“มีอยู่ครั้งหนึ่ง จู่ๆ นายหญิงข้าก็พูดถึงดำรัสของกษัตริย์ดิน ที่ห้ามมิให้ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์เข้ามายังโลกซ้อนโลกให้ข้าฟัง”
เสี่ยวอ้ายนึกย้อนไปพลาง เล่าไปพลาง “ตอนนั้นนายหญิงเล่าเรื่องหนึ่ง บอกว่าจริงๆ แล้วโลกซ้อนโลกมีผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์อยู่ด้วยเพียงแต่ทำตัวสงบเสงี่ยม มีสถานะพิเศษ นางเองเพียงเคยได้ยินมา แต่ไม่รู้รายละเอียด”
“แต่การดำรงอยู่ของคนเช่นนี้ ดูเหมือนจะได้รับการเห็นชอบจากกษัตริย์ดิน ทว่าด้วยสาเหตุกลับไม่ทราบ”
อาหู่ได้ยินก็อ้าปากค้าง “กษัตริย์ดินไม่ใช่ตบหน้าตัวเองหรอกรึ? หรือว่าเบื้องหลังของคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งจนกษัตริย์ดินยังกริ่งเกรง?”
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้าอย่างช้าๆ “ดำรัสของกษัตริย์ดินไม่ใช่ตัวหนังสือเปล่าบนกระดาษ คนผู้นี้เร้นลับถึงขนาดนี้ เป็นเพราะกษัตริย์ดินไม่อนุญาตต่างหาก”
“ที่กษัตริย์ดินยินยอมให้เขาซ่อนสถานะอยู่ในโลกซ้อนโลกอย่างสงบเสงี่ยม บางทีอาจจะมีแผนการพิเศษ และอาจจะมีการร่วมมือกับคนอื่นก็ได้”
ตอนนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าคนผู้นี้ใช่หลินฮั่นหัวหรือไม่ แต่เยี่ยนจ้าวเกอเอนเอียงไปทางราชากระบี่
ในเขตหตะวันอาคเนย์มีเสียงเล่าลือมาโดยตลอดว่า หลินฮั่นหัวมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา และไม่ได้มีแค่สถานะศิษย์อันดับหนึ่งของประมุขอาคเนย์เท่านั้น
แต่ว่ารายละเอียดกลับมีน้อยคนที่รู้
เยี่ยนจ้าวเกอสลัดความคิด บังคับวังฝูงมังกรให้พาพวกตนเคลื่อนที่กลางทะเลลึก มุ่งหน้าไปยังผาตะวันจันทราบนดินแดนจิตคุณธรรม ที่อยู่ของสำนักแสงสว่าง
หลังจากเริ่มเข้าใกล้ดินแดนจิตคุณธรรม เยี่ยนจ้าวเกอก็ระวังตัวกว่าเดิม พยายามไม่เปิดเผยร่องรอยของตัวเอง
ตอนนี้ด้านในดินแดนจิตคุณธรรมจะต้องกลายเป็นสนามรบแล้วอย่างแน่นอน
ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจะต้องล้อมที่นั้นไว้อย่างแน่นหนาแล้ว
หากเยี่ยนจ้าวเกอเผยร่องรอยที่นี่ เชื่อว่าคังผิงจะบ่ายหน้าพุ่งมาหาเขาทันทีโดยไม่มีการลังเลใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากการเดินทางแล้ว ขณะรออยู่ในวังฝูงมังกร เยี่ยนจ้าวเกอได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนส่วนตัว
คัมภีร์นภาหยินหยาง เขาพอจะคลำทางได้บ้างแล้ว ทั้งยังได้หลอมพลังแห่งจันทร์ดำเป็นหยินอ่อน หลอมพลังของตราประทับตะวันที่กักเก็บไว้เป็นพลังหยางโชติช่วง
ได้รับประโยชน์มากมายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ เรียกว่าสำเร็จเร็วโดยแท้
เปลี่ยนเป็นคนอื่นมาฝึกฝนคัมภีร์นภาหยินหยาง ต่อให้จะมีพรสวรรค์ใกล้เคียงกัน ก็มีน้อยคนที่จะทำได้เร็วเช่นนี้
ในด้านหนึ่งเป็นประโยชน์ต่อพลังแห่งจันทร์ดำที่มีอยู่ในร่างกายของตัวเอง กับพลังของตราประทับตะวันที่ถูกสกัดให้บริสุทธิ์ อีกด้านหนึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเปลี่ยนความผิดปกติของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ในครั้งนั้นให้กลายเป็นสภาพแวดล้อมพิเศษของเขตแดนมายา
นอกจากนี้แล้ว ส่วนใหญ่ยังพึ่งพาคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต อันเป็นรากฐานของเยี่ยนจ้าวเกอด้วย
ในการฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตที่เป็นอันดับหนึ่งในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสิบม้วน และเป็นต้นกำเนิดของสรรพวิชา หากใช้มันเป็นรากฐาน จะมีความง่ายในการฝึกฝนคัมภีร์นภาเก้าม้วนหลังมากกว่าเดิม
ทว่าในอีกด้านหนึ่ง คิดจะฝึกคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตให้สำเร็จ และฝึกจนถึงระดับสูงสุดอย่างแท้จริง จำเป็นต้องทำให้คัมภีร์นภาเก้าม้วนที่เหลือเป็นรากฐานเช่นกัน
มีเริ่มต้นมีสิ้นสุด เป็นทั้งการเริ่มต้น และเป็นการสิ้นสุด แรกเริ่มกับท้ายสุดรวมเป็นหนึ่ง ลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากจะส่งผลดีต่อการฝึกฝนคัมภีร์นภาหยินหยางแล้ว ยังทำให้พลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
ในตอนนี้เขาถึงขั้นรู้สึกได้ว่าตัวเองใกล้จะแตะบานประตูระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองได้แล้ว
ขอแค่เดินขึ้นหน้าอีกก้าว ก็จะสามารถผลักประตูใหญ่บานนั้น เข้าไปยังโลกใบใหม่ได้
‘หยางโชติช่วง หยินโชติช่วง หยางอ่อน หยินอ่อน การเปลี่ยนแปลงของหยินหยางสี่ลักษณ์ได้หลอมสำเร็จแล้ว สมควรเป็นเวลามในการก้าวหน้าอีกขั้น’
เยี่ยนจ้าวเกอซึมซับจิตวรยุทธ์และการเปลี่ยนแปลงญาณจริงแท้ของตัวเอง เริ่มรู้สึกมั่นใจขึ้น
การฝึกฝนพลังหยินโชติช่วงและพลังหยินอ่อน กลับไม่จำเป็นต้องใช้แรงภายนอกมาช่วยอีกต่อไป
ตนได้หลอมพลังหยางโชติช่วงและพลังหยินโชติช่วงเรียบร้อยแล้ว ในการแลกเปลี่ยนกันต่อจากนี้ย่อมสามารถให้กำเนิดพลังหยินโชติช่วงและพลังหยางอ่อนที่อยู่ตรงกันข้ามขึ้นมาได้
ความจริงแล้วกระบวนการนี้เป็นกระบวนการทำความเข้าใจคัมภีร์นภาหยินหยาง และได้บรรลุถึงความอัศจรรย์ของมัน
บัณฑิตถนัดใช้ประโยชน์จากของนอกกายและสิ่งที่มี การมีวาสนาและของวิเศษคอยช่วยเหลือถือว่าปกติ แต่ว่าหากพึ่งพาแต่สิ่งที่อยู่นอกกายเพียงอย่างเดียว กลับเป็นการละทิ้งรากฐาน
ของหลายอย่างสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของตัวเอง
การประสานในนอกเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง
นอกจากตัวเยี่ยนจ้าวเกอเองแล้ว ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเขาก็กำลังตั้งใจฝึกและพยายามหลอมจุดลมปราณของตัวเองให้กลายเป็นเทวะ เพื่อประสานกับดวงดาวที่แท้จริงบนท้องฟ้าให้มากกว่าเดิม
ยิ่งมีจุดลมปราณที่กลายเป็นเทวะมากเท่าไร พลังของจอมยุทธ์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เมื่อรอจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะสามารถเปิดทางแห่งฟ้าดินให้กับตัวเอง แล้วเดินขึ้นสะพานเซียน เข้าสู่โลกอีกใบหนึ่งได้
บัดนี้เยี่ยนจ้าวเกอมีซากมังกรจริงแท้และของวิเศษที่ได้มาจากสุสานจักรพรรดิประกายกาฬอยู่ด้านในวังฝูงมังกรเป็นจำนวนมาก ความเต็มเปี่ยมของทรัพยกรมีมากกว่าสำนักและพรรคใหญ่ๆ มากมายในโลกซ้อนโลกเสียอีก
เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ เสี่ยวอ้าย และพ่านพ่าน ได้ประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
การพึ่งพาสิ่งของภายนอกเพียงอย่างเดียว ไม่อาจกลายเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดได้
แต่ว่าคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครที่ไม่ใช่อัจฉริยะ
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทรัพยากรที่เต็มเปี่ยมสามารถช่วยให้เหล่าอัจฉริยะประหยัดเวลาได้มหาศาล ช่วยให้พวกเขาเติบโตและปีนขึ้นสู่ยอดเขาได้เร็วกว่าเดิม
จะยืดยอดไม้ไผ่ร้อยคืบให้ยาวขึ้นอีกขั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเสมอ ระดับพลังฝึกปรือสูงเท่าไร คิดจะก้าวหน้าขึ้นยิ่งยาก เวลาที่ใช้ก็ยิ่งมากไปด้วย
เทียบกับเยี่ยนจ้าวเกอที่เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเฟิงอวิ๋นเซิงที่ยังเป็นมหาปรมาจารย์อยู่ ตอนนี้มีความก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งกว่า
เยี่ยนจ้าวเกอจบการฝึกของตัวเอง สายตากวาดมองวังใหญ่ เห็นอาหู่กับเสี่ยวอ้ายกำลังปิดตาฝึกฝน ส่วนเฟิงอวิ๋นเซิงเพิ่งหยุดฝึก การฝึกฝนชะงักลงชั่วคราว
“ถ้าหากสำนักแสงสว่างไม่มีสตรีแห่งจันทราที่เหมาะสม ในหลายปีมานี้พวกเขาคงจะลงแรงชุบเลี้ยงเมิ่งหวานมาโดยตลอด”
ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “สำนักแสงสว่างย่อมร่ำรวยกว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ สภาพแวดล้อมในการฝึกปรือของโลกซ้อนโลกยังเหนือกว่าโลกแปดพิภพ ระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเมิ่งหวานคงจะพุ่งทะยานแล้ว”
“แต่ว่าเทียบกับพวกเราแล้ว สำนักแสงสว่างก็เป็นแค่ผียากจน”
เฟิงอวิ๋นเซิงหยุดฝึก แสงของอาทิตย์ยะเยือกสีฟ้าในม่านตาทั้งสองสลายไป “สุดท้ายก็ต้องสู้กัน พูดตามตรง จริงๆ แล้วข้าคาดหวังมาก ถึงแม้จะไม่มีการทดสอบแห่งจันทราแล้วก็ตาม”
ทิฐิในใจเริ่มหายไป แต่ตัวตนของนางก็ยังเป็นคนที่ดื้อรั้นคนหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ข้าเดาว่า ในใจของเมิ่งหวานก็น่าจะเฝ้าคอยอยู่เช่นกัน”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ด้วยความเข้าใจที่ข้ามีต่อเมิ่งเอ๋อร์ ท่านทายถูกแล้ว”
เมิ่งหวาน ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนโยนและความสง่างามเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น หรือเป็นการปล่อยตัวตามใจต่อหน้าเฟิงอวิ๋นเซิง ล้วนปิดบังความจริงข้อหนึ่งไม่ได้
นั่นคือนางก็เป็นสตรีที่มีความภาคภูมิใจและความตั้งมั่นคนหนึ่งเช่นกัน
“ครั้งนี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าสำนักแสงสว่างจะเผชิญกับช่วงเวลาเป็นตาย คงไม่มีเวลาปิดบังความลับเรื่องมงกุฎจันทราแล้วกระมัง?” เฟิงอวิ๋นเซิงถาม
เยี่ยนจ้าวเกอตอบว่า “ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ความครึกครื้นนี้พวกเราสมควรร่วมวงด้วย”
วังฝูงมังกรลอยเข้าใกล้ดินแดนจิตคุณธรรมอย่างไร้สุ้มเสียง
ครั้งนี้ ต่อให้จะอยู่ในทะเลลึก ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความปรวนแปรของพลังงานอันรุนแรงที่ส่งมาจากที่ไกล มียอดฝีมือจำนวนมากกำลังต่อสู้กันอยู่!
เยี่ยนจ้าวเกอพูดในใจว่า ‘ผาตะวันจันทรายังไม่ถูกตีแตก ดูเหมือนว่าหอกระบี่ทะเลเหนือกับเกาะมนุษย์สำริดจะมาช่วยสนับสนุนที่นี่จริงๆ ด้วย”
ทว่าแม้จะมีการช่วยเหลือ แต่ฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนยังคงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างชัดเจน
ยอดฝีมือของราชวงศ์ต้าเสวียนจำนวนมหาศาลลงมือพร้อมกัน สู้กันจนดินแดนจิตคุณธรรมราบเป็นหน้ากลองไปนับหมื่นลี้