เยี่ยนจ้าวเกอคร้านจะสนใจโหวเสียงจริงๆ เขาส่ายหน้าด้วยความรู้สึกว่าน่าขันอยู่บ้าง “มงกุฎจันทราตกไปอยู่ในมือของสำนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันแล้วอย่างไร การที่เขาไร้พรมแดนของเจ้าจะไม่ช่วยเหลือทั้งสองฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่หากช่วยสำนักศักดิ์สิทธิ์สุริยัน เช่นนั้นก็คงสมองมีปัญหาแล้ว หากจะคล้อยตามผู้อื่นก็จงใช้วิธีต่างจากเดิม ไม่เช่นนั้นหากคนของเขาไร้พรมแดนมองโลกในจุดนี้เยี่ยงเจ้า เช่นนั้นก็คงถือไม่มีทางโดดเด่นเหนือผู้ใดได้ตลอดกาล”
ไม่นานนักซือคงจิงก็ประมือกับโหวเสียงแทนจิ่งอวิ๋นจือ จ้าวหมิงพลันถอนหายใจเล็กน้อยทันที
ขณะที่ในใจของเขารู้สึกกังวล ก็ได้รับความช่วยเหลือจากเฟิงอวิ๋นเซิง เก็บกวาดสิ่งรบกวนรอบกาย จากนั้นก็พุ่งไปทางคู่ต่อสู้ของตนราวกับเสือที่กระโจนลงจากภูเขาในฉับพลัน
เยี่ยนจ้าวเกอดับเพลิงไปพลาง สายตาก็กวาดมองคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งไปพลาง
พอมองไปรอบหนึ่ง จุดสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็ตกไปอยู่ที่ร่างของเด็กชายที่จ้าวหมิงปกป้องก่อนหน้านี้
เขาอายุเพียงแค่สิบปีต้นๆ เท่านั้น มองดูแล้วค่อนข้างทึ่มอยู่บ้าง เหมือนกับสติปัญญาไม่สมบูรณ์นัก ขณะนี้เขาคุกเข่าอยู่ข้างกายชายคนหนึ่ง โดยกำลังเขย่าแขนของชายคนนั้นอยู่ “ท่านพ่อๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย เพียงแค่กวาดสายตามองแวบเดียว เขาก็รู้แล้วว่าบุรุษบนพื้นดินนั้นสิ้นลมหายใจไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นไม่สนใจตนเอง เด็กชายก็ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเดินไปอีกด้านหนึ่ง ราวกับมองไม่เห็นประกายดาบที่อยู่ใกล้ๆ
พอเขาเดินมาถึงข้างกายของสตรีผู้หนึ่ง เขาก็เขย่าแขนของนางเช่นกัน “ท่านแมๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอถอนหายใจเงียบๆ
เด็กคนนี้เป็นเด็กกำพร้าเสียแล้ว…
เด็กชายมองไปรอบทิศอย่างฉงนสนเท่ห์ ภายในดวงตายังคงเปี่ยมไปด้วยความงงงวย คล้ายกับไม่เข้าใจว่าเหตุใดบิดามารดาของตนถึงได้ไม่สนใจเขา
ซือคงจิงเข้าแทนที่จิ่งอวิ๋นจือแล้ว นางจึงเดินเข้าไปหาเด็กชาย ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสงสาร และเมื่อมองศพอื่นบนพื้น ดวงตาทั้งสองข้างก็ปรากฎเพลิงโทสะจำนวนมากออกมาอีกครั้ง
นอกจากครอบครัวของเด็กชายแล้ว คนที่ตายคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้คุมงานของพรรคสายรุ้งสีชาดที่อยู่ในไร่สมุนไพรวิญญาณแห่งนี้
จิ่งอวิ๋นจือร้องตะโกนเสียงดัง แล้วเข้าไปร่วมกลุ่มสู้รบทางฝั่งจ้าวหมิง ร่วมสังหารทำลายล้างยอดฝีมือพรรคโลหะเอกกับเฟิงอวิ๋นเซิง
ชายวัยกลางคนระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางผู้นั้น ก็คือประมุขพรรคโบหะเอก ผู้ซึ่งแรกเริ่มหาเรื่องเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
บัดนี้เมื่อประจันหน้ากับจ้าวหมิง ศิษย์สืบทอดเขากว่างเฉิง แม้ว่าระดับวรยุทธ์จะเท่ากัน ทว่ากลับประสบกับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
เขาร้องตะโกนหาโหวเสียงว่า ”ช่วย…”
ทว่าเขายังกล่าวไม่ทันจบ จ้าวหมิงก็แทงกระบี่ลงมาเสียแล้ว!
ทันใดนั้นเอง เสียงแค่นหัวเราะก็ดังมา “สังหารคนในเขตเขาไร้พรมแดนของข้าหรือ”
ปราณจิตราที่แข็งแกร่งสายหนึ่งข้ามท้องฟ้ามาถึง ประดุจกับขวานยักษ์เจาะภูเขาด้ามหนึ่ง จามไปที่จ้าวหมิง!
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ทว่าขวานด้ามนี้ที่จามมา กลับเป็นสิ่งที่จ้าวหมิงไม่อาจต้านได้ เมื่อปะทะเข้ามาแล้ว ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส!
สีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอไม่เปลี่ยนแปลงไป เขาใช้นิ้วแทนกระบี่ แทงกระบี่หนึ่งออกไป
ปราณจิตราเจ็ดสายหลอมรวมจนกลายเป็นกระบี่ เหมือนเช่นการรวมตัวกันของเจ็ดดารา สกัดกั้นขวานยักษ์ที่เต็มไปด้วยปราณจิตรานั้นเอาไว้
ปราณกระบี่เจ็ดสายใช้ความหนักเบา เร็วช้าที่ไม่เหมือนกัน แยกกันพุ่งเข้าที่ขวานยักษ์ปราณจิตรา ทว่าไม่ทำลายล้างมัน กลับโจมตีมันจนทิศทางเสเอียง
จ้าวหมิงเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็ไม่ยั้งมือ ส่งกระบี่หนึ่งแทงทรวงอกประมุขพรรคเถี่ยหยวนผู้นั้นจนทะลุ
ชายวัยกลางเบิกตาโพลงทั้งสองข้าง แล้วล้มลงกับพื้น
ภาพสุดท้ายในสายตาของเขาคือ หญิงคนหนึ่งที่ตายด้วยน้ำมือของเขา ซึ่งบัดนี้ก็นอนคว่ำอยู่บนพื้น ทั้งยังตายตาไม่หลับ กับเด็กชายซื่อๆ ไร้เดียงสาที่อยู่ข้างหญิงสาวผู้นั้น
นาทีถัดมา เบื้องหน้าของชายวัยกลางคนก็ดำสนิท ก่อนจะหายใจเฮือกสุดท้ายออกมา
เฟิงอวิ๋นเซิง จ้าวหมิง และจิ่งอวิ๋นจือกวาดล้างศัตรูที่อยู่ในที่แห่งนั้น แล้วจึงมารวมตัวกันที่ข้างกายของเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “ข้ามาช้าไปแล้ว ศิษย์น้องจิ่ง โปรดอย่าเศร้าเสียใจไป ส่วนศิษย์น้องจ้าว หลังจากนี้พวกเราค่อยว่ากัน”
จ้าวหมิงผงกศีรษะอย่างระมัดระวัง สายตาทอดมองไปไกล
ทิศนั้นเป็นทิศที่ขวานยักษ์ปราณจิตราจู่โจมมาเมื่อครู่ อีกทั้งมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งรีบเร่งลงมาจากเขาอีกด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอทอดสายตามองออกไป เหนือศีรษะของผู้นำกลุ่มมีรัศมีแสงปรากฏวับวาบสู่ท้องฟ้า ไม่ปิดบังอำพรางใดๆ ซึ่งนั่นก็คือปรมาจารย์เคียงนภาท่านหนึ่ง
อีกฝ่ายดูไปแล้วอายุยี่สิบห้าถึงยี่สิบเจ็ดปี หน้าตาสุขุมเยือกเย็น รูปร่างสูงใหญ่ เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งตัว บนหน้าอกปักรูปยอดเขาหนึ่งเอาไว้ ซึ่งก็คือการแต่งกายของศิษย์สืบทอดหลักของเขาไร้พรมแดน
ชายหนุ่มมองเขาอย่างสงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และจำอีกฝ่ายได้ทันที
จี้ฮั่นหรู หนึ่งในผู้นำรุ่นเยาว์แห่งเขาไร้พรมแดนจากจำนวนหยิบมือ นับได้ว่าอยู่รุ่นราวคราวเดียวกับลู่เวิ่นและเซียวเซิง ทว่าอายุมากกว่าทั้งสองคนเล็กน้อย
ในโลกแปดพิภพ ‘ท่านภูผาน้อย’ นามของจี้ฮั่นหรูเลื่องลือประดุจเสียงฟ้าผ่าเข้าโสตประสาท หลายปีก่อนเขาสู้รบกับคุณชายฟ้าคำรน ผู้สืบทอดของตำหนักอัสนีสวรรค์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอัศนีพิภพ
คุณชายฟ้าคำรนเป็นบุตรชายคนเดียวของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ ถูกขนานนามว่าเป็นสี่คุณชายแห่งยุคเช่นเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอ คุณชายกว่างเฉิง และหวงเจี๋ย คุณชายจรัสแสง
ในอดีต จี้ฮั่นหรูต่อสู้กับเขาจนตีเสมอ สร้างตำแหน่งยอดฝีมือระดับสุดยอดในรุ่นเยาว์ของตนได้อย่างมั่งคง
ตอนที่เพิ่งถึงเขานิมิตเมฆก่อนหน้านี้ เยี่ยนจ้าวเกอพบหน้าเขามาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง และรู้ว่าปัจจุบันเขามายังภูผานิมิตเมฆเพื่อหาประสบการณ์ บัดนี้เขาอยู่บนเขานิมิตเมฆพอดี
จี้ฮั่นหรูมองเยี่ยนจ้าวเกอ พลางกล่าวอย่างเยียบเย็นว่า “สังหารคนที่เขานิมิตเมฆ นี่เป็นวิถีการเป็นแขกของเขากว่างเฉิงของเจ้าหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เป็นสัญญาณให้ฮั่นจี้หรูมองไปยังโหวเสียงที่ยังประมือกับซือคงจิง “พรรคสายรุ้งสีชาดเป็นพรรคในนภาพิภพของข้า ศิษย์น้องจิ่งเป็นศิษย์สำนักข้า พวกเขาเช่าไร่สมุนไพรเพาะปลูกในเขาไร้พรมแดนของเจ้า แต่ไหนแต่ไรก็ส่งเงินสบทบและสิ่งของให้พวกเจ้าไม่เคยขาด”
“สำนักข้ามาเยือน ศิษย์เขาไร้พรมแดนของเจ้าก็ให้ท้ายปล่อยให้คนเผาไร่สมุนไพรแห่งนี้ นี่เป็นวิถีต้อนรับแขกของเขาไร้พรมแดนของเจ้าอย่างนั้นหรือ”
ภายในสำนักเขาไร้พรมแดน มีความเห็นต่างเรื่องท่าทีที่มีต่อเขากว่างเฉิงอย่างใหญ่หลวง
ทว่าเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้ จี้ฮั่นหรูก็จัดว่าเป็นกลุ่มหนึ่งท่ามกลางรุ่นเยาว์ ที่ไม่ได้รู้สึกดีกับเขากว่างเฉิงนัก
ดังนั้นสำหรับจี้ฮั่นหรู เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้มีหน้ามีตาอะไรนักเช่นเดียวกัน
เยี่ยนจ้าวเกอมองฮั่นจี้หรูด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “หรือเจ้าจะบอกว่าพวกเจ้าตั้งใจ”
จี้ฮั่นหรูกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อทำอะไร แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เจ้าจะกำเริบเสิบสาน เหตุผลร้อยแปดพันเก้าของเจ้าล้วนเปลี่ยนความจริงข้อหนึ่งไม่ได้ ว่าที่นี่คือเขานิมิตเมฆ เป็นพื้นที่ของเขาไร้พรมแดนของข้า”
“แม้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม สำนักข้ามีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง จะอาศัยกฎเกณฑ์จัดการ คนเขากว่างเฉิงของเจ้าข้ามหน้าข้ามตาทำเกินหน้าที่ ทั้งยังสังหารคนในพื้นที่ คิดว่าเขาไร้พรมแดนของข้าไม่มีตัวตนอยู่อย่างนั้นหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเย้ยหยัน “เมื่อครู่ตอนที่ต้องการให้พวกเจ้าปรากฏตัวจริงๆ พวกเจ้ากลับไม่อยู่”
ปราณจิตราทั่วร่างกายของจี้ฮั่นหรูพรั่งพรู เขาก้าวอาดๆ มาข้างหน้าทีละก้าว จอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนด้านหลังเขาก็มีการเคลื่อนแบบเดียวกัน
“เรื่องทั้งหมดคือลงมือสังหารคน มีหนึ่งนับหนึ่ง ยอมให้ข้าทั้งหมดเสีย ข้าจะส่งให้ท่านผู้อาวุโสจัดการ ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอ ข้าไม่มีกะจิตกะใจจะมาต่อปากต่อคำกับเจ้าหรอกนะ ช่วงนี้ชื่อเสียงของเจ้าเลื่องลือนัก แต่กลับไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมีทักษะและความรู้จริงๆ อยู่กี่ส่วน”
“ข้า จี้ฮั่นหรู แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเชื่อข่าวลือ ข้าเชื่อเพียงแค่ดวงตาและหมัดของข้าเองเท่านั้น!”
ขณะที่กล่าว หมัดหนึ่งของเขาก็ต่อยออกมา พลังหมัดหนาหนักประหนึ่งภูเขา!
เยี่ยนจ้าวเกอไม่แม้แต่จะมอง ปล่อยฝ่ามือหนึ่งออกไปต้านรับ
ฝ่ามือหนึ่งโจมตีออกไป ราวกับพยัคฆ์คำรน มังกรคำราม!
ปราณจิตราประหนึ่งเปลวเพลิงหลอมรวมกันอยู่บนฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ ปะทะกับพลังหมัดของฮั่นจี้หรูตรงๆ อย่างรุนแรง
ฮั่นจี้หรูยิ้มเย็น “จะพุ่งชนกับข้าหรือ”
ในบรรดาหกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ จอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนขึ้นชื่อในด้านพลังอันหนักหน่วง!
พลังหมัดที่หนาหนักประหนึ่งภูเขา แรงอันมหาศาล ต้องการจะทำลายล้างฝ่ามือดุสิตของเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่าเมื่อชายหนุ่มสะบัดข้อมือครั้งหนึ่ง พลังของเขาก็พลันพุ่งสูงขึ้น ชั่วพริบตาเดียวก็ระเบิดออกมา!
“เจรจากันไม่ได้ เช่นนั้นก็ต่อสู้กันเสียเถอะ พุ่งชนกับเจ้าแล้วอย่างไร”
ฝ่ามือดุสิตหลอมรวมกับแก่นหมัดอสูรวานรจอมพลัง!
พลังอันน่าตื่นตระหนกที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้น ส่งเสียงดังสะท้านไปทั่วแผ่นดิน!
พลังหมัดประดุจภูเขาหยุดชะงักในชั่วพริบตา ก่อนจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แล้วเกิดระเบิดจนแผ่นดินสั่นภูเขาไหว!
…………..
Related