ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 761 เก่งนักก็มาสู้กับข้าสิ

บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พร้อมๆ กันนั้นด้านในแสงสว่างที่เกิดจากการบีบอัดกันเองของพลังแห่งเขตแดน ก็ปรากฏเงาคนกลุ่มหนึ่งอย่างเลือนราง

เมื่อพวกเขาพุ่งออกมาจากบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ ก็พบว่าคนที่นำหน้ากลับเป็นเสวียนมู่อ๋องนั่นเอง

เพียงแต่จ้าวผู้ปกครองคนปัจจุบันของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ในตอนนี้กลับมีสภาพทุลักทุเลยิ่ง

มงกุฎบนศีรษะของพระองค์ถูกทำลาย พระเกศากระเซอะกระเซิง บนไหล่ข้างซ้ายและตรงหน้าอกข้างขวามีบาดแผลสาหัส โลหิตไหลโทรมกาย

ด้านบนหน้าผากมีรอยแผลสีแดงฉานอยู่สายหนึ่ง พระโลหิตไหลจากตรงนั้นลงอาบแก้มเสียครึ่งหนึ่ง

ด้านหลังเสวียนมู่อ๋อง ติดตามไว้ด้วยจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ลงไปโลกแปดพิภพพร้อมพระองค์ก่อนหน้า

เพียงแต่ตอนไปมีสภาวะพันทัพหมื่นอาชา มาตอนนี้กลับเหลือคนเพียงหรอมแหรม

บนใบหน้าของคนทุกคนต่างฉายแววหวาดหวั่นพรั่นพรึง แย่งกันออกจากบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ด้านหลัง เหมือนกับที่นั่นเป็นหุบเหวแห่งความพินาศ

“โลกแปดพิภพเป็นโลกแบบไหนกันแน่? นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกนั่น ยังมียอดฝีมือที่เก่งกาจอยู่ด้วย!”

“พวกเขาเป็นคนที่เติบโตขึ้นในโลกเบื้องล่างใบนั้นจริงๆ หรือ? ไม่ใช่ว่ามีคนจากขุมกำลังใดสักขุมกำลังบนโลกซ้อนโลกไปตั้งกองกำลังที่นั่นกระมัง?”

“มีแต่สัตว์ประหลาดทั้งนั้น น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”

ในตอนนี้ จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสววรรค์ กลับมาถึงโลกซ้อนโลกได้อีกครั้ง ต่างมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

ดีที่อีกฝ่ายไล่ตามมาไม่ได้!

การมีบาดแผลแห่งแพงสวรรค์ และการมีฉากกำบังระหว่างโลกซ้อนโลกกับโลกเบื้องล่างขวางกั้น ช่างประเสริฐโดยแท้!

ไม่มีใครกล้าพูดประโยคนี้ออกมา เพราะนั่นแสดงออกถึงความอ่อนแอมากเกินไป ทั้งยังเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับอีกฝ่าย แต่ทำลายความน่าเกรงขามของตัวเอง

ทว่าในใจของทุกคนกลับคิดเช่นนี้

นอกจากนั้น ความคิดนี้ยังวนเวียนอยู่ในสมองของพวกเขาเนิ่นนาน ไม่ยอมหายไปไหน

จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องหมดอาลัยตายอยาก บนใบหน้าของเสวียนมู่อ๋องเองก็ซีดเซียวเช่นกัน

พระองค์ยาตราทัพลงไปยังโลกเบื้องล่างด้วยตัวเอง สุดท้ายฝ่ายตนเองกลับถูกคนเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บล้มตาย ตัวพระองค์ก็เกือบจะสวรรคตที่โลกเบื้องล่างไปแล้ว!

ใช่แล้ว มิผิด พลังฝึกปรือของพระองค์ถูกพลังแห่งเขตแดนของฟ้าดินสะกดให้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น พลังของพระองค์ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมยุทธ์ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้ายอยู่ดี

ทว่าคู่ต่อสู้ของพระองค์กลับร้ายกาจยิ่งกว่า

สภาวะดาบที่เหมือนกับราชันเสด็จนั้น ทำให้เสวียนมู่อ๋องที่เป็นผู้ปกครองทะเลหวงเจียมาหลายปี ถึงขั้นเกิดความรู้สึกหลอนอย่างหนึ่ง

อีกฝ่ายจึงเป็นประมุขผู้ไร้เทียมทานของจริง ส่วนเขาได้แต่ยอมศิโรราบเท่านั้น

พระองค์คิดจะทำลายความรู้สึกหลอนนี้ แต่ผลลัพธ์กลับได้พิสูจน์ว่า ความรู้สึกนี้เป็นของจริง!

ศักดิ์ศรีของตัวเองไม่อนุญาตให้พระองค์ยอมแพ้เช่นนี้ แต่ความจริงก็คือ หากเมื่อครู่ลังเลเพียงนิดเดียว ปลดสะกดลอยขึ้นมาไม่ทันกาล พระองค์จะต้องทิ้งชีวิตที่ต่างแดน สวรรคตในโลกแปดพิภพแน่นอน

พระองค์หลุดจากโลกแปดพิภพ ลอยขึ้นมายังโลกซ้อนโลกทันเวลา ค่อนฝืนหลบพ้นดาบสังหารนั้น

คมดาบที่น่าพรั่นพรึงนั้นยังบดขยี้มงกุฎของพระองค์ ทิ้งรอยแผลไว้บนหน้าผากอีกด้วย

หากช้าไปเพียงนิดเดียว พระเศียรของพระองค์คงถูกดาบนั้นตัดไปแล้ว!

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเดิมทีก็เสียท่าเพราะเยี่ยนจ้าวเกอไปไม่น้อย แต่คนที่ปะทะกับเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ และผูกเป็นความแค้นล้ำลึก ส่วนใหญ่เป็นคนในสิบกระบี่ผู้วิเศษ

ก่อนหน้านี้ขณะที่เสวียนมู่อ๋องมองเยี่ยนจ้าวเกอเป็นศัตรู กลับมีความรู้สึกชมเชยอยู่หลายส่วน

แต่ครั้งนี้พระองค์เสด็จไปยังโลกแปดพิภพด้วยตัวเอง แล้วได้พ่ายแพ้กลับมา รอดพ้นจากความตาย จิตใจของเสวียนมู่อ๋องไม่อาจผ่อนคลายได้อีกแล้ว

บัดนี้พระองค์รู้สึกคับข้องและเคียดแค้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ฝ่าบาท พวกเรา…” มีจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องผู้หนึ่งส่งเสียงถาม

เสวียนมู่อ๋องพระพักตร์เคร่งขรึม เหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ

หลังหลุดจากบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ กลับมายังโลกซ้อนโลก พลังฝึกปรือของเขาก็พลันฟื้นกลับมา

บาดแผลบนตัวที่ยังมีพระโลหิตไหลอยู่ในตอนแรก ยามนี้ค่อยๆ สมานตัว ไม่มีพระโลหิตอีก

ตรงบาดแผล ปราณดาบที่บ้าคลั่งยังคงสำแดงเดช แต่เมื่อกลับมายังโลกซ้อนโลก ในที่สุดพระองค์ก็สะกดและขับไล่มันไปได้ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออีก

ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มีกายเนื้อกล้าแข็งขนาดไหน ควบคุมร่างกายของตัวเองได้หมดจนขนาดไหน

แต่ว่าตอนที่อยู่ในโลกแปดพิภพ เสวียนมู่อ๋องถึงขั้นที่ไม่อาจห้ามโลหิตให้กับตัวเองได้!

แม้จะเป็นตอนนี้ ต่อให้จะควบคุมไม่ให้อาการบาดเจ็บเลวร้ายกว่าเดิมได้ แต่ว่าความเสียหายก็ยังคงอยู่ ไม่อาจฟื้นฟูในระยะเวลาสั้น

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พระพักตร์ของเสวียนมู่อ๋องก็กลายเป็นถมึงทึงถึงขีดสุด

เสียงของพระองค์ลอดไรฟันออกมาทีละคำ “กลับนครหลวง เตรียมถุงจักรวาลพินาศ!”

พระองค์ไม่มีหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกคังผิง เฮ่อตงเฉิง และกู้จาง

เตรียมถุงจักรวาลพินาศ นำหอกราชาลี้ลับซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ลงไปยังโลกแปดพิภพ พระองค์จะต้องทวงศักดิ์ศรีกลับมาให้ได้

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ กั๋วกงทั้งสี่ยังเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดง

ครั้งนี้เพราะรีบร้อนลงไปยังโลกแปดพิภพ พระองค์จึงเตรียมตัวไม่พร้อม ตอนนี้กลับไปเตรียมตัวให้เหมาะสมก่อน จะต้องทำลายโลกเบื้องล่างที่ทำให้พระองค์เกือบเรือล่มในหนองให้ได้

จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้ยินดังนั้น ต่างฮึกเหิมขึ้นมา

“ฝ่าบาท อย่าเสียเวลาตรัสกับพวกเขาเลย หากหอกราชาลี้ลับลงไปยังโลกเบื้องล่างได้ ถึงเวลานั้นแค่ปลดการสะกดออก ก็สามารถทำลายโลกใบนั้นจากได้ในได้แล้ว!”

มีบางคนกัดฟันพูดว่า “ญาติมิตรของเยี่ยนจ้าวเกอ และโลกที่เขาเกิดมาก จะกลายเป็นฝุ่นผงไปพร้อมกัน!”

เสวียนมู่อ๋องไม่แสดงท่าที ครั้นออกจากบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ได้ เขาก็ตวาดเสียงทุ้มว่า “เหยาไห่อยู่ที่ใด…”

พระองค์พูดยังไม่ทันจบ พระพักตร์ก็เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ไม่ใช่เพราะว่าพระองค์มองไม่เห็นจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ที่เฝ้าบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์อยู่ด้านนอก

แต่พระองค์รู้สึกได้ว่าการเชื่อมต่อระหว่างพระองค์กับหอกราชาลี้ลับถูกตัดขาดไปแล้ว!

เสวียนมู่อ๋องเบิกพระเนตรมองไป เห็นกลางฟ้าดินที่ว่างเปล่า เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่กลางอากาศ มีวังขนาดยักษ์วังหนึ่งลอยอยู่ด้านข้างตัวเขา

เยี่ยนจ้าวเกอมองเสวียนมู่อ๋องพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเป็นเหยาไห่ หมายถึงเขาหรือ?”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยืนอยู่ข้างเยี่ยนจ้าวเกอ ในมือคือศพหนึ่งที่บนร่างยังสวมเกราะทองไว้อยู่

ขณะมองรูเลือดขนาดใหญ่บนหน้าผากของจอมยุทธ์เกราะทองผู้นั้น และมองเยียนจ้าวเกอที่ยิ้มกว้าง ความพิโรธของเสวียนมู่อ๋องก็พุ่งขึ้นสู่พระเศียร ไม่อาจสะกดได้อีก

“หอกราชาลี้ลับ…” เสวียนมู่อ๋องตั้งสมาธิ ในที่สุดก็รู้สึกได้ถึงความปรวนแปรของปราณวิญญาณที่อ่อนแอจนแทบจะจับสัมผัสไม่ได้ ซึ่งมาจากหอกราชาลี้ลับที่พระองค์คุ้นเคยที่สุด

และความปรวนแปรนี้ก็มาจากในวังฝูงมังกรที่อยู่ข้างเยี่ยนจ้าวเกออย่างชัดเจน

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูท่าทีของพระองค์ อดกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า “หาของอะไรอยู่ใช่หรือไม่?”

เสวียนมู่อ๋องหน้าดำคร่ำเคร่ง จ้องมองเฉินจื้อเหลียงอย่างดุดัน “เขาโถงทองจะผิดคำสัญญาหรือ?”

เฉินจื้อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังไม่ทันตอบ ก็ได้ยินเสวียนมู่อ๋องตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากไม่สังหารเด็กน้อยผู้นี้ เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? วันนี้เขาโถงทองช่วยเหลือเขา เราจะไม่ประณีประนอมเป็นอันขาด!”

ครั้นพูดจบ กลางพระหัตถ์ของพระองค์ก็พลันปรากฏหอกยาวเล่มหนึ่ง ไฟโหมเผาไหม้ฟ้า แทงใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “การปรากฏตัวขึ้นที่นี่ของข้าไม่เกี่ยวข้องกับองค์ประมุขอาคเนย์ ท่านอย่าทำลายชื่อเสียงขององค์ประมุขอาคเนย์จะดีกว่า”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลายเป็นเงาแสงคุนเผิง ม้วนเยี่ยนจ้าวเกอกับวังฝูงมังกร กระพือปีกบินพุ่งสู่สวรรค์

เสวียนมู่อ๋องไล่ตาม แต่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเร็วเกินไป พระองค์ไม่อาจย่นระยะห่างได้

ขณะเห็นว่าความพิโรธบนใบหน้าเสวียนมู่อ๋องเข้มข้นขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอก็หัวเราะขึ้นมา

คังผิงลงมือยังไม่มั่นใจว่าจะจัดการเขาได้ อย่าว่าแต่เสวียนมู่อ๋องที่ไร้หอกราชาลี้ลับ

สิ่งที่สำคัญยิ่่งกว่าก็คือ ในตอนนี้เสวียนมู่อ๋องเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ สูญเสียพลังไปมาก

ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ตนไม่อาจใช้ตราประทับตะวันได้ เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะปะทะกับยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกผู้นี้ตรงๆ ด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นเสวียนมู่อ๋องที่พิโรธควันออกหู แต่กลับไม่อาจทำอะไรตนได้ เยี่ยนจ้าวเกอก็โบกมือให้พระองค์ พร้อมกับหัวเราะเหอะๆ

“แน่จริงก็มาสู้กับข้าสิ”

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset