โจวฮ่าวเซิงพูดจบ รอบบริเวณก็เงียบสงัดในชั่วพริบตา
ถึงแม้จะยังยืนยันไม่ได้ว่าความจริงเป็นเช่นนี้หรือไม่ แต่แค่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ ก็ทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลังแล้ว
ตอนนี้พวกเขาอยู่ไกลจากข่ายกระบี่บนเกาะเพิงหินโม่ซึ่งเป็นที่อยู่ของหอกระบี่ทะเลเหนือมาก
ถ้าหากถูกอีกฝ่ายขวางทางถอย ถึงเวลาถูกขนาบโจมตีหน้าหลัง ไม่ว่าจะไปที่อยู่ของสำนักแสงสว่าง หรือกลับที่อยู่ของหอกระบี่ทะเลเหนือบนเกาะเพิงหินโม่ ต่างเต็มไปด้วยอุปสรรคทั้งสิ้น
คนที่ขวางทางด้านหลังพวกเขา ไม่จำเป็นต้องสู้เป็นตาย ขอแค่หยุดพวกเขาไว้ชั่วคราว หรือไม่ก็ทำให้พวกเขาเคลื่อนที่ช้าลง กำลังหลักของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็สามารถโต้กลับได้อย่างรวดเร็วแล้ว
ถึงเวลานั้นผลลัพธ์จะเป็นกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนถูกราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องบดขยี้
ความหวังที่ต้องการหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องซึ่งมีพลังมากกว่ากลางสถานที่ภายนอกถูกทำลาย ได้แต่รีบต่อสู้ตัดสิน
ด้วยเหตุนี้เอง กองทัพต่อต้านราชวงศ์ต้าเสวียนจะมีผลลัพธ์น่าอนาถอย่างไม่ต้องสงสัย
มีคนกระแอมขึ้น “พวกเราหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น คอยเฝ้าระวังเส้นทางด้านหลังของตัวเอง อีกทั้งยังจับตาดูการเคลื่อนไหวของยอดฝีมือจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอยู่ตลอดเวลา
“ถ้าหากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนออกจากกองทัพใหญ่ของพวกเขาอย่างกะทันหัน พวกเราไม่น่าจะสัมผัสไม่ได้ถึงจะถูกต้อง…”
ด้านข้างเขาพลันมีคนถอนใจ “แต่เมื่อครู่ทุกคนก็เห็นแล้ว ว่ายอดฝีมือระดับสุดยอดของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมีแค่คนสองคนที่ลงมือจริงๆ นอกจากนั้น ยังไม่เห็นกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงด้วย!”
คนเมื่อครู่อ้ำอึ้ง “อาจจะแค่คอยควบคุมสถานการณ์ จึงไม่ได้ลงมือ ถึงอย่างไรเป้าหมายของพวกเขาคือการถอนทัพ สลัดพวกเราให้หลุด เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเราไล่ตามพวกเขาต่อ”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงตอนนี้จะไล่ตามกำลังหลักของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไปไม่ทันแล้ว ไฉนจึงไม่ลองความเป็นไปได้อื่นดู?”
“ส่วนคนผู้นั้นจะไปอยู่ที่ใด ข้าเชื่อว่าในใจของทุกท่านพอจะทราบคร่าวๆ แล้ว”
กู้หงว่า “ถ้าหากแผนการเดิมคือการซุ่มโจมตีพวกเราจริงๆ เส้นทางก็ค่อนข้างแน่ชัดแล้ว ไม่ต้องไปสนใจความเป็นไปได้อื่นอีก”
เขากวาดมองพวกหลัวจื้อเทา โจวฮ่าวเซิง และกงซุนอู่ “ข้าจะไป พวกท่านสามคนเล่า?”
โจวฮ่าวเซิงลูบหนวดพร้อมกับหัวเราะ “ข้าเองก็จะไปเช่นกัน ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องแม้จะสะกิดโทสะของประมุขอาคเนย์ แต่เรื่องนี้พัวพันอยู่หลายเรื่อง ประมุขอาคเนย์จะตัดสินอย่างไร ตอนนี้ยังบอกไม่ได้”
“ถ้าหากว่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องยังคงเคลื่อนไหวตามใจบนทะเลหวงเจียได้ต่อ เช่นนั้นพวกเขาจะต้องกลับมาอีกครั้งแน่”
“ฉวยโอกาสที่พวกเขาถูกกดดันให้ถอย หาทางลดทอนกำลังของพวกเขาเพิ่มขึ้น เหตุใดจะไม่เห็นด้วยเล่า?”
ชายชราในอาภรณ์สีขาวถอนใจ “ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีพลังแกร่งกว่า ต่อให้รักษาการป้องกัน พวกเราก็ไม่ได้เปรียบมากนัก ไม่มีทางทำให้พวกเขาบาดเจ็บปางตายได้ สมมติก่อนหน้านี้พวกเขาแบ่งทัพออกมาจริงๆ ตอนนี้จะเป็นโอกาสดีในการจัดการแล้ว”
การแจ้งข่าวของฉีเหว่ยและคังฮูหยิน จะต้องแจ้งแก่กำลังหลักของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องแน่นอน แต่ว่าพวกเขาในตอนนี้ก็อาจจะไม่ทราบถึงแผนการแบ่งทัพของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ การตัดสินใจถอนทัพในตอนที่พวกเสวียนมู่อ๋องได้รับข่าว ยังต้องแจ้งกลุ่มที่อ้อมไปด้านหลังเมื่อก่อนหน้านี้ด้วย
ในสถานการณ์เช่นนี้ มาตรว่าพวกเสวียนมู่อ๋องจะต้องรออีกสักพักถึงค่อยลงมือโจมตีกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียน ก็ไม่อาจรับประกันได้อย่างแน่นอนว่า ทัพอีกด้านหนึ่งจะถอยในเวลาเดียวกันได้
ถึงอย่างไร พวกเขาก็ต้องป้องกันไม่ให้เยี่ยนจ้าวเกอแจ้งข่าวกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียน จึงไม่อาจรอนานเกินไปได้
กงซุนอู่พยักหน้าอย่างช้าๆ “โอกาสประเสริฐเช่นนี้ ในตอนนี้อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด หากพลาดครั้งนี้ไป ยากจะมีสถานการณ์ที่ดีเช่นนี้อีก”
หลัวจื้อเทาหลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยปากว่า “เห็นด้วย”
กู้หงพยักนหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องราวไม่อาจชักช้า ข้ากับเจ้าสำนักหลัว เจ้าสำนักโจว และผู้ปกครองเกาะกงจะออกเดินทางไปด้วยกันก่อน”
“คนที่เหลือให้จัดการภารกิจที่ค้างอยู่ อีกเดี๋ยวค่อยถอนทัพกลับไปที่เกาะเพิงหินโม่ ตอนเดินทางให้ระวังตัว ป้องกันเรื่องเหนือความคาดหมายด้วย”
เขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “อีกเดี๋ยวข้าขอคุยกับสหายน้อยเยี่ยนเล็กน้อย หากท่านมีเวลา ได้โปรดมาเป็นแขกที่หอกระบี่ทะเลเหนือของข้าด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ผู้คุมหอกู้เกรงใจไปแล้ว”
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว พวกกู้หงก็เคลื่อนร่างทันที กลายเป็นรุ้งยาวสี่สาย บินไปที่ท้องฟ้าทางทิศเหนือ
คนอื่นต่างดูแลหน้าที่รับผิดชอบของใครของมัน ก่อนจะออกเดินทางตามคำสั่งของเหล่าผู้นำอยางเป็นระเบียบ
เทียบกันแล้ว การอธิบายให้คนในสำนักที่อยู่เบื้องล่างฟัง ทำให้พวกอู่จื่อซิวปวดศีรษะมากกว่า
ส่วนจอมยุทธ์ในกองทัพต่อต้านต้าเสวียนที่เหลือ ครั้นได้รับข่าวก็งงงันอย่างที่คาดไว้
ก่อนหน้านี้ยังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พร้อมจะได้รับการคุกคามจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องตลอดเวลา สภาวะอันแข็งแกร่งของศัตรูเหมือนเมฆดำกดทับศีรษะ ทำให้ทุกคนหายใจไม่ทั่วท้อง
ถึงแม้ว่าจะเป็นการช่วยสนับสนุนที่ตั้งของสำนักแสงสว่าง แต่ว่าสุดท้ายกลับอาจจะต้องละทิ้งอย่างหมดหนทาง
จะว่าไปก็น่าอนาถ แต่ก็ได้แค่ถือให้แพ้น้อยเป็นชนะ นี่เป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่
ทว่าในนาทีถัดมา พลันมีข่าวส่งมาว่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องถอนทัพ พวกเราชนะแล้ว…
นี่จะไม่ทำให้ผู้คนสับสนได้อย่างไร
พวกเรายังไม่ได้ลงมือ อีกฝ่ายไฉนจึงแพ้แล้ว?
เหล่าผู้อาวุโสของแต่ละพรรคที่มาแจ้งข่าวและออกคำสั่ง และเผชิญกับความสงสัยของศิษย์ในสำนัก ก็ยิ้มอย่างขื่นขมในใจเช่นกัน ‘พวกเราไม่ได้ลงมือ แต่มีคนลงมือ…’
พวกเขาได้แต่รักษาสีหน้าจริงจัง อธิบายอย่างใจเย็น “ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทำบาปมานับไม่ถ้วนย่อมพินาศไปเอง ในวินาทีที่พวกเขามายังทะเลหวงเจียเมื่อหลายร้อยปีก่อน ก็มีเจตนาร้ายแอบแฝง กุมความลับที่ไม่อาจบอกกล่าวกับผู้ใดได้
“ตอนนี้เรื่องราวเปิดเผย ทำให้ประมุขอาคเนย์พิโรธ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องย่อมไม่กล้าทำตามใจอีก
“เพื่อไม่สะกิดโทสะของประมุขอาคเนย์เพิ่ม พวกเขาได้แต่สงบเสงี่ยมชั่วคราว ไม่ควรลดการระวังตัวเช่นกัน ถึงอย่างไรสถานการณ์ใหญ่ก็ยังไม่แน่นอน ทุกอย่างยังคงเป็นไปได้”
ทุกคนต่างงุนงง
มีคนถามรายละเอียด มีชื่อของคนผู้หนึ่งที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้
เยี่ยนจ้าวเกอ
ชื่อนี้ บางคนรู้จัก บางคนไม่รู้จัก
ก่อนหน้านี้เพราะร่วมมือกันต่อต้านราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ต้องรักษาความสงบภายใน เรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอจัดการค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติกับเรื่องหนงอวี่ซวนสวมรอย แพร่กระจายแค่ระหว่างคนที่มีระดับสูงสุดในกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนเพียงไม่กี่คน คนส่วนใหญ่จึงไม่ทราบเรื่อง
ดังนั้น ข่าวลือเกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอจึงหยุดอยู่แค่ตอนที่มีพิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือก รวมถึงข้อมูลที่สำนักแสงสว่างเผยแพร่ออกมา
มีบางคนจดจำไว้ มีบางคนไม่นำมาใส่ใจ
ทว่าวันนี้ ชื่อของเยี่ยนจ้าวเกอจะแพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวาง และเลื่องระบือขึ้นมาในทะเลหวงเจีย
ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี แต่จะไม่มีใครถามว่าเยี่ยนจ้าวเกอเป็นใครอีกเด็ดขาด
ทะเลหวงเจียที่เดิมทีก็ปั่นป่วนอยู่แล้ว มาวันนี้กลับสั่นสะเทือนยิ่งกว่าเดิมเพราะเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอมองทุกอย่างนี้อย่างสงบนิ่ง หลังจากสนทนากับเหล่าผู้อาวุโสของหอกระบี่ทะเลเหนือพักหนึ่ง เขาก็ตามหาอู๋จื่อซิว ผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งตำหนักความมืดแรกเริ่มของสำนักความมืดอีกรอบ
ทั้งสองเป็นคนคุ้นเคยกันแล้ว อู๋จื่อซิวถามด้วยรอยยิ้มว่า “สหายเยี่ยนยังมีแผนการพิเศษอะไรอีกหรือไม่”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า “ข้าได้ของวิเศษชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ อยากขอเชิญให้ผู้อาวุโสสำนักของสำนักท่านมาศึกษาร่วมกัน”
“ข้าจะคอยอยู่ที่หอกระบี่ทะเลเหนือ ได้โปรดแจ้งเจ้าสำนักโจวของสำนักท่านว่า หากมีเวลาขอให้ทุกคนมาพบกันสักครั้ง”