เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตา มองจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ถูกตนจับมาอย่างขบขัน “หนงอวี่ซวนทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติหรือ? ทำลายอย่างไร? ทำตอนไหน?”
คนผู้นั้นกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าที่เกาะเฉวียนหลิง ข้าไม่รู้สถานการณ์ที่ชัดเจนนัก”
“ข่าวเป็นผู้ใดบอกมา?” เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยรอยยิ้ม
อีกฝ่ายตอบ “ทางสำนักแสงสว่าง รายละเอียดเป็นอย่างไรไม่รู้”
ชายหนุ่มส่ายหน้า ค้นหาบนทะเลอีกครั้ง ครั้งนี้กลับเจอจอมยุทธ์หอกระบี่ทะเลเหนือคนหนึ่ง
“หนงแสงดาราแทงแกนไฟใยดินที่อยู่ในน่านน้ำทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิงทะลุด้วยวิธีเก้าดาวต่อเนื่อง ทำให้ปราณวิญญาณและใยดินเกิดการเปลี่ยนแปลง ไฟใต้พิภพพวยพุ่งออกมา”
“ไฟใต้พิภพนี้ทำให้อาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราที่โจรเสวียนวางไว้บนเกาะเฉวียนหลิงทำงาน จากนั้นอาคมค่ายกลก็ทำงานและทำให้อัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติที่จับตัวกันพุ่งลงด้านล่าง”
“เนื่องจากการดึงดูดของไฟใต้พิภพ เพลิงสายฟ้าจากท้องฟ้าถูกดึงมารวมกัน สะสมกันที่น่านน้ำทางเหนือบนเกาะเฉวียนหลิง ไม่ส่งผลต่อสถานที่อื่น หนงแสงดาราเอาใจใส่จริงๆ”
อีกฝ่ายถอนใจชมเชยไม่หยุด “มุมหนึ่งของเกาะเฉวียนหลิงถูกกระตุ้นก่อนเวลา ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติล้วนได้รับผลกระทบ ความสามารถจึงลดทอนลงมาก”
“กองทัพต่อต้านต้าเสวียนของเราอยู่ที่ข่ายกระบี่บนเกาะโม๋หลูจึงแข็งแกร่งขึ้น โจรเสวียนไม่อาจทำลายได้”
“สำนักแสงสว่างช่วยพรรคเรา สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงเพื่อรากฐานของฝ่ายต่อต้านต้าเสวียน ตอนนี้สำนักของพวกเขาเกิดอันตราย พวกเราย่อมต้องช่วยเหลือ ร่วมกันจู่โจมโจรเสวียน”
เยี่ยนจ้าวเกอฟังจบด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ถามว่า “พวกท่านต่างเชื่อคำพูดของหนงอวี่ซวนหรือ?”
จอมยุทธ์หอกระบี่ทะเลเหนือคนนั้นมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “นี่ย่อมแน่นอน นอกจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องแล้ว หากพูดถึงคนที่ศึกษาค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติอย่างลึกล้ำที่สุดในทะเลหวงเจีย ต้องเป็นหนงแสงดารา นี่คือเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ ความจริงได้พิสูจน์แล้ว สมคำเล่าลือจริงๆ”
ครั้นได้ยินอีกฝ่ายกล่าวชมผู้อื่นดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็หัวเราะเหอะๆ
พูดจากมุมหนึ่ง เขารู้สึกว่าหนงอวี่ซวนศึกษาค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติมาบ้างจริงๆ
ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ทุกอย่างอาศัยการสังเกตร่องรอยเพื่อคาดคะเนหลังเกิดเรื่อง จึงวิเคราะห์วิธีการของตนออกมาได้คร่าวๆ
เนื่องจากการระเบิดของเพลิงสายฟ้า ร่องรอยที่หลงเหลืออยู่รอบๆ จึงมีอยู่น้อยมาก ทำเช่นนี้ได้ถือว่าไม่ง่ายแล้ว
เพียงแต่เป็นปืนใหญ่ตามหลังม้า[1]
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดกับจอมยุทธ์หอกระบี่ทะเลเหนือผู้นี้มากนัก เพียงแค่ถามว่า “อ้อ กลับไม่รู้ว่าวีรบุรุษท่านนี้ ตอนนี้ไปอยู่ที่ใด?”
อีกฝ่ายไม่สงสัย ตอบว่า “ได้ยินมาว่าตอนนี้อยู่ที่เกาะเทียนอิ้น”
กองทัพต่อต้านต้าเสวียนไล่โจมตีราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ล่าถอย อีกฝ่ายเดี๋ยวสู้เดี๋ยวหยุด ยื้อยันกันอย่างต่อเนื่อง
เกาะเทียนอิ้นเทียบกับเกาะโม๋หลูที่เพิ่งออกมา สำหรับกองทัพต่อต้านต้าเสวียนซึ่งเป็นฝ่ายไล่ล่าแล้ว นับเป็นตำแหน่งที่อยู่ค่อนไปทางด้านหลัง
จอมยุทธ์หอกระบี่ทะเลเหนือผู้นั้นกล่าวอย่างมีเหตุผลว่า ‘หนงแสงดาราสร้างคุณูปการ ทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติของโจรเสวียน ตอนนี้เผชิญกับความแค้นจากพวกโจรเสวียน จำเป็นระมัดระวังตัว’
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “เกาะเทียนอิ้นหรือ?”
เขามุ่งหน้าไปทางเหนือ ไปยังเกาะเทียนอิ้น
ในวังฝูงมังกร อาหู่โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณชาย ตัวบัดซบแซ่หนงไม่ใช่ตัวดี”
ชายหนุ่มหัวเราะเหอะๆ “ยึดความสำเร็จของข้าไป ไหนเลยจะง่ายขนาดนั้น?”
จากนั้นเขาก็แตะริมฝีปากครุ่นคิด “แต่ดูเหมือนจะเป็นหลุมพราง จงใจล่อให้ข้าไปหาเขา”
เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินดังนั้น แววตาพลันวูบไหว “เขาหลอมเปลี่ยนพลังส่วนใหญ่ของดาบราหูไปแล้ว จึงไม่กลัวการสะกดจากดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกหรือ?”
“น่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นคงอธิบายไม่ได้ว่าไฉนเขาจึงมีความมั่นใจขนาดนี้” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ถ้าไม่ใช่สำนักแสงสว่างมียอดฝีมือมากมายวางกับดักรุมสังหารข้า ก็อาจจะเป็นเพราะเตรียมจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงไว้ซุ่มโจมตี”
“ในตอนนี้เขาคงใช้พลังส่วนใหญ่ของดาบราหูในอดีตได้แล้ว ไม่กลัวผลกระทบจากดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกอีก ในขณะเดียวกันก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางหนึ่งชิ้นเพิ่มขึ้นมา”
การต่อสู้ระหว่างราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกับขุมกำลังต่อต้านต้าเสวียนในปัจจุบันมาถึงช่วงติดพัน ดุเดือดเลือดพล่านยิ่ง
ที่อยู่ของสำนักแสงสว่างอาจจะกลายเป็นเป้าหมายในการจู่โจมของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง
ในสถานการณ์เช่นนี้ สำนักแสงสว่างไม่อาจอาจแบ่งยอดฝีมือจำนวนมากมารับมือเยี่ยนจ้าวเกอ โดยเฉพาะยอดฝีมือระดับสูงไม่อาจปลีกตัวมาได้
ดังนั้น เป็นไปได้มากกว่าพวกหนงอวี่ซวนซึ่งเป็นจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างจำนวนน้อยจะรับหน้าที่นี้เพียงลำพัง
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง “ถ้าหากเขาใช้พลังส่วนใหญ่ของดาบราหูได้แล้ว เช่นนั้นก็สามารถสะกดตราประทับตะวันของข้าได้ด้วย ถ้าหากเขาไม่ได้โจมตีได้แค่ครั้งเดียวอีก ก็น่ากลัวยิ่งกว่า”
อาหู่แยกเขี้ยว “คุณชาย ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ตึงมืออยู่บ้าง”
ตัวหนงอวี่ซวนเป็นผู้โดดเด่นระดับสุดยอดท่ามกลางจอมยุทธ์ระดับเดียวกัน
ขณะที่ใช้พลังอาทิตย์ย้อนจันทร์ย้อน เขายังใช้มืดเดียวกดดันการประสานจู่โจมของคังจิ่นหยวนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย กับผู้อาวุโสสำนักความมืดที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองได้
ในสถานการณ์ที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอทำร้าย หนงอวี่ซวนยังคงสามารถพลิกเอาชนะคังจิ่นหยวนที่หมายไล่ฆ่าเขาได้
ขอแค่พลังแห่งดาบราหูไม่ถูกดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกสะกดไว้ ต่อให้มีโอกาสโจมตีเพียงครั้งเดียว ยังสามารถทำลายอานุภาพของตราประทับตะวันได้ สำหรับหนงอวี่ซวนถือว่าเพียงพอแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ไม่มีศิษย์ร่วมสำนักติดตามมากเกินไป หนงอวี่ซวนก็ไม่มีทางอยู่ตัวคนเดียว
เขาคิดจะลวงฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอ เช่นนั้นย่อมต้องเตรียมตัวอย่างดี
หลังจากผ่านการประมือกันหลายครั้งก่อนหน้า หนงอวี่ซวนตอนนี้ไม่กล้าดูถูกเยี่ยนจ้าวเกออีกแล้ว
หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็โพล่งถามขึ้น “บางที ใช่ว่าจะไม่มีวิธี…”
เยี่ยนจ้าวเกอมองนาง เฟิงอวิ๋นเซิงชูดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกในมือขึ้น “ข้าอาจจะพอเสี่ยงได้”
“อืม…” เยี่ยนจ้าวเกอใจสั่น เข้าใจว่านางคิดทำอะไร สีหน้าแปลกประหลาดขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม “ตอนแรกข้าบอกไว้แล้วว่าคนอย่างข้าชอบเสี่ยง มักกระทำการใหญ่เกินตัว ดังนั้นจึงต้องหาภรรยามาคอยดูแลข้า เวลาสำคัญสามารถดึงบังเหียนแทนข้าได้”
“แต่ดูจากวันนี้ ดูเหมือนจะมีคนที่บ้าระห่ำกว่าข้าแล้วกระมัง?”
เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ในตอนนั้นข้าเองก็บอกแล้วว่า ไม่แน่ว่าข้าจะบ้าไปกับท่าน”
ชายหนุ่มเจ็บปวดใจ “ข้าลงเรือโจรกับเจ้าแล้วจริงๆ”
หลังจากหยอกล้อกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็ถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้เจ้าทนได้กี่ลมหายใจ”
“สิบสองลมหายใจ” เฟิงอวิ๋นเซิงตอบด้วยใบหน้าจริงจังเช่นกัน “ไปเสี่ยงภัยไม่ใช่ไปตาย ข้าเข้าใจหลักการนี้ดี”
เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยว่า “พอถึงเวลาดูตำแหน่งของอีกฝ่ายค่อยตัดสินใจ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องใช่ว่าไม่มีความคิดจะทำตัวเป็นชาวประมงที่ได้ประโยชน์จากการทะเลาะกันของนกและปลา”
ครั้นออกจากทะเลลึก พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็มาถึงเกาะเทียนอิ้น
เขารู้จากการสนทนากับจอมยุทธ์หอกระบี่ทะเลเหนือก่อนหน้านี้แล้วว่า นอกจากหนงอวี่ซวนแล้ว เยว่เป่าฉียังมาอยู่ที่นี่โดยบังเอิญด้วย
นอกจากนี้ยังมีจอมยุทธ์สำนักความมืด แต่ไม่ใช่คนที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้จัก
หลังจากได้รับการแจ้งข่าวจากจอมยุทธ์หอกระบี่ทะเลเหนือคนอื่น เยว่เป่าฉีมาพบเยี่ยนจ้าวเก นางมีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่ง
คำพูดประโยคแรกในตอนที่เจอกันคือ “คนที่ทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ตกลงเป็นผู้ใดกันแน่?”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านถามเช่นนี้ แสดงว่าท่านเองก็สงสัยอยู่กระมัง?”
เยว่เป่าฉีเงียบงัน ตอนแรกนางได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงวิธีทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ แต่หลังจากคังจิ่นหยวนปรากฏตัว นางก็หนีไปแล้ว
การจับตัวคังจิ่นหยวนและทำลายค่ายกลของเยี่ยนจ้าวเกอ นางไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง
เพียงแต่นึกถึงคำพูดที่เยี่ยนจ้าวเกอได้พูดไว้ในตอนแรก ก็รู้ว่าหลังจากชายหนุ่มเพาะความแค้นกับสำนักแสงสว่าง ก็เกิดสถานการณ์ในปัจจุบันขึ้น ในใจจึงอดเกิดข้อสงสัยไม่ได้
……………………………………….
[1] ปืนใหญ่ตามหลังม้า หมายถึง เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่อาจแก้ไขได้อีกแล้ว