เสวี่ยชูฉิงมารดาของตนเกี่ยวข้องกับซือคงจิง และคนที่เหมือนกับซือคงจิงหรือ
เยี่ยนจ้าวเกอพลันคิดได้ว่า ในตอนที่เจอซือคงจิงเป็นครั้งแรก เขากับนางเพียงแค่อาศัยและเติบโตขึ้นในโลกแปดพิภพเท่านั้น
พวกเขาไม่เคยแยกกันอยู่ในโลกที่การไหลของเวลาแตกต่างกันมาก่อน
หากหยุดเวลาตอนนั้นเอาไว้ อายุของทุกคนสามารถคำนวณตามเวลาในโลกแปดพิภพได้
ในตอนนั้น ดูเหมือนเขาจะแก่กว่าซือคงจิงราวๆ สี่ห้าปี
ถ้าคำนวณตามเวลาของโลกแปดพิภพแล้ว ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอยังเด็ก ก่อนที่ซือคงจิงจะเกิดราวๆ หนึ่งปีโดยประมาณ ก็เป็นเวลาที่เสวี่ชูชิงจากไปพอดี
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญกระมัง?” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ
เสวี่ยชูฉิงกับซือคงจิงย่อมไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด
แต่เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความผิดปกติของซือคงจิงจะเกี่ยวข้องกับเสวี่ยชูฉิง
เพราะว่าการไหลของเวลาในโลกแต่ละใบ รวมถึงโลกซ้อนโลกแตกต่างกัน ดังนั้นอายุของพวกซือคงจิง เยว่เป่าฉี หลี่เฉิงในตอนนี้จึงแตกต่างกันด้วย
ทว่าถ้าหากเปลี่ยนเวลาของโลกทุกใบให้กลายเป็นเวลาของโลกแปดพิภพ เช่นนั้นอายุของคนเหล่านี้ก็แทบจะเท่าโดยสิ้นเชิง
เยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุดเคลื่อนที่ พุ่งไปยังทางที่แสงสายฟ้าปะทะกันซึ่งอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ไกลออกไป ลำแสงของแสงสายฟ้าอันยิ่งใหญ่สีม่วงอมฟ้า กับดวงสายฟ้าสีเขียวขนาดยักษ์มากมายซึ่งอยู่รอบๆ กำลังบีบอัดกันและกันอยู่
งูสายฟ้าอันน่ากลัวหลายตัวเลื้อยอยู่กลางอากาศ แทบจะเปลี่ยนให้มิติต่างแดนทั้งหมดกลายเป็นทะเลสายฟ้า
เสาแสงของแสงอัสนีสีม่วงอมฟ้านั้น ในที่สุดก็ค่อยๆ อ่อนกำลังลม หดตัวเข้าด้านใน
เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย ‘ดูเหมือนจะเป็นค่ายกลชนิดหนึ่ง’
ดวงสายฟ้าสีเขียวขนาดมหึมามากมายกอปรกันเป็นฉากกำบัง หยุดลำแสงสีม่วงอมฟ้าไว้ตรงกลาง รอจนลำแสงสีม่วงอมฟ้าค่อยๆ ถูกขจัดออกไป ขนาดของดวงสายฟ้าสีเขียวเหล่านี้ก็เริ่มหดเล็กลง
เมื่อจนเยี่ยนจ้าวเกอเข้าใกล้ ก็เห็นด้านในดวงแสงสีเขียวทุกดวง ต่างมีจอมยุทธ์สวมอาภรณ์สีเขียวอยู่
บนแขนเสื้อของจอมยุทธ์อาภรณ์เขียวเหล่านี้ ต่างมีลวดลายของต้นไม้เก้ากิ่ง อันเป็นสัญลักษณ์ของลูกศิษย์ของประมุขบูรพาแห่งอารามสูงส่งบนเขาเมฆเลือนในเขตสุราลัยบูรพา
ลำแสงของแสงอัสนีสีม่วงอมฟ้านั้น ครั้งนี้มีขนาดหดเล็กลง พลังค่อยๆ สลายไป เหลือเพียงสายฟ้ามากมายที่กำลังเต้นเร่ากลางอากาศ
ฟ้าดินด้านล่างถูกสายฟ้าระเบิดทำลาย มองไม่เห็นลักษณะเด่นทางภูมิศาสตร์ในตอนแรกอีก
มีเพียงแต่ลวดลายค่ายกลขนาดใหญ่โตที่ยังส่องแสงสีม่วงระยิบระยังเหลืออยู่ที่เดิม แต่ก็ค่อยๆ หายไปเช่นกัน
รอบๆ ล้วนเป็นลมปราณสายฟ้าที่คลุ้มคลั่ง ประกอบกันเป็นพลังแม่เหล็กที่น่าพรั่นพรึง ปกคลุมฟ้าดิน ส่งผลต่อความสามารถในการรับรู้ของผู้คนถึงขีดสุด
เยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนสายตา กวาดมองสำรวจ ไม่พบว่าใกล้ๆ มีใครซ่อนอยู่ และไม่พบสถานที่ที่ซ่อนคนได้
ท่ามกลางลมปราณสายฟ้า แฝงไว้ด้วยปราณความตายและจิตความตาย
นี่หมายความว่า ก่อนหน้านี้มีคนฝังร่างอยู่ในสายฟ้าเมื่อครู่
‘คงไม่ใช่ว่าท่านแม่ยอมตายไม่ยอมถูกจับ จึงใช้วิธีตกตายร่วมกันกระมัง’
เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากบิดเบี้ยว ‘ข้ายินดีเชื่อมากกว่าว่านางหนีไปแล้ว แต่ได้ทิ้งกับดักไว้ที่นี่ เพื่อเล่นงานคนที่มาจับตัวนาง’
เป็นดังที่คาด เขาได้ยินคนตวาดขึ้นว่า “ปล่อยให้นางหนีไปได้อีกแล้ว!”
“ทั้งๆ ที่เตรียมของวิเศษที่เอาไว้ลวงความลับแห่งฟ้ามาแล้วแท้ๆ ไฉนยังรู้ก่อนว่าเราจะมาอยู่อีก หรือว่าจะมีหนอนบ่อนไส้”
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูอย่างละเอียด เห็นรอบๆ มีคนทั้งหมดสี่คน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายหนึ่งคน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าหนึ่งคน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่สองคน
นอกจากพวกเขาแล้ว ลูกศิษย์อารามสูงส่งที่เข้ามาจับคนที่เหลือ ต่างเสียชีวิตเพราะกับดักสายฟ้าเมื่อครู่
คนสี่คนตรงหน้านี้หากไม่ใช่เพราะตอบสนองได้ทันเวลา รวมถึงมีพลังแข็งแกร่ง เกรงว่าจะโดนเล่นงานไปแล้ว
ยังดีที่เขาตอบสนองได้อย่างแม่นยำในชั่วเวลาสั้นๆ แต่ไม่อาจปกป้องสหายร่วมสำนักคนอื่นที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำได้
จอมยุทธ์อารามสูงส่งกลุ่มหนึ่งรู้สึกลนลาน ยามนี้สัมผัสได้ว่าจู่ๆ ก็มีคนเข้าใกล้ด้านหลัง จึงรีบหันหน้ามา
เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ พวกเขาต่างงงงัน “ท่านเป็นใครกัน”
พวกเขามองเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกลับกลาย
คนหนึ่งในนี้รู้สึกตกใจ ส่งกระแสเสียงให้กับคนอีกสามคน ถามว่า ‘พวกท่านว่าหน้าตาของเขาคล้ายกับกระเรียนหิมะนั่นอยู่บ้างหรือไม่’
หากไม่ใช่เพราะได้เจอเยี่ยนจ้าวเกอในที่ที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้ และไม่ได้เอาทั้งสองฝ่ายมาเทียบกัน ไม่ว่าพวกเขาจะมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างไร ก็ไม่มีทางเห็นถึงเบื้องหลัง
ทว่าการพบเยี่ยนจ้าวเกออย่างกะทันให้ในตอนนี้และในที่แห่งนี้ ทำให้จอมยุทธ์จากอารามสูงส่งรู้สึกไม่ปกติ ‘อย่างน้อยก็คล้ายกันอยู่สี่ห้าส่วน หรือว่าจะเป็นญาติของกระเรียนหิมะ’
‘ดูจากอายุแล้ว…เป็นบุตรของนางหรือ’
ทุกคนสายตาเคร่งขรึมลง
บุรุษวัยกลางคนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง “ท่านเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงโผล่มาที่นี่”
เยี่ยนจ้าวเกอยังคงสำรวจรอบๆ อยู่ เพื่อดูว่ามีรายละเอียดที่ตนมองข้ามหรือไม่
ครู่ต่อมา หลังจากกวาดมองหลายครั้งแล้วยังไม่พบอะไร เยี่ยนจ้าวเกอก็ค่อยผ่อนลมหายใจ
ดูเหมือนท่านแม่จะผละไปก่อนหน้านี้แล้วจริงๆ อีกทั้งยังหลบหลีกคนที่คิดจะจับนางได้อีกครั้ง นอกจากนั้นยังทิ้งของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับอีกฝ่ายด้วย
ถึงแม้การหลบเลี่ยงนี้จะหลบเยี่ยนจ้าวเกอไปด้วย ทำให้เขาอดถอนใจไม่ได้ก็ตาม
กระนั้นผู้ไล่จับตรงหน้าเหล่านี้ บางทีอาจจะบอกเรื่องที่เกี่ยวกับท่านแม่ให้แก่ตนได้มากกว่าเดิม
“ข้าแซ่เยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอ” เขารู้สึกตัว มองอีกฝ่ายพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินชื่อเยี่ยนจ้าวเกอ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย และบุรุษหนุ่มที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นที่อยู่ในกลุ่มคนทั้งสี่ต่างเลิกคิ้วขึ้น
“ท่านคือเยี่ยนจ้าวเกอหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอในตอนมีชื่อเสียงโด่งดังบนเขตตะวันอาคเนย์ เมื่อมาถึงเขตสุราลัยบูรพาที่อยู่ติดกันทางเหนือ ก็ย่อมไม่ใช่คนที่ไร้ชื่ออีก
อารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือนที่เป็นผู้ปกครองเขตสุราลัยบูรพา ย่อมให้ความสนใจผู้โดดเด่นที่เกิดขึ้นมาทีหลัง และอัจฉริยะอ่อนเยาว์ที่ปรากฏขึ้นมาได้ไม่นานมานี้
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยเห็นหน้าตาของเยี่ยนจ้าวเกอมาก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าลูกศิษย์อารามสูงส่งสองคนที่อยู่อีกด้านเคยได้ยินชื่อของเยี่ยนจ้าวเกอ
ทว่านี่มีแต่ทำให้สายตาของพวกเขาเย็นเยียบกว่าเดิม “คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเกี่ยวข้องกับกระเรียนหิมะ นี่เหนือความคาดหมายนัก”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ไม่ยอมรับ “เช่นนั้นแล้วเป็นไร”
บุรุษวัยกลางคนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะระยะท้ายถอนใจยาว กล่าวเสียงทุ้ม “กระเรียนหิมะเหมือนกับไร้ญาติไร้มิตรมาโดยตลอด ไม่ค่อยข้องเกี่ยวกับโลกภายนอก ทำให้คนยากจะตามหาที่อยู่ของนาง
“เมื่อมีร่องรอยเล็กน้อย รอคนติดตามไป นางก็จะหนีไปได้ก่อนก้าวหนึ่งเหมือนเช่นตอนนี้”
อีกฝ่ายพูดพลางเดินเข้ามาหาเยี่ยนจ้าวเกอ “ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ในที่สุดพวกเราก็มีวิธีรับมือนาง ไม่จำเป็นต้องไล่ตามหานางอีก แต่มีความหวังรอนางมาหาเอง!”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ ชี้จมูกตัวเอง “ท่านคิดจับข้าเป็นตัวล่อหรือ”
บุรุษวัยกลางคนดวงตาฉายประกายเย็นเยียบ “นางวางกับดักไว้หลายครั้ง สังหารสหายในสำนักของเราไปมากมาย ต่อให้จับตัวนางไม่ได้ แต่การจับท่านอย่างน้อยก็มีคนชดใช้ชีวิตให้แก่ศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักแล้ว!”
พูดจบ อีกฝ่ายก็ยื่นนิ้วออกมาหาเยี่ยนจ้าวเกอ
ปลายนิ้วมีแสงสีเขียวกะพริบ จากนั้นแค่พริบตาเดียวก็กลายเป็นกลุ่มสายฟ้าสีเขียวที่ใหญ่ยิ่งกว่ายอดเขา!