ครั้นได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงโม่หยางก็พยักหน้า “ท่านบอกมาได้เลย”
เยี่ยนจ้าวเกอในปัจจุบันสามารถเรียกกำลังพลจำนวนมากของเขากว่างเฉิงได้ มีอำนาจมากกว่าผู้อาวุโสระดับหนึ่งเสียอีก
ชายหนุ่มสั่งให้จัดการธุระ เฟิงฉือและบุตรชายย่อมมิอาจปฏิเสธ
เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายเป็นสหายที่คบหากันมานาน เยี่ยนจ้าวเกอจึงทำไม่ได้สั่งอย่างเป็นทางการ
“หลังจากอาจารย์ลุงเฟิงปรุงโอสถเสร็จแล้ว พวกเจ้าไม่ใช่ว่าจะกลับสำนักหรอกหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
เฟิงโม่หยางตอบ “นั่นย่อมแน่นอน เดินทางมานานถึงเพียงนี้ เก็บเกี่ยวได้มากมาย แต่ต้องจัดการให้เป็นระเบียบก่อน”
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองอาหู่ อีกฝ่ายส่งถุงย่อส่วนใบหนึ่งมาให้
“ตอนที่พวกเจ้ากลับสำนัก ให้นำถุงย่อส่วนใบนี้กลับไปด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอรับถุงย่อส่วนมาส่งให้เฟิงโม่หยาง “ด้านในมีคนผู้หนึ่งที่ข้าจับได้ ข้าผนึกพลังปราณของพวกเขาไว้แล้ว ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหว พวกเจ้านำกลับไปทั้งแบบนี้แล้วกัน”
เฟิงโม่หยางได้ยินดังนั้นก็มองถุงย่อส่วนแวบหนึ่ง เห็นปากถุงถูกผนึกที่สร้างขึ้นแบบพิเศษสะกดไว้
ถ้าหากเปิดโดยพลการ คงจะผนึกกลับไม่ได้อีก
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นการเคลื่อนไหวของเขา จึงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “มอบให้บิดาข้า”
เฟิงโม่หยางเข้าใจในทันที เรื่องนี้นับว่าเป็นความลับอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่เขากับเฟิงฉือผู้เป็นบิดาเลย ต่อให้เป็นผู้อาวุโสหรือคนระดับผู้นำก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน
ส่วนภายหลังความลับนี้จะอยู่ในระดับไหน ให้เยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ และเจ้าสำนักในปัจจุบันเป็นคนตัดสินใจ
เฟิงโม่หยางมีนิสัยใจเย็น เขาเพียงพยักหน้าอย่างสงบนิ่ง “ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”
ชายหนุ่มชี้ไปที่ซือคงจิง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โม่หยาง ยังจำศิษย์น้องผู้นี้ได้หรือไม่”
อีกฝ่ายยิ้มเล็กน้อย “ศิษย์น้องซือคง เหตุใดจะจำไม่ได้เล่า แต่ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าศิษย์น้องซือคงพัฒนาฝีมือขึ้นอย่างรวดเร็ว วันนี้ได้เห็นถึงรู้ว่าได้ยินมามิสู้พบหน้า ศิษย์น้องซือคงยอดเยี่ยมกว่าในข่าวลือนัก ทำให้ข้าละอายใจจริงๆ”
ซือคงจิงทำความเคารพเฟิงโม่หยาง “ศิษย์พี่เฟิงกล่าวเกินไปแล้ว”
“ท่านยิ่งมิต้องพูดถึง” เฟิงโม่หยางมองเยี่ยนจ้าวเกอ พลางส่ายศีรษะ
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองซือคงจิง ชี้ที่เฟิงโม่หยาง เอ่ยว่า “อย่าถูกเขาหลอกเชียว เพราะเขาไม่ได้ใช้ความสามารถไปกับการฝึกวรยุทธ์”
ซือคงจิงมีใจฝักใฝ่ในด้านวรยุทธ์ จึงให้ความสนใจกับพรสวรรค์และพลังฝึกปรือในด้านวรยุทธ์อย่างยิ่ง ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเท่าไรนัก
นางเคยเจอเฟิงโม่หยางมาก่อน แต่ว่าตามที่นางทราบ พรสวรรค์ในด้านวรยุทธ์ของคนผู้นี้ด้อยกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟย และลู่เวิ่น
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อว่า “ในหมู่ลูกศิษย์ร่วมสำนัก โม่หยางมีฝีมือในด้านการปรุงโอสถโดดเด่นที่สุด สำหรับเรื่องนี้ เหล่าผู้อาวุโสในสำนักสู้เขาไม่ได้ด้วยซ้ำ”
คำพูดนี้ความจริงต้องเว้นตัวเยี่ยนจ้าวเกอสักคน แต่สถานการณ์ของเขาพิเศษกว่า จึงไม่ต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษ
ผู้ถูกกล่าวถึงยิ้มเล็กน้อย “ข้าเข้าใจแค่เปลือกเท่านั้นเอง”
เนื่องจากความสามารถอันเลิศล้ำในหลายปีมานี้ของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นเหตุ ซือคงจิงแม้จะยืนหยัดในแนวทางของตนเอง แต่ก็ไม่ได้มองข้ามความรู้ด้านอื่นๆ เหมือนเช่นในอดีต
ระดับวิชาการปรุงโอสถ สำหรับขุมกำลังหนึ่ง เป็นฐานหินที่สำคัญยิ่ง
เมื่อเปรียบเทียบจอมยุทธ์ผู้ฝึกวรยุทธ์ กับผู้เรียนวิชาปรุงโอสถหลังจากอยู่ในระดับชั้นที่ค่อนข้างสูงแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างสำคัญทั้งสิ้น คนหนึ่งสนับสนุนพลังต่อสู้หลักของสำนัก อีกคนเพิ่มพลังและศักยภาพโดยรวมของสำนักทางอ้อม
เฟิงโม่หยางมองซือคงจิง “ก่อนหน้านี้ศิษย์น้องซือคงต่อสู้มา ได้รับบาดเจ็บหรือ”
ซือคงจิงพยักหน้า ก่อนจะปล่อยให้เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “ก่อนหน้านี้นางสู้กับคนผู้หนึ่งมา ได้รับบาดเจ็บ ข้าจัดการไปแล้วเล็กน้อย อาการบาดเจ็บบรรเทาลง แต่ถ้าจะรักษาที่ต้นเหตุ ก็จำเป็นต้องรักษาให้ดี ในเมืองทะเลมรกตวัตถุดิบโอสถทั้งหลายหาได้ง่าย ข้าหมายจะปรุงโอสถให้นางอยู่พอดี”
ครั้งนี้เฟิงโม่หยางตื่นเต้นขึ้นมา “โอ้ ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าศิษย์พี่เยี่ยนท่านนำวิชาเข็มทองผ่านโอสถกลับมาใหม่ ข้าอยากจะให้ท่านช่วยชี้แนะอยู่พอดี”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวยิ้มๆ “รวบรวมวัตถุดิบให้ครบก็ลงมือได้”
หลังจากทุกคนทักทายจอมยุทธ์แห่งเมืองทะเลมรกตแล้ว ก็ออกจากเมืองชั้นในมายังเมืองชั้นนอก มุ่งหน้าไปยังเขตการค้า
“ศิษพี่เยี่ยน ต้องหาโอสถอันใดให้เมืองทะเลมรกตช่วยจัดเตรียมให้ก็พอไม่ใช่หรือ ราคายุติธรรมกว่าในเขตการค้ามาก” เฟิงโม่หยางเดินไปพลาง กล่าวถามด้วยความประหลาดใจไปพลาง “คลังในเมืองสมควรมีทรัพยากรครบถ้วนมากกว่าในเขตการค้าเสียอีก”
ชายหนุ่มหัวเราะ “นอกจากวัตถุดิบโอสถแล้ว ข้ายังต้องการของสิ่งอื่นอีก”
เหมือนเช่นก่อนหน้า เวลาเยี่ยนจ้าวเกอหาสิ่งของ นอกจากเป้าหมายที่ตนเองกำหนดไว้ ยังมีของอย่างอื่นอยู่ด้วย เพื่อใช้ตบตาผู้อื่น
นอกจากวัตถุดิบยา ของสิ่งอื่นล้วนซื้อเฉลี่ยกัน
เยี่ยนจ้าวเกอปรุงยาให้ซือคงจิงก่อน ส่วนเฟิงโม่หยางยืนดูเงียบๆ อยู่ด้านข้าง
“ม่อหยาง เจ้าเมืองซ่งแห่งเมืองทะเลมรกตเข้าฌานมากี่วันแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอปรุงยาพลางสนทนาเรื่อยเปื่อยกับเฟิงโม่หยาง
อีกฝ่ายครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ก่อนที่ข้ากับบิดาจะมาถึง เจ้าเมืองซ่งก็เข้าฌานแล้ว อย่างน้อยน่าจะก่อนวันนี้มากกว่ายี่สิบวัน”
หลังจากคิดอย่างละเอียด เขาก็กระซิบว่า “ไม่รู้ว่าข้าเข้าใจผิดไปเองหรือไม่ แต่ข้าว่ากระแสน้ำขึ้นน้ำลงของทะเลใกล้ๆ เกาะมังกรตะวันออกคล้ายมีการเปลี่ยนแปลง”
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับนึกถึงอะไรบางอย่าง “กระแสน้ำขึ้นน้ำลงมีการเปลี่ยนแปลง”
“ข้าไม่แน่ใจ เพราะไม่ค่อยคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่นัก เพียงแต่มีความรู้สึกเช่นนี้เท่านั้น” เฟิงโม่หยางตอบ
ชายหนุ่มคิดครู่หนึ่ง แล้วยิ้มมุมปาก “ไม่ โม่หยาง ความรู้สึกเจ้ามีความเป็นไปได้ว่าจะถูกต้อง”
ใบหน้าของเฟิงโม่หยางปรากฏแววครุ่นคิด เขาพยักหน้ารับ ทว่าไม่ได้ถามต่อ
หลังจากปรุงยาให้ซือคงจิงรับประทานเสร็จ นางก็นั่งทำสมาธิต่อ
เฟิงโม่หยางกับเยี่ยนจ้าวเกอพูดคุยถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาสักพัก ก่อนจะบอกลาและแยกย้ายกันไป
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิในห้องพัก พลันเกิดความคิดมากมาย
ความคิดเหล่านั้นล้วนเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมในหมู่จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ของโลกแปดพิภพ รวมทั้งเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่นและปราชญ์ภาพวาด
เกี่ยวกับซือคงจิง โอวหยางฉี ฉางหนิง
เกี่ยวกับนพยมโลกที่ถูกถอดเขี้ยวเล็บ ต้องหลบซ่อนอีกครั้ง
และเกี่ยวกับเส้นทางมุ่งหน้าไปยังโลกปีศาจอัคคี ที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกในตอนนี้ รวมถึงปีศาจอัคคีที่อยู่ในนั้น
ครู่ต่อมา ความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอหยุดลง เขารวบรวมสมาธิอยู่กับเรื่องของปีศาจอัคคี
เขาหยิบถุงย่อส่วนใบหนึ่งออกมาจากในอก ก่อนจะเปิดมันออก ควานหาของข้างใน สุดท้ายผลึกสีแดงกองหนึ่งก็อยู่ในฝ่ามือ
ผลึกสีแดงเหล่านี้เหมือนสร้างขึ้นจากเลือด แผ่กระจายกระแสความเย็นออกมาเป็นระลอก
เยี่ยนจ้าวเกอหยิบออกมาเม็ดหนึ่ง ใช้นิ้วเคาะเบาๆ จากนั้นก็หยิบของชิ้นอื่นออกมาเขย่าไปมา
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เยี่ยนจ้าวเกออาศัยอยู่ในเมืองทะเลมรกตอย่างราบรื่น ปกติถ้าไม่ฝึกฝนวรยุทธ์ของตนเอง ก็ทำการทดลองหลายอย่าง
วันหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอออกจากที่พักมาเดินเล่นในเมืองอย่างสบายอารมณ์ พลันเห็นคนผู้หนึ่งมุ่งไปยังด้านนอกเมืองอย่างเร่งรีบ
เมื่อมองให้ละเอียด กลับพบว่าเป็นคนรู้จัก เป็นลูกศิษย์ของเมืองทะเลมรกต หลี่จิ้งหว่าน
เพียงแต่ดวงตาของหลี่จิ้งหว่านในตอนนี้ปรากฏความกระวนกระวายอยู่บ้าง
………….