ครั้นวางค่ายกลเสร็จ ผู้วิเศษเซิงสายตาก็พลันเคร่งขรึมลงทันที
“นี่คือ…ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย?”
ผู้วิเศษเซิงที่ฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลา จำค่ายกลต่อสู้ที่แข็งแกร่งชนิดนี้ได้เกือบจะในชั่วพริบตา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ คมหอกของหอกราชาลี้ลับในมือชี้ไปที่ผู้วิเศษเซิง “ท่านฉลาดนัก”
ยามที่ทราบว่าตนลงไปยังโลกผืนสมุทรในครั้งนี้อาจจะต้องเข้าฌานปิดตาย ไม่อาจกลับมาได้หลายปี เยี่ยนจ้าวเกอไฉนเลยจะไม่เตรียมตัวไว้
บนยอดเขาพายุสะท้านของเขากว่างเฉิงในตอนนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงถือดาบยาวสีดำชี้ลงพื้น รอบๆ ตัวมีพลังสีดำลอยวนรอบตัว ม่านตาสองข้างเป็นสีฟ้า ราวกับดวงอาทิตย์ยะเยือกสองดวง
เพราะการเพิ่มพลังจากดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก เฟิงอวิ๋นเซิงจึงมีสภาวะพรั่งพรูสูงส่ง น่ากลัวยิ่งกว่าเทาเที่ยเสียอีก
บนศีรษะของนางกลับมีมงกุฎสีขาวบริสุทธิ์องค์หนึ่ง เหมือนกับจันทร์กระจ่างลอยกลางหาว เปล่งแสงสว่างอันเย็นเยียบ สูงส่งเหลือประมาณ
กลิ่นอายที่เย็นชาบริสุทธิ์ และกลิ่นอายที่ดุร้ายน่ากลัว ผสมกันบนร่างของเฟิงอวิ๋นเซิง ต่างก็แข็งแกร่งถึงขีดสุด!
เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปยังโลกผืนสมุทร เฟิงอวิ๋นเซิงเป็นคนปกป้องค่ายกลที่เหมาะสมที่สุด
เฟิงอวิ๋นเซิงในตอนนี้ยังอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ แต่เมื่อครอบครองมงกุฎจันทราและดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก นางกลับมีพลังน่าทึ่งยิ่ง
อาวุธเทพสองชิ้นก็สามารถปรับแต่งควบคุมอานุภาพของตัวมันเอง ลงไปยังโลกเบื้องล่างโดยไม่ถูกจำกัดได้อย่างหาได้ยากยิ่ง
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอต้องการให้เฟิงอวิ๋นเซิงอยู่ที่โลกซ้อนโลก
ไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องการร่วมทางกับเฟิงอวิ๋นเซิง
แต่ในโลกซ้อนโลกส่งผลดีกับนางมากกว่า
เฟิงอวิ๋นเซิงจำเป็นต้องฝึกปรือเช่นกัน สภาพแวดล้อมของโลกซ้อนโลกเหนือกว่าโลกผืนสมุทร หากนางลงไปคุ้มครองเยี่ยนจ้าวเกอ เท่ากับทำให้การฝึกฝนของตัวเองชักช้าลง
หากนางยังอยู่ในโลกซ้อนโลก เมื่อราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมีการเคลื่อนไหว จะสามารถลงมือได้
ไม่ใช่แค่เฟิงอวิ๋นเซิงเท่านั้น ที่เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจทิ้งกระบี่ปีศาจเทาเที่ยไว้ ความจริงไม่ใช่ให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเก็บไว้
บนยอดเขาพ้นอัคคีที่อยู่อีกด้านหนึ่ง สัตว์ประหลาดยักษ์ที่มีขนเป็นสีขาวดำตัวหนึ่งกำลังเงยหน้าร้องคำราม!
บนหน้าผากของมันมีลำแสงสีดำหลายสายผสมผสาน สะท้อนเป็นเงาแสงของเทาเที่ย รวมกับรูปร่างอันใหญ่โตของมัน
มันอ้าปากกว้าง พลังกลืนกินอันน่าสะพรึงกลัวส่งออกมา
กระบี่ปีศาจเทาเที่ยถูกเก็บไว้ในหีบกลืนฟ้ากลืนกิน สภาวะไม่ด้อยลงแม้แต่น้อย ตอนนี้วางอยู่บนหัวของสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้ พลังของทั้งสองฝ่ายเกิดการควบรวมอย่างเลือนราง
ที่แล้วมาเห็นแค่มนุษย์ที่กระตุ้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ปีศาจอสูรที่ยังไม่แปลงร่างเป็นมนุษย์ จะมีสักกี่ตัวที่สามารถควบคุมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้
ทว่าในตอนนี้ พ่านพ่านกลับประสานเสียงกับกระบี่ปีศาจเทาเที่ย
มันกลืนกินหลอมรวมเลือดจากหัวใจของเทาเที่ย และกระบี่ปีศาจเทาที่ยที่สร้างจากซากวิญญาณของเทาเที่ย ในวินาทีนี้ผนึกกันเป็นหนึ่งเดียว พลังทะยานอย่างต่อเนื่อง
พ่านพ่านในฐานะปี่ภูเขาเลือดบริสุทธิ์ สามารถควบคุมอัคคีทมิฬและวารีทมิฬได้โดยธรรมชาติ
หลังจากพลังของมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งเข้าใจหลักการฟ้าดินล้ำลึกขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จอมขี้เกียจที่ปกติดูเหมือนเซื่องซึมตัวนี้ เป็นเพราะว่าสายเลือดทางพรสวรรค์ ความจริงได้บรรลุถึงหลักการเปลี่ยนแปลงของหยินหยางโดยไม่ต้องมีผู้สอนแล้ว
หลักแห่งหยินหยางที่พ่านพ่านบรรลุแตกต่างกับฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดและดัชนีหยินหยางอยู่หลายส่วน
ถึงแม้ว่าจะไม่อาจก่อให้เกิดผลกระทบสำคัญ แต่ว่าก็มีส่วนช่วยในกระบวนการอนุมานฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดของเยี่ยนจ้าวเกออยู่บ้าง
ขณะเดียวกัน หลังจากกินเลือดจากหัวใจและหัวใจของเทาเที่ย พร้อมหลอมรวมกับของล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วน พลังของพ่านพ่านก็แทบจะต้านทานจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ในขั้นเทวะสำแดงจำนวนมากได้
ในฐานะพาหนะของเยี่ยนจ้าวเกอ มันเป็นผู้คุ้มครองโดยกำเนิด
ความจริงแล้ว พาหนะของยอดฝีมือผู้มีความสามารถมากมาย จะมีหน้าที่ในการเฝ้าบ้านและคุ้มครองในการฝึกฝนตามปกติของพวกเขาคล้ายๆ กัน
ทว่าในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอจะไม่พาคนอื่นไปคุ้มครอง แม้แต่พ่านพ่านเองก็ทิ้งไว้ด้วย
สิ่งที่เขาต้องการก็คือวินาทีตรงหน้านี้
สิ่งที่ต้องการก็คือการให้เยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดามีอิสระ สิ่งที่ควรฝึกฝนก็ฝึกฝน ที่ควรออกเดินทางหาประสบการณ์ก็ออกเดินทางหาประสบการณ์
ต่อให้สองพ่อลูกจะไม่อยู่ เขากว่างเฉิงก็มีพลังที่แข็งแกร่งมากพอ!
เมื่อมีศัตรูที่เข้มแข็งมาบุก เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ก็ยังเข้าฌานได้อย่างสบายใจ ไม่ถูกศัตรูกดดันให้ออกฌานก่อนเวลา
วินาทีนี้ หยวนเจิ้งเฟิงที่ได้รับสิทธิ์ควบคุมค่ายกลเอกพิสุทธิ์กลับมาอีกครั้ง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่ถือหอกราชาลี้ลับ พ่านพ่านที่ประสานกับกระบี่ปีศาจเทาเที่ย และเฟิงอวิ๋นเซิงที่ครอบครองมงกุฎจันทรารวมถึงดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก
ยอดฝีมือทั้งสี่ แยกกันอยู่สี่ด้าน กางค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายพร้อมกัน!
ในโลกแปดพิภพเมื่อครั้งอดีต เยี่ยนตี๋ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง หวงกวงเลี่ยกับผู้อาวุโสโม่ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง และซ่งอู๋เลี่ยงที่ครองครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำกระบี่สัตยาทะเลมรกตซึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง คือผู้วางค่ายกล
ขณะที่เข่นฆ่ายอดฝีมือฝ่ายปีศาจอัคคี ก็สะกดการกัดกร่อนโลกแปดพิภพของโลกปีศาจอัคคีไปด้วย
และในตอนนี้ พวกหยวนเจิ้งเฟิงสี่คนวางค่ายกล แสงวิญญาณสีขาวพุ่งสู่ฟากฟ้า ต้านทานประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลานั้น
ลวดลายอาคมอันน่าพิสดารจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่กลางฟ้าดินที่กลายเป็นสีขาว สลักใส่อากาศ
ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย บรรลุถึงการเปลี่ยนแปลงระหว่าง ‘เคลื่อนไหว’ และ ‘หยุดนิ่ง’ แสดงให้เห็นถึงความน่าอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด
การประสานกันจนถึงขีดสุดของ ‘การเคลื่อนไหว’ กับ ‘การหยุดนิ่ง’ ได้ทำให้เข้าใจถึงจิตจริงแท้ของการไหลของกาลเวลาเช่นกัน
พลังแห่งค่ายกลทรงพลังยิ่ง แสงสีขาวปะทะกับประกายกระบี่ด้านบน
เขากว่างเฉิงที่เหมือนกับหยุดนิ่ง เวลาชะงักค้างในตอนแรก พลันได้พลังชีวิตกลับคืนมา
‘ค่ายกลนี้ล้ำลึกจนมีความอัศจรรย์อยู่ด้านใน…’ ผู้วิเศษเซิงถืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงตรากระบี่กาลเวลา สายตาปรากฏความเคร่งขรึม ‘ใช้ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายได้ด้วยหรือนี่ แม้แต่ทางองค์จักรพรรดิก็มีแค่ผังค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น’
เจตจำนงกระบี่ของเขายังคงยิ่งใหญ่ทรงพลัง แต่กลับถูกค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายหยุดไว้ ไม่อาจสำแดงฤทธิ์เดชได้
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่ได้ต้องการโต้ตอบ มาตรว่าจะโต้ตอบ โดยมีการเสริมพลังจากพลังของค่ายกล ก็ใช่ว่าจะทำอะไรผู้วิเศษเซิงที่มีพลังฝึกปรือล้ำเลิศ และมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่กับตัวได้
ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงแค่จำเป็นต้องรักษาค่ายกลเอาไว้ ทำให้ผู้วิเศษเซิงจนปัญญา
‘สองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคำร่ำลือ พ่อลูกคู่นั้นไม่ได้ปรากฏตัว…’ ผู้วิเศษเซิงขมวดคิ้ว ‘รีบเผด็จศึกดีกว่า ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อน’
เขาพลันยกมือขึ้น ลำแสงสายหนึ่งพุ่งสู่กลางท้องฟ้า
แสงสว่างสลายไป กลายเป็นละอองแสง
เพราะการครอบคลุมของละอองแสง เวลาของดินแดนจิตคุณธรรมจึงเหมือนเกิดการย้อนทวน!
ตอนแรกค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายถูกตั้งขึ้นมาแล้ว มีแสงสีขาวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทว่าวินาทีถัดมา ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายกลับหายไป
ไม่ใช่ว่าค่ายกลถูกทำลาย
บนยอดเขาพ้นอัคคี พ่านพ่านเงยหน้าส่งเสียงร้องคำราม บนยอดเขาพายุสะท้าน เฟิงอวิ๋นเซิงยืนถือดาบ บนยอดเขานภากาศ หยวนเจิ้งเฟิงสะกดทัพรอคอย
กลางท้องฟ้า ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกำลังจะหยิบอาวุธวางค่ายกลที่สร้างจากแกนศิลาชั้นยอดหลายชิ้นออกมา
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้
ผู้วิเศษเซิงไม่ได้ทำลายค่ายกล
แต่ว่าเวลาในอาณาเขตที่ละอองแสงครอบคลุมกลับไหลย้อนกลับ!
ผู้วิเศษเซิงระบายลมหายใจยาว เข้าใกล้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกประดุจสายฟ้าฟาด หนึ่งกระบี่ฟันใส่อาวุธที่สร้างจากแกนศิลาชั้นยอดเหล่านั้น!
ของวิเศษอันแสนพิสดารได้มอบโอกาสชดเชยข้อผิดพลาดให้แก่เขา!
ดีที่ของวิเศษชิ้นนี้ส่งผลแค่ฟ้าดินด้านนอก ไม่ส่งผลต่อประสาทสัมผัสกับความทรงจำของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ทุกคนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติในทันที
เฟิงอวิ๋นเซิงสายตาฉายความเด็ดเดี่ยว
นางพ่นเลือดออกมาใส่ตัวดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกแทบจะในทันที
ดาบยาวสีดำกลายเป็นอัคคีสีดำกระจัดกระจายในชั่วอึดใจเดียว
ควันมารเพลิงทมิฬที่น่ากลัวห้อมล้อมทั่วร่างเฟิงอวิ๋นเซิง แค่ในพริบตาเดียวก็ประกอบกันเหมือนกับเกราะ แต่ว่าลุกไหม้ไม่หยุด
กลิ่นอายของเฟิงอวิ๋นเซิงเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
มงกุฎจันทราที่อยู่เหนือศีรษะนางสาดประกายแสงออกมา เผยให้เห็นแสงสว่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
พริบตาเดียว แค่พริบตาเดียว
แต่ว่าพริบตานี้ พลังของมงกุฎจันทรากลับเพิ่มขึ้นอย่างถล่มทลาย สะกดตรากระบี่กาลเวลาของผู้วิเศษเซิงไว้
การถ่วงเวลานี้ ทำให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกตอบสนองทันกาล ปกป้องอาวุธสำหรับวางค่ายกล จากนั้นก็กระจายออกมาใหม่
วินาทีต่อมา พลังของมงกุฎจันทราลดลง เกราะเพลิงสีดำบนร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงหายไป สีหน้านางซีดขาวลงหลายส่วน
ทว่าค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้ง!
ในแสงสีขาวที่กว้างใหญ่ ผู้วิเศษเซิงถูกกดดันให้ถอย ไม่อาจลุกคืบเข้ามาได้อีก!