ผู้อาวุโสหลี่รู้สึกว่าความรู้สึกนึกคิดของตนก็กำลังเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าหยุดนิ่ง ทว่าเมื่อมองดูชายวัยกลางคนผู้นั้นค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างไป ในสมองเขายังคงผุดความคิดหนึ่งออกมาฉับพลัน “หยกเลียนสังหาร!”
ของวิเศษหยกเลียนสังหาร อาวุธใช้ครั้งเดียวแล้วหมดไป ปัจจุบันมีอยู่น้อยมากถึงที่สุด ไม่ปรากฏบนโลกหล้ามานานหลายปี โดยทั่วไปอนุมานได้ว่าสาบสูญไปแล้ว
หลังจากสังหารเป้าหมายใดๆ ก็ตามแล้ว ผู้ใช้งานสามารถใช้ปราณจิตราจากร่างกายตน จำลองรูปร่างของเป้าหมายที่ถูกสังหารได้ภายในระยะเวลาหนึ่ง
ชายวัยกลางคนไม่ใช่ผู้สืบทอดสำนักเขากว่างเฉิงแต่อย่างใด ทว่าเป็นผู้ทรงความสามารถที่ผู้อาวุโสหลี่เสาะหารวบรวมมาจากภายนอก ตามติดเขามานานแรมปีแล้ว ซื่อสัตย์จงรักภักดีเสมอมา ถึงขั้นยังเคยช่วยชีวิตเขามาก่อน
กระนั้นในวันนี้ อีกฝ่ายกลับเผยคมเขี้ยวออกมา แทงปลิดชีพเขา!
สิ่งที่ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสหลี่หวาดหวั่นก็คือ ความหมายในคำพูดของอีกฝ่าย เห็นชัดว่ามีแผนร้ายยิ่งกว่านี้
คนผู้นี้ใช้หยกเลียนสังหารปลิดชีวิตตน สามารถสวมรอยเป็นตนได้ แม้กระทั่งการกำหนดลมหายใจขับพิษปราณภายในร่างกายในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ ขอเพียงแค่ไม่ลงมือต่อสู้ ยิ่งจอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่นๆ ก็ยากจะแยกออก
“เหยา… ซาน…” ผู้อาวุโสหลี่คิดจะตะโกนเสียงดัง แต่กลับพบว่าแม้แต่เสียงเล็กน้อยก็ไม่เล็ดลอดออกมา
พลังฝึกปรือคนตรงหน้า เหนือชั้นกว่าในภาพจำกาลก่อนของเขาอย่างมาก!
เขาทำได้เพียงมองดูอีกฝ่าย เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นตนเองทีละนิด ดูจากภายนอกแล้วคล้ายคลึงอย่างยิ่ง
เหยาซานที่แปรเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของผู้อาวุโสหลี่แล้ว บัดนี้เขายิ้มน้อยๆ “โปรดวางใจเถิด ข้าอยู่ตามท่านมานานเช่นนี้แล้ว ความเคยชิน ท่าทาง การเคลื่อนไหว น้ำเสียง และท่วงทำนองการพูดของท่าน ข้าเรียนรู้ได้เก้าส่วนแล้ว คนอื่นมองไม่เห็นพิรุธเป็นแน่”
“ส่วนจะบอกว่าข้าหายสาญสูญไปได้เช่นไร…” ขณะเหยาซานกล่าวไปพลาง ก็หยิบถุงย่อส่วนออกมาใบหนึ่ง
เมื่อเปิดถุงย่อส่วนออก เงาร่างของคนผู้หนึ่งก็กระโดดออกมา ผู้อาวุโสหลี่เบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าเบื้องหน้าปรากฏเหยาซานอีกคนหนึ่ง
“แต่นี่ไม่ใช่หยกเลียนสังหารแล้ว นี่เป็นสหายของข้า กลายเป็นรูปลักษณของข้าได้อย่างง่ายดาย นิสัยของข้า เขาก็คุ้นเคยยิ่ง ไม่เผยพิรุธออกมาเป็นแน่” เหยาซานยิ้มกล่าว
“ยิ่งไปกว่านั้น เทียบกับท่านแล้ว ข้าไม่ทำตัวสะดุดตามากนัก ขอเพียงแค่อย่าได้หายตัวไปโดยไร้เหตุไร้ผล หรือจงใจทำให้ผู้คนสนใจ คนรอบกายไม่มีผู้ใดสนใจข้าเป็นแน่”
“เสียงที่ข้าสังหารท่านนั้นเบาอย่างมาก แม้ว่าจะมีปราณจิตราไหวกระเพื่อม แต่นี่ก็ปกติยิ่ง สัตว์วิเศษที่พวกข้าขับไล่อยู่ในทะเลทราย คงจะลงมือไม่น้อย”
ผู้อาวุโสหลี่ยังคงเบิกตากว้าง กระนั้นชะตาชีวิตก็ได้ปลีกออกไปจากเขาแล้ว
เหยาซานอมยิ้ม “ข้ามีความสุขยิ่งที่ได้คบค้ากับท่านในอดีต ท่านไปดีเถิด”
สิ้นเสียงกล่าว เหยาซานค่อยจัดระเบียบสิ่งของบนร่างผู้อาวุโสหลี่ ย้ายมาบนร่างตน แล้วจึงนำศพของผู้อาวุโสหลี่เก็บเข้าไปในถุงย่อส่วน
เมื่อเก็บกระเป๋าย่อส่วนแล้ว เหยาซานก็ปัดฝุ่นแขนเสื้อ ยิ้มพลางสบตาสหายที่รูปร่างหน้ากลายเป็นรูปลักษณ์ของตนข้างกาย
ทั้งสอง คนหนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกคนหนึ่งอยู่ด้านหลัง เหมือนกับผู้อาวุโสหลี่กับเหยาซานย่างเท้าเดินต่อไปจริงๆ ประหนึ่งกับเรื่องทั้งปวงล้วนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
…
ด้านหน้าเสาหิน เยี่ยนจ้าวเกอยืนเอาไพล่มือหลังไว้ ดูลวดลายบนเสาหินอย่างตั้งใจ “ข้ามองไม่ผิด เป็นเสาทางเดินของวังเทพในอดีตอย่างที่คิด ภายหลังแตกหักตกอยู่ตรงนี้”
ขณะมองเสาหินที่แตกหักเสียหาย ชายหนุ่มก็จมดิ่งสู่ห้วงความคิด ‘ร่องรอยที่แตกหักนี้ไม่ธรรมดาเลย เกรงว่าคงไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นน้ำมือมนุษย์…’
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ‘ถ้าหากเป็นน้ำมือมนุษย์จริงๆ แล้วใครกันที่ก่อเกิดทั้งหมดมวลนี้เล่า?’
‘วังเทพที่แข็งแกร่งขนาดนั้นยังดับสูญ ทั่วฟ้าดินประสบหายนะ เปลี่ยนไปจนแทบจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน คนที่ทำได้อย่างถึงขนาดทั้งหมดนี้…’
ถึงแม้ว่าจะเลือนรางไม่จริงแท้อยู่บ้าง อาจจะห่างไกลจากตนเองในตอนนี้ยิ่งยวด
ทว่าเขาก็ยังคงรู้สึกถึงเงามืดที่แผ่คลุมอยู่ในใจชั้นหนึ่ง ประหนึ่งเขาสูงกดทับจากด้านบนก็ไม่ปาน
แรงกดดันนี้ บางทีก็อาจจะไม่พอให้สังเกตเห็นโดยตรง แต่กลับมากมายเสียยิ่งกว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับหวงกวงเลี่ยอีก
สถานการณ์ของโลกแปดพิภพในปัจจุบันยังคานสมดุลได้ เดินหมากได้ ไล่ตามได้ ต่อต้านได้ และรบชนะได้
ทว่าการล่มสลายของฟ้าดินนั้น ประดุจพลังภัยพิบัติดับสูญโลกหล้า ถ้าหากบังเกิดขึ้นอีกครั้ง จะผ่านไปให้ได้อีกได้อย่างไร?
บางทีชั่วชีวิตเยี่ยนจ้าวเกอนี้ มหันตภัยเช่นนั้นคงไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกหน ทว่าก็อาจจะบังเกิดอีกครั้งในวันพรุ่ง?
เยี่ยนจ้าวเกอปิดเปลือกตา หลังจากนั้นเนิ่นนานถึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาเปี่ยมด้วยความสงบเงียบแล้ว
“หนทางหมื่นลี้เริ่มต้นจากก้าวแรก” เยี่ยนจ้าวเกอกระซิบกระซาบ ยื่นฝ่ามือตนเองออกมา ประทับลงไปบนเสาทางเดินวังเทพที่แตกหักอยู่เบื้องหน้า
ปราณจิตราของเขาเจาะเข้าสู่เสาทางเดินวังเทพ บนเสาหินที่แตกหักท่อนนั้นพลันมีริ้วแสงส่องสว่างขึ้นมามากมาย ขยายไปตามริ้วลายบนพื้นผิวเสาหิน
ทว่าเมื่อไปถึงรอยแยก ริ้วแสงก็ขาดออกทันที ทั้งยังเริ่มสลายหายไป กลายเป็นฝุ่นกระทบแสงน้อยนิด ปลิวไสวอยู่ในอากาศ
ทว่าเมื่อเป็นไปเช่นนี้แล้ว คลื่นไร้รูปร่างแต่ละลูกก็ขยายออกไปทั่วสารทิศเป็นวงกว้าง โดยมีเสาหินเป็นศูนย์กลาง ไล่พายุทรายจำนวนมากให้กระจายหายไป
ชายหนุ่มมองบริเวณรอยแตกของเสาหิน อดไม่ได้ที่จะมุ่นคิ้วเล็กน้อย
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็กรอกปราณจิตราจากกายตนเข้าไปอีกครั้ง พาให้ริ้วแสงบนเสาหินทอแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง
ตอนที่ริ้วแสงขยายไปถึงบริเวณแตกหักอีกครั้ง ลำแสงโชติช่วงพลันเปลี่ยนเป็นยิ่งส่องสว่างจ้าตามากขึ้น และก็ยิ่งหลอมรวมเป็นรูปธรรมมากขึ้นเช่นกัน
แสงสว่างอันไร้รูปร่างไร้แก่นสาร ราวกับเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่มีรูปร่างในชั่วขณะนี้เอง ด้วยความเร็วที่เชื่องช้าแต่กลับมั่นคง ไม่พึ่งพิงอยู่บนเสาหินอีกต่อไป แต่ขยายยื่นต่อเนื่องไปในอากาศ
ริ้วแสงที่แฝงไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์อันไร้ที่สิ้นสุด คล้ายกับพันรอบเสาหินที่สมบูรณ์ เวียนวนร้อยเข้าด้วยกันต่อเนื่อง อยู่ในอากาศเช่นนี้ต่อไป
ยิ่งริ้วแสงเคลื่อนที่ไหลเวียนพันรอบไปบนเสาหินอันไร้รูปร่างที่ไม่มีอยู่จริง มันก็ยิ่งดูสมบูรณ์มากขึ้น พลังชีวิตที่ล้นทะลักอยู่ภายใน ก็ยิ่งทรงพลังมหาศาลมากเท่านั้นเช่นกัน สั่นสะเทือนความว่างเปล่าโดยรอบไม่หยุดยั้ง
ท่วงทำนองพลังอันลี้ลับลึกซึ้ง มาจากภายในเสาหินที่แตกหักไปแต่ไหนแต่ไรแล้วเสานั้น เริ่มค่อยๆ มีแนวโน้มจะสมบูรณ์ขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้คนยากจะคาดเดา อีกทั้งความคิดกลับไหววูบอีกด้วย
สีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอใจจดใจจ่อ กลับจะหลับตาเสียด้วยซ้ำไป
ในสมองของชายหนุ่มค่อยๆ ผุดการมีอยู่ของสิ่งที่ฝังซ่อนอยู่ส่วนลึกในความทรงจำนั่นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง วังเทพสูงตระหง่าน ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นเก้า
เสาหินที่ฝังอยู่ในทะเลทราย เริ่มสั่นคลอนขึ้นมาฉับพลัน
ลวดลายวิญญาณทุกสาย ยื่นขยายออกไปไกล ตามการสั่นสะเทือนของเสาหิน โดยที่มีเสาหินเป็นศูนย์กลาง แยกเขี้ยวยิงฟัน แผ่พลังออกมาอย่างบ้าระห่ำ
เนินทรายใกล้ๆ โดยรอบ ต่างก็เริ่มผันแปรขึ้นๆ ลงๆ อย่างดุเดือด ทะเลทรายคล้ายกับกลายเป็นมหาสมุทรในชั่วขณะนี้ ลมโหมพัดบ้าคลั่งทำลายล้างตามอำเภอใจ กระแสคลื่นกระหน่ำเป็นระลอกๆ
อาหู่กับเฟิงอวิ๋นเซิงอยู่ข้างๆ ต่างก็มองดูภาพฉากนี้ด้วยสีหน้าท่าทางหนักแน่นจริงจัง พยายามหยัดยืนร่างกายของตนไว้
ส่วนสีหน้าท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงเหมือนเช่นเคย หลังจากนั้นครู่ใหญ่ จึงพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาคำหนึ่ง แล้วหยุดกรอกปราณจิตราของตนเข้าสู่เสาหิน
จนในที่สุดทะเลทรายที่ผันผวนกระเพื่อม ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมใหม่อีกครั้ง ทว่าบนพื้นดิน ดูเหมือนว่าริ้วแสงหลากสายที่ประหนึ่งกับรอยแยกของร่องน้ำตามภูเขาก็ไม่ปาน ยังคงขยายยื่นไปทั่วสารทิศ
ริ้วแสงบนเสาหินส่องสว่างขึ้น ลายริ้วลำแสงที่ควบแน่นอยู่กลางอากาศเหล่านั้น คล้ายกับฟื้นฟูเอาเสาหินที่แตกหักให้กลับมาสมบูรณ์ใหม่อีกครั้ง และยังเกาะกลุ่มอยู่กลางอากาศอีกด้วย ไม่ได้มลายหายไปแต่อย่างใด
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเสาหินค่อยๆ ปรากฏจิตวิญญาณ พลางใคร่ครวญในใจ ‘ผนึกเข้ากับภูมิประเทศของมหาทะเลทรายแดนตะวันตกอย่างที่คาด’
‘จะดึงเสาหินออกนำกลับไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าคงต้องหลอมที่พื้นที่เดิมขั้นแรกก่อนถึงจะได้’
อาหู่คุ้มกันอยู่ข้างๆ พลันไหววูบในใจ หันศีรษะมองกลับไป ก็พบว่าผู้อาวุโสกับจอมยุทธ์ใต้บัญชาสองสามคนย้อนกลับมาแล้ว เหมือนกับว่ามีเรื่องจะรายงานเยี่ยนจ้าวเกอ
…………..