หลังจากกลางฝ่ามือและบนหน้าผากของฟู่ถิงมีลวดลายไท่จี๋ปรากฏ มิติของฟ้าดินในสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยก็เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
มิติของโลกค่อยๆ ถูกทะเลเพลิงกลืนกินพลันบิดเบี้ยวขึ้นมา
พลังที่กลับตาลปัตรกันสองขั้วแผ่พุ่งออกมา โดยมีตำหนักใต้ฝาเท้าเป็นศูนย์กลาง
ทว่าฟู่ถิงเพิ่งจะขยับ กลางฝ่ามือและกลางหน้าผากของนางก็พลันเกิดเปลวไฟกลุ่มหนึ่งลุกไหม้ขึ้น
เปลวเพลิงกลายเป็นตราอาคมสายหนึ่ง สะกดลวดลายไท่จี๋ที่กลางฝ่ามือและบนหน้าผากของฟู่ถิงในชั่วอึดใจ
เสียงของเทพอัคคีองค์นั้นดังมาจากกลางอากาศ “ข้าไม่คิดจะลดตัวไปยุ่งกับผู้เยาว์เช่นพวกเจ้า เจ้าพานมาตอแยเอง”
“แต่จงรู้ไว้เสียว่า ข้าไม่ถือสาที่จะได้ฆ่าพวกเจ้าเช่นกัน”
ตราอาคมเปลวเพลิงนั้นเริ่มกลืนกินลวดลายไท่จี๋บนร่างของฟู่ถิงในทันที
แก้มและบนมือของฟู่ถิงกำลังจะติดสะเก็ดไฟเช่นกัน
เสื้อขนหงส์เพลิงที่เป็นของวิเศษบนร่างของนาง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น
เส้นไหมสีเงินยวงที่กะพริบแสงอัคคีสีแดนฉายสายหนึ่งพลันลอยขึ้นมา วนเวียนไปรอบๆ กั้นเพลิงไร้สิ้นสุดไว้ด้านนอก
แต่เมื่อเผชิญกับตราอาคมเปลวเพลิง มันแค่แตะใส่ก็สลายไปทันที ไม่อาจต้านทานได้
กลับเป็นตรงกลางลวดลายไท่จี๋บนหน้าผากของฟู่ถิง ที่เดิมทีถูกสะกด แต่บัดนี้พลันมีแสงสว่างขึ้น
ตำหนักที่อยู่กลางสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยซึ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของฟู่ถิง ก็สว่างขึ้นมาเช่นกัน
พลังที่กลับตาลปัตรสองขั้วเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังรุนแรงและยิ่งใหญ่กว่าเมื่อครู่!
เทพอัคคีที่อยู่กลางอากาศชะงักเล็กน้อย “การสะกดจากการโจมตีของข้ากลับไปกระตุ้นสะกดซ่อนเร้นชนิดที่สองหรือ เป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า เหนือกว่านักพรตเสวียนจงอย่างแท้จริง”
ในวินาทีนี้สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยถึงกับมีสภาวะพังทลาย
ไม่ใช่เพราะพลังของทวนพระอังคาร แต่มาจากสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย
ฟ้าดินทั้งหมดต่างยุบตัวลงเข้าไปตรงกลาง
พลังที่ยิ่งใหญ่นี้ยามนี้ถูกเสริมลงบนร่างของฟู่ถิง
ครั้นได้รับการเสริมพลัง ฟู่ถิงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะตราอาคมเปลวเพลิงนั้นอีก
ทุกสิ่งบังเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
ฟู่ถิงเองก็มีแค่พริบตาเดียวนี้ให้ใช้ประโยชน์
นางตบฝ่ามือลงด้านล่างใส่อากาศ ตำหนักตรงหน้ากลายเป็นละอองแสงสีขาวดำทันที
หยินหยางหมุนเวียนกลายเป็นรูปไท่จี๋ ม้วนฟู่ถิง ลูกศิษย์ยอดเขาอัศจรรย์ เยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และยอดฝีมือเผ่ามังกรที่ถูกเพลิงผลาญร่างสามตัวนั้นไว้พร้อมกัน
ทุกคนลอยไปยังจุดที่ยุบตัวลงตรงกลางนั้น กำลังจะหายไป
พลังที่กอปรกันขึ้นมาจากการพังทลายของฟ้าดินในสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย ทำให้เปลวเพลิงที่อยู่บนร่างของยอดฝีมือเผ่ามังกรสามตนนั้นดับลงในที่สุด
ฟ้าดินแห่งนี้ถึงอย่างไรก็เป็นที่บำเพ็ญที่จักรพรรดิแพรงามบุกเบิก ฟู่ถิงยังเด็ดเดี่ยวเหลือประมาณ สุดท้ายช่วยดึงชีวิตมังกรเขียวสามตัวนั้นออกมาจากห้วงความตาย
ทว่าในยามนั้นเอง เทพอัคคีที่ยืนตระหง่านอยู่กลางมิติ แม้ว่าฟ้าดินจะถล่มก็ไม่ขยับองค์นั้น ก็พลันเคลื่อนไหวขึ้นมาแล้ว
“เป็นดรุณีที่โดดเด่นยิ่ง มีลักษณะของผู้เป็นบิดาอยู่ไม่น้อย”
คล้ายกับเสียงคำรามของมังกรอันยิ่งใหญ่ดังขึ้นจากที่ที่อยู่ไกลไร้สิ้นสุด
ครู่ต่อมา ร่างอันใหญ่โตที่สูงเก้าจั้งนั้นก็ระเบิดออก กลายเป็นลำเพลิงกระจายเต็มฟ้า
ทวนที่มีวงเดือนสองข้างเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากในทะเลเพลิง เหมือนกับทวนวงเดือนของลิโป้ในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอ
เพียงแต่ทวนใหญ่เล่มนี้เป็นสีแดงฉาน สลักด้วยลวดลายมังกร
“มีความกล้า มีความสามารถ ถึงข้าไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าก็ต้องถูกลงโทษ”
ทวนวงเดือนสีแดนฉานวาดวงโค้งกลางอากาศ
แสงอัคคีกะพริบ รูปไท่จี๋สีดำขาวที่ยุบลงตรงกลาง ถูกทำลายอย่างสะเทือนเลือนลั่น!
พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และฟู่ถิงกำลังจะถอยเข้าไปในทางเชื่อมมิติ ที่เกิดจากการพังทลายของสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยเพราะการม้วนพัดจากรูปไท่จี๋
ทว่าหลังจากแสงอัคคีกะพริบขึ้น ทางเชื่อมมิติก็แตกฉานซ่านเซ็นในชั่วอึดใจ!
ทุกคนต่างพยายามหยุดยั้งท่าร่างของตัวเอง แต่ก็กระจัดกระจายกันออกมา แยกกลุ่มกันถูกม้วนพัดเข้าไปในมิติที่แตกต่างกัน
ภาพสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็คือ แสงอัคคีสีแดงฉานสายนั้นสว่างวาบขึ้น ยอดฝีมือเผ่ามังกรสามตนตกตายจนหมดสิ้น!
ร่างมังกรขนาดมหึมาล้วนถูกสะบั้นเอวขาด!
ตรงปากแผลมีเพลิงลุกไหม้ขึ้นมา เผาผลาญร่างมังกรที่ถูกตัดเป็นหกท่อนให้หายไป
ฝุ่นตลบควันสลาย ไม่เหลือร่องรอยใดๆ
ไกลออกไปในทางตรงกันข้ามของมิติที่แหลกสลาย แสงอัคคีผนึกรวมกันกลายเป็นเทพอัคคีที่เหยียบมังกรสองตัวองค์นั้นอีกครั้ง
ยักษ์อัคคียืนตระหง่านอยู่กลางมิติ ไม่ได้ไล่ตามและไม่ได้ถอยหนี เพียงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ คล้ายกับกำลังรอจักรพรรดิแพรกลับมา
เยี่ยนจ้าวเกออยู่ในมิติที่สับสน ครั้นหันไปมองอีกด้าน ก็เห็นบิดาของตนติดอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติที่สับสนเช่นกัน
พ่อลูกสบตากัน ต่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
พวกตนครั้งนี้เป็นบ่อปลาถูกไฟลามโดยแท้ ถูกยอดเขาอัศจรรย์และเผ่ามังกรลากเข้ามา ก่อนจะมานึกไม่ถึงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้น
ทั้งสองส่งสัญญาณว่าไม่ต้องเป็นห่วงให้แก่กัน สองพ่อลูกได้แต่หยุดท่าร่างในมิติที่แหลกสลาย ไหลไปตามเกลียวคลื่น ต่างลอยเข้าไปในคนละทิศ
ด้วยพลังฝึกปรือในปัจจุบันของทั้งสองคน กลับไม่มีอันตราย
ปัญหาเดียวอยู่ที่ หากจะกลับโลกซ้อนโลก จำเป็นต้องสิ้นเปลืองความพยายามบ้าง
เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจ ‘แผนการไม่เร็วเท่าการเปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าจักรพรรดิเอกภพกำเนิดถูกจักรพรรดิแพรงามสะกดไว้ ขออย่ามีกำลังเสริมมาจะประเสริฐสุด สุดท้ายกลับมีทวนพระอังคารมาสร้างปัญหาให้’
‘นี่คิดแง่ดีไม่ตรงเผง คิดแง่ร้ายกลับตรงเผงโดยแท้…’
ชายหนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อย ตั้งท่าร่างของตัวเอง
เขาฝึกฝนกระบี่ลวงเซียน เข้าใจวิถีการเปลี่ยนแปลงของมิติและเวลาอย่างถ่องแท้ ในยามนี้เมื่อติดอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติ จึงไม่รู้สึกไม่หวั่นวิตกมากนัก
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอต้องหนักใจก็คือ ฟู่ถิงลอยอยู่ในกระแสมิติสายเดียวกันกับเขาโดยบังเอิญ
ด้วยเหตุนี้ เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่อาจใช้กระบี่ลวงเซียนออกมา
ฟู่ถิงยามนี้ขออภัยต่อเยี่ยนจ้าวเกอ “เพราะข้าอวดฝีมือ ต้องการอาศัยผนึกที่ท่านพ่อทิ้งไว้ในสถานบำเพ็ญ ช่วยเหลือผู้อาวุโสเผ่ามังกรสามท่าน สุดท้ายก็ยังลากพวกท่านพ่อลูกเข้ามาพัวพัน คุณชายเยี่ยนโปรดให้อภัยด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร แม่นางฟู่เกรงใจแล้ว”
ทวนพระอังคารเล่มนี้มีนิสัยเป็นของตัวเอง ไม่แตกต่างกับยอดฝีมือระดับจักรพรรดิ
มันมีนิสัยแข็งกร้าว แต่ก็ใจกว้างยิ่ง
หากฟู่ถิงไม่สอดมือ เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สมควรไม่เป็นอะไร
หลังจากทวนพระอังคารสังหารยอดฝีมือเผ่ามังกรสามตนนั่นแล้ว ก็น่าจะปล่อยเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ออกไป พวกฟู่ถิงอาจจะถูกจับไว้เพื่อใช้ล่อจักรพรรดิแพรมา แต่ก็อาจจะถูกปล่อยไป อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต
การลงมือเมื่อครู่ของฟู่ถิงทำให้อีกฝ่ายทำลายสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยโดยสิ้นเชิง เป็นเหตุให้ทุกคนพลัดหลงอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติ
กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่โทษว่าเป็นเพราะฟู่ถิง
เพราะถ้าหากเปลี่ยนมุมมอง หากคนที่มาเยือนในครั้งนี้เป็นจักรพรรดิเอกภพกำเนิด เพื่อหาเรื่องเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก ฟู่ถิงก็น่าจะช่วยพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างเต็มที่ เนื่องจากพวกเขาก็เป็นแขกของยอดเขาอัศจรรย์เช่นกัน
แน่นอนว่าที่เขาใจกว้างถึงเพียงนี้ จะมากจะน้อยเป็นเพราะผลลัพธ์ในตอนนี้ไม่ได้แย่มากมายอะไรนัก ยังอยู่ในขอบเขตที่เยี่ยนจ้าวเกอรับได้
กลับเป็นคำพูดเมื่อครู่ของทวนพระอังคาร ที่สร้างความสนใจให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอหลายส่วน ‘ข้าไม่ได้ตั้งใจ เขากลับมีความตั้งใจ…อย่างนั้นหรือ’
………………..