ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 806 จริงย่อมไม่ปลอม ปลอมย่อมไม่จริง

‘เยี่ยนจ้าวเกอ’ คนที่สามนี้พิจารณาชายหนุ่มผอมสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็มองชายหนุ่มอาภรณ์ดำแวบหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เลว ดีกว่าคนผู้นี้เล็กน้อย”

เขาเว้นครู่หนึ่งค่อยกล่าวเสริมว่า “สิ่งที่ข้าหมายถึงไม่ใช่พลังฝึกปรือของท่าน แต่อย่างน้อยท่านก็รู้จักหาอาภรณ์ที่เหมือนกัน มาแต่งตัวเลียนแบบข้า”

“ทว่า ท่านเหมือนจะรู้แค่ความหมายของอาภรณ์สีขาวเสื้อคลุมสีน้ำเงินลวกๆ เท่านั้น กลับไม่ทราบว่าอาภรณ์ขาวของข้าคืออาภรณ์ขาวอะไร เสื้อคลุมเป็นเสื้อคลุมแบบใด”

ด้านในห้องส่วนตัวของหอสุรา อาหู่เบะปาก “คนผู้นี้กล้าพูด อารภรณ์ของเขาก็แค่เหมือนกันคร่าวๆ เท่านั้น รายละเอียดแตกต่างจากคุณชายท่าน”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างสนใจ “เขาน่าจะเคยเห็นภาพเหมือนเงาแสงของข้า ดังนั้นจึงเลียนแบบเครื่องแต่งกายส่วนใหญ่ได้

“แต่สิ่งที่ข้าสนใจก็คือ รูปลักษณ์ภายนอกของเขาเหตุใดถึงปลอมได้คล้ายขนาดนี้?”

การปลอมแปลงกับการศัลยกรรมทั่วไป ยากจะปิดบังสายตาของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

‘เยี่ยนจ้าวเกอ’ ด้านในจวนตระกูลเซี่ยยิ้มกว้าง เอ่ยว่า “ท่านใช้วรยุทธ์ได้ขนาดไหน? ถ้าสะดวกก็ใช้ออกมาให้พวกเราดู ข้าอยากรู้ว่าท่านนำเอาความสามารถของคนอื่นมาได้จริงๆ หรือว่าใช้ได้แค่ดัชนีฝ่ามือบรรพตธารานั่น”

ชายหนุ่มผอมสูงกล่าวอย่างราบเรียบ “เช่นนั้นต้องดูว่าท่านมีปัญญาหรือไม่”

อีกฝ่ายยิ้มกล่าว “ประเสริฐ”

เสียงยังไม่ทันขาด เขาก็ตั้งนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างขวาดุจกระบี่ แทงใส่ลำคอของชายหนุ่มผอมสูง

ชายหนุ่มผอมสูงผู้นั้นแทงนิ้วออกเช่นกัน แต่ไม่ได้ใช้นิ้วต่างกระบี่ แต่เป็นท่าดัชนี เหมือนกับภูผางอกขึ้นมา

ทั้งสองฝ่ายใช้บุกสวนบุก แค่กระบวนท่าแรกก็ดุเดือดแล้ว

แต่ว่าชายหนุ่มผอมสูงจิตใจสั่นสะท้าน ท่าดัชนีของเขาตอนแรกมั่นใจว่าใช้ทีหลังถึงก่อน

ภายใต้การพัวพันจากการเคลื่อนปราณของทั้งสองฝ่าย เขาพบว่าตนช้าไปครึ่งจังหวะ ดัชนีกระบี่ของอีกฝ่ายกำลังจะแทงใส่ลำคอของเขา!

ชายหนุ่มผอมสูงสายตาเคร่งขรึม อีกมือหนึ่งใช้ท่าฝ่ามือ เหมือนกับกระแสน้ำใหญ่ม้วนพัด ต่อเนื่องไม่ขาดสาย สภาวะยิ่งใหญ่

แต่ว่าดัชนีกระบี่ของอีกฝ่ายกำลังขี่วายุทะลุคลื่น ทะลวงการขวางกั้นจากสภาวะฝ่ามือของเขาออก

เขาใช้ดัชนีและฝ่ามือพร้อมกัน ดัชนีเหมือนกับภูผา ฝ่ามือเหมือนกับท้องธารา

ญาณจริงแท้ของเขาโชติช่วง รูปญาณวรยุทธ์ปรากฏ เกิดเป็นลำธารภูเขานับหมื่นลี้กลางอากาศ

เทือกเขายืดยาว ขณะแม่น้ำทะลักทลาย ก็ครอบคลุมเมืองตกวาฬไว้ด้านใน

เมืองขนาดใหญ่โตเหมือนกับกำลังจะถูกตัดขาดจากดินแดนวาฬ จากฟ้าดินในโลกซ้อนโลก ติดอยู่ในโลกแห่งมิติเวลาที่เป็นเอกเทศ

พริบตาเดียวจวนตระกูลเซี่ยกับเมืองตกวาฬ ที่อยู่ด้านในโลกภูเขาลำธารที่สร้างขึ้นจากวรยุทธ์ที่ชายหนุ่มผอมสูงผู้นี้ใช้ ก็มีลวดลายอาคมของค่ายกลหลายค่ายสว่างขึ้น ประสานกันบนตัวเมือง

ค่ายกลคุ้มครองเมืองถูกกระตุ้น ป้องกันไม่ให้พลังของชายหนุ่มผอมสูงโดนใส่เมือง

แต่ว่าภูเขาลำธารที่เหมือนกับโลกนั้นกดทับลงมา ค่ายกลคุ้มกันพลันส่ายไหว ลวดลายค่ายกลหลายสายแตกสลายอย่างต่อเนื่อง

โชคดีที่เป้าหมายในการโจมตีที่แท้จริงของชายหนุ่มผอมสูงไม่ใช่เมืองตกวาฬและจวนตระกูลเซี่ย ไม่เช่นนั้นที่นี่คงถูกทำลายราบพณาสูรไปครึ่งหนึ่ง

แต่เพราะถูกเกลียวคลื่นและพายุพัดใส่ ค่ายกลก็ใกล้จะทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน

กระนั้นในวินาทีถัดมา ทุกคนก็ทราบว่า ชายหนุ่มผอมสูงผู้นี้ไม่ได้ออมพลัง แต่ลงมือด้วยพลังทั้งหมดแล้ว!

เพราะว่าคู่ต่อสู้ของเขาในตอนนี้ แตกต่างกับชายหนุ่มอาภรณ์ดำเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง

ทว่าเมื่อเผชิญกับการโจมตีอันบ้าคลั่งเช่นนี้ คู่ต่อสู้ของเขากลับยิ้มอย่างไม่ยี่หระ

สภาวะกระบี่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือสภาวะกระบี่ดุจทำลายไผ่ ฟันใส่ภูผาลำธารนับหมื่นลี้เบื้องหน้าอย่างต่อเนื่อง!

กลางฝ่ามือของชายหนุ่มผอมสูง ถูกดัชนีของอีกฝ่ายเจาะเป็นรูเลือดรูหนึ่ง

ปราณกระบี่หลายสายไหลออกมาจากปลายนิ้ว เคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง

‘หือ?’ ด้านในห้องส่วนตัวของหอสุรา ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอเห็นปราณกระบี่นี้ ดวงตาของเขาก็พลันลุกวาว

ด้านในจวนตระกูลเซี่ย ชายหนุ่มผอมสูงจนปัญญา ชักอีกมือหนึ่งกลับ ใช้นิ้วปะทะนิ้ว

วินาทีถัดมา เลือดก็กระเซ็นไปรอบๆ เพราะนิ้วชี้ของชายหนุ่มผอมสูงผู้นี้ถูกปราณกระบี่ตัดขาด!

ภาพภูผาธาราที่ครอบคลุมเมืองตกวาฬ ถูกทำลายสลายในชั่วพริบตา ฟ้าดินกลับคืนสู่ลักษณะเดิม

ชายหนุ่มผอมสูงโซเซถอยหลัง กลางฝ่ามือของมือข้างหนึ่งเป็นรูเลือด มืออีกข้างถูกตัดนิ้วชี้ เลือดสดๆ ไหลริน

คู่ต่อสู้ของเขายิ้มกล่าว “ของจริงย่อมไม่ปลอม ของปลอมย่อมไม่จริง ท่านโชคไม่ดี สวมรอยเป็นข้า แต่กลับถูกข้าพบพอดี ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะหลอกผู้อื่นได้”

ขณะที่พูด ‘เยี่ยนจ้าวเกอ’ คนที่สามก็ลงมืออีกรอบ เข้าใกล้ชายหนุ่มผอมสูงผู้นั้นอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มผอมสูงคิดป้องกัน ทว่าเงาคนวูบไหว เสียงครางหนักๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น ด้วยทรวงอกถูกวาดเป็นบาดแผลอันสาหัสสายหนึ่ง จากนั้นก็โซเซล้มลงกับพื้น

คนที่อยู่รอบๆ มีพลังฝึกปรือไม่พอ มีแค่เยี่ยนจ้าวเกอที่เห็นชัดเจนว่า ในตอนที่คนผู้นี้ทำร้ายอีกฝ่ายแล้วชักนิ้วกลับ ได้คล้องสร้อยลูกปัดหยกชิ้นหนึ่งกลับไปด้วย

ในที่สุดสีหน้าของชายหนุ่มผอมสูงผู้นั้นก็เกิดความเปลี่ยนแปลง

แต่ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก อีกฝ่ายก็ยิ้มกว้าง ลงมืออีกครั้ง

ครั้งนี้กระบี่โดนเข้าที่คอ!

ชายหนุ่มผอมสูงกุมคอของตัวเอง กลับไม่อาจส่งเสียง ร่างค่อยๆ ล้มลง

เซี่ยเลี่ยงตกใจ กล่าวว่า “ถึงอย่างไรเขาก็มีหยกแขวนของเขาโถงทอง…”

‘เยี่ยนจ้าวเกอ’ คนที่สามเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หยกแขวนแม้จะเป็นของจริง แต่เป็นของตาย สามารถช่วงชิงและขโมยได้ เท่ากับว่าไม่อาจพิสูจน์อะไร เขาเองก็ไม่ใช่ศิษย์ของเขาโถงทอง ต่อให้รู้จักคนของเขาโถงทอง แต่เพราะเรื่องที่เขาสวมรอยเป็นข้า หากข้าแซ่เยี่ยนจะสังหารทิ้ง เขาโถงทองไม่มีทางคาดโทษ”

คนที่อยู่รอบๆ สั่นสะท้านเพราะสภาวะสังหารคนของเขา พูดอะไรไม่ออก

“เป็นไร ทุกท่านกำลังคิดอยู่ว่าถ้าหากครั้งนี้มีตัวปลอมโผล่มาอีก แล้วเอาชนะข้าแซ่เยี่ยนได้ เขาไหนเลยจะไม่ใช่ตัวจริง ส่วนข้าเป็นตัวปลอมใช่หรือไม่?”

ขณะที่พูด สายตาของเขากลับมองชายหนุ่มอาภรณ์สีดำผู้นั้น

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำตกใจ

อีกฝ่ายกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มาๆๆ ท่านไม่ใช่คิดลิ้มลองรสชาติของตราประทับตะวันหรอกหรือ? โผล่หัวออกมา ข้าจะทำให้ท่านสมความปรารถาเอง”

ขณะที่พูด บนตัวเขาก็มีแสงอาทิตย์หลายสายสว่างขึ้น พลังแห่งดวงอาทิตย์ที่ร้อนเร่ากล้าแกร่งสาดส่องไปทั่วเมือง

พวกเซี่ยเลี่ยงสบตากันเอง คำพูดเมื่อครู่ของคนผู้นี้ ตรงกับความในใจของพวกเขาพอดี แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ในตอนนี้แล้ว ก็อดเชื่อไปแปดส่วนไม่ได้

ในตอนนี้เอง สีหน้าของเซี่ยเลี่ยงเปลี่ยนเปลงเล็กน้อย เหมือนกับได้รับการแจ้งเตือนถึงอะไรบางอย่าง ใบหน้าปรากฏความลังเล

‘เยี่ยนจ้าวเกอ’ คนที่สามกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรไป? คนที่ประมุขตระกูลเซี่ยใช้ไปตามหาภาพเหมือนเงาแสงของข้ากลับมาแล้วหรือ? ให้เขาเข้ามาเถอะ ข้าบอกแล้ว จริงย่อมไม่ปลอม”

เซี่ยเลี่ยงกัดฟัน

คนทั้งสามเรียกตัวเองว่าเจ้าชายพระอาทิตย์ พลังต่างแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถทำลายเมืองตกวาฬได้ทั้งนั้น

โดยเฉพาะคนที่สาม ยิ่งแข็งแกร่งถึงขีดสุด ถ้าเกิดเขาไม่ใช่ตัวจริงขึ้นมา ทั้งยังถูกเปิดโปงจนอับอายกลายเป็นโทสะ ผลลัพธ์ย่อมยากจะคาดเดา

ทว่าคนตรงหน้ากลับมั่นใจถึงเพียงนี้ เซี่ยเลี่ยจึงโบกมือ “พาคนเข้ามา”

ครู่ต่อมา ก็มีคนเดินเข้ามา “ท่านประมุข…”

เซี่ยเลี่ยงตวาดเสียงต่ำ “แสดงออกมาดู!”

คนผู้นั้นขานรับ ก่อนจะหยิบยันต์หยกใบหนึ่งออกมา ถ่ายเทญาณจริงแท้เข้าไป ฉับพลันบนยันต์หยกก็สาดเงาแสงออกมา

ทุกคนกลั้นลมหายใจ มองเงาแสงเขม็ง

หลังจากเห็นเงาแสงนั้นจับตัวกันแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าหน้าตาของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับชายหนุ่มที่อยู่กลางลานไม่มีผิด!

ทุกคนต่างถอนใจพร้อมกัน ในใจไม่สงสัยอีก

ที่แท้คนผู้นี้เป็นตัวจริง

เซี่ยเลี่ยงกับผู้อาวุโสพรรคลมหายใจวาฬรีบร้อนลุกขึ้นคำนับ “เจ้าชายพระอาทิตย์มาถึง ก่อนหน้าพวกเราเสียมารยาท ขออภัยด้วย!”

อีกฝ่ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด ก่อนหน้านี้พวกท่านไม่เคยเจอข้ามาก่อน ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกหลอก ข้าเองก็ได้ยินมาว่าที่นี่มีตัวปลอมสองคนออกอาละวาด ดังนั้นจึงเดินทางมา…”

ในตอนนั้นเอง เขาพลันงงงัน

กลิ่นอายที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดสายหนึ่งกำลังกดอัดจวนตระกูลเซี่ย

ทุกคนมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสาวเท้าเข้ามาอย่างตกตะลึง

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่ได้พูดอะไร นิ้วของมันวาดเป็นวงแสงวงหนึ่งกลางอากาศ เกิดเป็นโลกมายาเงาแสง

ด้านในเงาแสง เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่ในหอสุราอย่างสง่างาม

จวนตระกูลเซี่ยเงียบงันราวกับความตาย จากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น ทุกคนมองเยี่ยนจ้าวเกอด้านในและด้านนอกเงาแสงที่หน้าตาเหมือนกันด้วยความแตกตื่น

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset