตามหาศิษย์น้องซือคง เท่ากับเขารู้ดีว่าศิษย์น้องซือคงอยู่ที่ไหน จึงหลบเลี่ยงได้สำเร็จ”
………..