ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 782 ข้าคิดฆ่าคน ท่านขวางไม่ได้หรอก!

จางเชาไม่รู้จักฉีเหว่ย แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคังเม่าเซิงกับคังจิ่นหยวน ก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

รอจนฉีเหว่ยลงมือวางค่ายกล ฉีเหว่ยพลันคิดออกว่า นี่คือปรมาจารย์ด้านค่ายคนที่ในตอนนั้นรุมเยี่ยนจ้าวเกอกับจอมยุทธ์สำนักแสงสว่าง ที่ดินแดนทายาทฟ้าและดินแดนนทีโศกคนนั้น

นี่ทำให้จางเชารู้สึกมั่นใจมากขึ้น

แต่ไม่รอให้เขารู้สึกโล่งใจ ก็เห็นแสงสายฟ้าที่ดุร้ายพุ่งมาหาเขา!

ครั้งนี้เขาคล้ายเข้าใจขึ้นมาว่า เยี่ยนจ้าวเกอเองก็มีระดับค่ายกลลึกล้ำเป็นเลิศเช่นกัน

ตามที่ถังหย่งฮ่าวและเมิ่งหวานบอกเล่า เยี่ยนจ้าวเกอเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีความรู้เรื่องค่ายกลอันดับหนึ่งในโลกแปดพิภพ เมื่อครั้งยังอยู่ในระดับปรมาจารย์และมหาปรมาจารย์

แล้วเยี่ยนจ้าวเกอที่ตอนนี้เลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ การกระตุ้นค่ายกลและการแก้ไขค่ายกลของเขาอยู่ในระดับไหนแล้ว?

จางเชาไม่มีเวลาคิดต่ออีก

เขาที่แขนขาดและได้รับบาดเจ็บ ในการเผชิญหน้ากับค่ายกลสายฟ้าทมิฬส่งมารของฉีเหว่ย มีโอกาสตายเก้ารอดหนึ่ง

จางเชาพยายามสุดกำลัง หลบไปด้านข้าง ยังมีร่างกายครึ่งหนึ่งที่ถูกสายฟ้ากลืนกิน

“เปรี๊ยะๆๆๆๆๆ” ท่ามกลางเสียงกระแสไฟฟ้าที้บ้าคลั่ง จางเชาครางหนักๆ คำหนึ่ง เลือดเนื้อเลอะเลือน ทุกส่วนไหม้เกรียม

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะฮ่าๆ “จางเชา วิชาเต่าหัวหดของเจ้าสุดยอดจริงๆ รอยอดฝีมือในรุ่นเดียวกันกับเจ้ามาตายไปไม่น้อย ในที่สุดเจ้าก็มีโอกาสได้ครองอันนดับหนึ่ง ใช่รู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่จนถึงตอนสุดท้าย เป็นการหัวเราะทีหลังหรือไม่?”

กระบี่รุ้งพร่างพราวในมือเขาปรากฏประกายกระบี่อันพร่างพราว ฟันใส่จางเชา “น่าเสียดาย ในที่สุดก็ถูกเขากว่างเฉิงจัดการ อาจารย์ปู่สะเทือนสวรรค์ปล่อยเจ้า แต่ข้าไม่ทำ!”

ฉีเหว่ยสีหน้าเขียวคล้ำ เขาได้ยินคังเม่าเซิงเล่าเรื่องที่จางเชาสวามิภักดิ์แล้ว จึงกระตุ้นค่ายกลขัดขวางเยี่ยนจ้าวเกอทันที

“คนผู้นี้ข้าคุ้มครองแล้ว เจ้าอย่ามาโอหัง!”

เยี่ยนจ้าวเกอสภาวะกระบี่ไม่หยุด ขณะเดียวกันก็ใช้ตราประทับตะวันหยุดการเปลี่ยนแปลงในค่ายกลของฉีเหว่ย จากนั้นก็ใช้ดัชนีหยินหยางอีกครั้ง

พลังค่ายกลที่ขัดขวางตนในตอนแรก พลันพุ่งไปทางคังเม่าเซิงและคังจิ่นหยวนสองพี่น้อง

ฉีเหว่ยจนปัญญา ได้แต่ปกป้องพี่น้องตระกูลคังก่อน

“เมื่อครู่ท่านบอกว่าจะคุ้มครองใครนะ?” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ

ประกายกระบี่กระจายไปทั่ว จางเชาที่ได้รับบาดเจ็บหายใจรวยรินอยู่แล้ว พลันศีรษะหลุดจากบ่า!

ศีรษะใบหนึ่งลอยขึ้นบนท้องฟ้า สองตาเบิกกว้าง

อาทิตย์ม่วงจางเชา ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเคยเรียกลมเรียกฝน ทำตัวอหังการอยู่ในโลกแปดพิภพอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง บัดนี้ตายตาไม่หลับ!

ไม่ใช่แค่เขาตายตาไม่หลับเท่านั้น ดวงตาของฉีเหว่ยก็แทบมีไฟพวยพุ่งออกมาเช่นกัน

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางที่ยิ่งใหญ่เช่นเขา ปกป้องคนคนหนึ่งไม่ได้!

สิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ก็คือ คนที่สังหารคนต่อหน้าเขา กลับเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลางเท่านั้น

ฉีเหว่ยที่เยือกเย็นมาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้เพียงรู้สึกเพียงแค่รู้สึกโมโหจนควันออกหู แทบจะไม่อาจควบคุม

แต่ว่าพลังของเยี่ยนจ้าวเกอกลับทำให้เขาตื่นตระหนกกว่าเดิมเช่นกัน

เขาเคยต่อสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง ในตอนนั้นก็รู้สึกสั่นสะท้านอยู่แล้ว แต่ยังสู้ตอนนี้ไม่ได้

เทียบกับคนอื่นๆ เทียบกับตัวฉีเหว่ยเอง เทียบกับยอดฝีมือที่เขารู้จักเช่นพวกคังผิง เฮ่อตงเฉิง กู้จาง เสวียนมู่อ๋อง เยี่ยนจ้าวเกอนั้นแตกต่าง

ทุกครั้งที่ก้าวไปด้านหน้า การเพิ่มขึ้นของพลังของเขาเหมือนกับจะเหนือกว่าการทำลายระดับของคนอื่นๆ

สิ่งที่อยู่เหนือนอกความมากมายมีมากมายนัก

ฉีเหว่ยรู้สึกว่าตามสถานการณ์ปกติ เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง พลังย่อมเพิ่มขึ้น แต่ไม่น่าตะเพิ่มขึ้นมหาศาลขนาดนี้

ประสบการณ์ของคนอื่นไม่อาจใช้กับชายหนุ่มตรงหน้าได้เด็ดขาด

คังเม่าเซิงกับคังจิ่นหยวนมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าซับซ้อน รู้สึกไม่อาจเข้าใจได้

ถังหย่งฮ่าวกับเมิ่งหวานต่างรู้สึกเหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ

มาตรว่าจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของจางเชา แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็เป็นคนที่มีสีสันและเป็นตำนานที่สุดในประวัติศาสตร์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

สำหรับลูกศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทุกคน เขาเป็นคนที่เหมือนกับตำนาน สูงส่งยิ่งกว่าหวงกวงเลี่ยที่เป็นผู้ปกครองทุกคนเสียอีก

ถึงแม้ว่าเมิ่งหวานจะอาศัยมงกุฎจันทราจึงเหนือกว่าเขาขั้นหนึ่ง แต่ความประทับใจที่มีกลับไม่อาจลบทิ้งไปได้ง่ายขนาดนั้น

ความตายของหวงกวงเลี่ยและหวงซวี่ ถังหย่งฮ่าวกับเมิ่งหวานไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง

ส่วนตอนนี้ การได้เห็นความตายของจางเชาด้วยตาตัวเอง ย่อมส่งผลกระทบกระเทือนต่อพวกเขาขั้นหนึ่ง

“อาจารย์ลุงฉี เมื่อครู่มีคนผู้หนึ่งมาถึงที่นี่ วิชาที่ฝึกฝนเหมือนกับม้วนคัมภีร์ร่างหงส์เพลิงของประมุขทักษิณ เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้ไม่ถูกกับคนผู้นั้น” คังเม่าเซิงพลันกล่าวเตือน คล้ายนึกดันใดได้ จึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “คนผู้นั้นมีแซ่จวง”

ฉีเหว่ยงงงัน “ฝึกฝนม้วนคัมภีร์หงส์เพลิง แซ่จวง?”

สองตาเขาพลันสายประกายเย็นเยียบ หัวเราะเหอะๆ “มีเรื่องนี้ด้วยหรือนี่? เงาแสงหงส์เพลิงที่เข้ามายังก้นทะเลก่อนหน้านี้ เป็นคนที่ฝึกม้วนคัมภีร์ร่างหงส์เพลิงจริงๆ เสียด้วย กลับคาดไม่ถึงว่าจะแซ่จวง”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็เลิกคิ้วเล็กน้อย

ถังหย่งฮ่าวสะดุ้ง ได้สติกลับมา

ฉีเหว่ยมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยรอยยิ้มเยี่ยนจ้าวเกอ “เจ้าที่มาจากโลกเบื้องล่าง ย่อมไม่เข้าใจสถานการณ์จริงๆ เจ้าคงจะไม่รู้ว่าประมุขอาคเนย์แซ่จวง”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาพยักหน้าเล็กน้อย “มิน่าเขาถึงได้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่กับตัว ทั้งๆ ที่ยังอยู่เลื่อนเป็นขั้นสะพานเซียน”

เขามองฉีเหว่ย หัวเราะอย่างผ่อนคลาย “เช่นนั้น ใต้เท้า บางทีอาจจะบอกว่าเบื้องหลังของเสวียนเหวินอ๋อง ผู้วิเศษเซิง และนักพรตสือ ยืนไว้ด้วยบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนไหน บอกได้หรือไม่?”

ฉีเหว่ยมองเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง มองออกว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ทำใจดีสู้เสื้อ แต่เยือกเย็นจริงๆ

“แม้แต่ข้ายังต้องขอชมเชย” ฉีเหว่ยพูดช้าๆ “ไม่ทราบว่าเจ้าไม่กลัวเพราะไม่รู้ หรือว่ามีความกล้าหาญจริงๆ

“แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญแล้ว เจ้าไม่ยอมอยู่ภายใต้การคุ้มครองของหลินฮั่นหัว พาตัวเองมาหาที่ตายที่นี่ วันนี้ส่งตัวเองเข้าตาข่าย ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนาเอง!”

ขณะที่พูด ฉีเหว่ยสองมือก็ทำท่ามุทรา ก่อนจะชักกลับมาตรงหน้าอกพร้อมกัน จากนั้นก็ผลักออกไปด้านหน้า

ธงใหญ่สีเหลืองตุ่นสิบสามอันใช้กระบวนท่า ฝุ่นละอองสีเหลืองหลายสายปรากฏขึ้นมา

ท่ามกลางอากาศเต็มไปด้วยเมฆดำ แสงสายฟ้าสาดไปทั่วบริเวณ

ค่ายกลขนาดใหญ่สองข้าโจมตีขนาบบนล่าง ขังเยี่ยนจ้าวเกอไว้ตรงกลาง!

เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นตราประทับตะวัน สีหน้าผ่อนคลาย

แต่ว่าในตอนนี้เอง จิตใจเขาก็รู้สึกหวาดหวั่น

กลางบ่อเลือดที่อยู่ลึกเข้าไปในวังศิลา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่กำลังหลอมเปลี่ยนฝักกระบี่กลืนฟ้ากับเตากลืนดินพลันลืมตาขึ้น

บ่อเลือดตรงหน้าเริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรง จังหวะที่มั่นคงก่อนหน้าถูกปั่นป่วน เปลี่ยนเป็นยิ่งมายิ่งเร่งร้อน

เหมือนกับการเต้นของหัวใจจู่ๆ ก็เร่งเร็วขึ้น

การเซ่นสรวงกระบี่วิเศษด้านในฝักกระบี่กลืนฟ้าได้มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว เมื่อได้รับผลกระทบเช่นนี้ ก็พลันเปลี่ยนเป็นไม่เสถียร

แม้แต่วังศิลาก็ส่ายไหวอย่างรุนแรงอยู่เช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจ ‘พวกคังผิง กับกู้หงที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนกำลังสู้กันอยู่ในวังศิลา ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากเกินไปแล้ว’

ลำแสงกลางบ่อเลือดเดิมกำลังรวมตัวกับฝักกระบี่ ดึงปราณวิญญาณออกมามอบให้กับฝักกระบี่อย่างต่อเนื่อง

แต่ว่าในตอนนี้เอง ฝักกระบี่ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

ลำแสงที่เกี่ยวพันอยู่ด้านบนเริ่มพลิกกลับในฉับพลัน!

ด้านในบ่อเลือดส่งแรงดึงดูดมหาศาลออกมา หมายจะถึงบางสิ่งที่อยู่ในฝักกระบี่ออกมา!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset