หลินฮั่นหัวเป็นชื่อปลอมเหมือนกับเฉียนเสวี่ยจี้
ผู้ฝึกกระบี่ที่เป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ท่านนี้ คืออดีตศิษย์เอกของเขาโถงเซียนในเขตตะวันอาคเนย์บนโลกซ้อนโลก ชื่อจริงคือหลงฮั่นหัว
เขากับหลงเสวี่ยจี้ผู้เป็นบิดา ล้วนเป็นบุตรหลานของจักรพรรดิน้ำพุหลง
ในตอนนั้นหลงเสวี่ยจี้อาศัยและเคลื่อนไหวอยู่ในโลกซ้อนโลก สถานะถูกเปิดเผย ต้องกลับมรกตท่องฟ้า
รอจนหลงฮั่นหัวบุตรของเขาเติบใหญ่ ก็มุ่งหน้าไปยังโลกซ้อนโลกแทนหลงเสวี่ยจี้
น่าเสียดายที่สุดท้ายกลับเจอจุดจบเดียวกันกับบิดาของตัวเอง ไม่อาจไม่ออกจากโลกซ้อนโลก กลับมรกตท่องฟ้า
พอมาถึงเบื้องหน้าหลงฮั่นหัว หลงเสวี่ยจี้ที่เหมือนกับคนหนุ่มสวมอาภรณ์ขาวก็เก็บความคมกล้า ทำให้ผู้คนมองเห็นโฉมหน้าได้ตรงๆ
แม้ว่าจะเป็นพ่อลูก ใบหน้าของเขากลับมีส่วนที่คล้ายหลงฮั่นหัวไม่มากนัก
ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนมาก่อน ก็ยากจะเชื่อมโยงว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกคู่หนึ่ง
ภายนอกหลงเสวี่ยจี้เป็นเด็กหนุ่ม ส่วนภายนอกของหลงฮั่นหัวกลับดูแก่กว่าบิดาตนเอง
หลงฮั่นหัวกล่าว “ท่านพ่อ หลังจากท่านลุงเชิญท่านกลับสำนัก ก็ไปยังยอดเขาทิวทัศน์แล้ว”
“ยอดเขาทิวทัศน์?” หลงเสวี่ยจี้มองเทือกเขาที่อยู่ไกลออกไป “อาจารย์ปู่ของเจ้าออกฌานแล้วหรือ?”
หลงฮั่นหัวตอบ “เพิ่งออกมาได้ไม่กี่วัน ท่านลุงคอยปรนนิบัติอยู่ที่นั่น ทั้งเชิญให้ท่านไปด้วยกันหลังจากกลับสำนัก”
หลงเสวี่ยจี้พยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนี้ ฮั่นหัวเจ้าไปกับข้า”
คนทั้งสองไม่ได้เหาะเหินในเขาแหนเขียว แต่ว่าเดินไปยังยอดเขาอีกแห่งหนึ่ง
ที่แห่งนั้นเป็นที่ที่หาดธารสวรรค์บนยอดเขาทิวทัศน์แห่งเขาแหนเขียว ซึ่งเป็นที่พักของจักรพรรดิน้ำพุหลง ปู่ของหลินฮั่นหัว บิดาของหลงเสวี่ยจี้ตั้งอยู่
หลังจากหลงเสวี่ยจี้เป็นผู้ใหญ่ ก็ออกจากหาดธารสวรรค์บนยอดเขาทิวทัศน์ สร้างที่พักของตัวเองในเขาแหนเขียว ไม่อยู่ร่วมกับบิดามารดาอีกต่อไป
สองพ่อลูกพอถึงหาดธารสวรรค์บนยอดเขาทิวทัศน์ ก็ได้รับการแจ้งข่าวจากทารกเฝ้าประตูว่าจักรพรรดิน้ำพุหลงออกฌานแล้ว
หลงเสวี่ยจี้และหลงฮั่นหัวพอเข้าไปในที่พำนัก ก็มีคนอีกสามคนอยู่ด้านในอยู่แล้ว
บุรุษหนุ่มอายุสามสิบกว่าปีผู้หนึ่ง ในตอนนี้พิงอยู่บนเก้าอี้นอน หรี่ตาเล็กน้อย เหมือนกับกำลังงีบหลับ
มีดรุณีน้อยนั่งอยู่ด้านข้าง คอยนวดแห้งให้เขาเบาๆ เป็นเกาฉิง
ครั้นเห็นหลงเสวี่ยจี้กับหลงฮั่นหัวเข้ามา เกาฉิงก็พลันยิ้มตาหยี “ท่านปู่น้อย ท่านอา พวกท่านมาแล้ว”
แววตาของหลงเสวี่ยจี้อ่อนโยนลงหลายส่วน “ฉิงเอ๋อร์”
เกาฉิงยกนิ้วแตะริมฝีปาก กล่าวเบาๆ ว่า “ท่านตาทวดกำลังงีบอยู่”
ด้านข้างมีเฒ่าชราผู้หนึ่งนั่งตัวตรงเรียบร้อย
พอเห็นหลงเสวี่ยจี้กับหลงฮั่นหัวเข้ามา เฒ่าชราก็พยักหน้าเล็กน้อย “น้องสาม ครั้งนี้ราบรื่นหรือไม่”
หลงเสวี่ยจี้ประสานมือคารวะ “พี่ใหญ่”
คนหนุ่มผู้หนึ่งกับชายชราผมขาวผู้หนึ่งเรียกกันเป็นพี่เป็นน้อง ดูประหลาดพิกลไปบ้าง แต่เกาฉิงกับหลงฮั่นหัวกับคุ้นชินดี
เฒ่าชราผมขาวคือเกาเสวี่ย พี่ชายแท้ๆ ของหลงเสวี่ยจี้ บุตรคนโตของกษัตริย์ลี้ลับและจักรพรรดิน้ำพุหลงแห่งมรกตท่องฟ้า ผู้ปกครองยอดเขาขาวเรืองบนเขาแหนเขียว
ในขณะเดียวกันยังเป็นปู่ของเกาฉิงด้วย
สายสืบทอดของพวกเขาใช้แซ่เกาตามกษัตริย์ลี้ลับ รับสืบทอดตระกูลเกา
เกาฉิงอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คนเช่นเดียวกับหลงเสวี่ยจี้
หนึ่งสำนักมีหนึ่งกษัตริย์หนึ่งจักรพรรดิ และประมุขคู่หนึ่ง
เกาฉิงซึ่งเป็นลูกหลานรุ่นที่สี่ ก็อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
หากพูดถึงความเกี่ยวพันทางด้านสายเลือด ตระกูลของหลงจักรพรรดิมังกร เรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางจอมยุทธ์สำนักเต๋าในปัจจุบัน
หลงฮั่นหัวคารวะเฒ่าชราผู้นั้นเช่นกัน “ท่านลุงใหญ่”
เกาเสวี่ยโพพยักหน้าให้กับหลงฮั่นหัว จากนั้นก็มองหลงเสวี่ยจี้
หลงเสวี่ยจี้ส่งกระแสเสียงว่า “ระหว่างศาสนาพุทธกับเต๋านอกรีตเปิดหน้าทำศึกษากันแล้ว อีกทั้งยิ่งสู้ยิ่งรุนแรง ช่วงนี้สมควรพุ่งสู่ระดับสูงสุด”
“แบบนี้ย่อมประเสริฐ แผนการของพวกเราสมควรนำมาพูดในการประชุมได้แล้ว” เกาเสวี่ยโพพยักหน้า “ท่านพ่อออกฌานแล้ว และใกล้จะถึงวันที่ท่านแม่จะออกฌานแล้วเช่นกัน”
หลงเสวี่ยจี้เงียบงันครู่หนึ่งค่อยกล่าวต่อว่า “ครั้งนี้ข้าได้พบเยี่ยนจ้าวเกอผู้นั้นในพื้นที่ของเต๋านอกรีต”
เกาเสวี่ยโพขมวดคิ้ว “เขาถึงกับไปโผล่ที่นั่นหรือนี่ แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไรบ้าง
หลงเสวี่ยจี้ส่ายหน้า “มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขจากเต๋านอกรีตสร้างความลำบากให้แก่เขา ข้าเล่นงานจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์จากเต๋านอกรีตผู้นั้นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาสมควรจะหนีรอดไปได้ น่าเสียดายที่ตอนนั้นมีจักรพรรดิจากเต๋านอกรีตผู้หนึ่งมาถึง ข้าจึงได้แต่ล่อคนไป ไม่ทันพาเขากลับมรกตท่องฟ้า”
เกาเสวี่ยโพกล่าวอย่างใคร่ครวญ “ชื่อของ ‘เทียนจวิน’ นั่น เขาก็แล้วรู้แล้วใช่หรือไม่”
หลงเสวี่ยจี้ตอบ “เขาน่าจะทราบแล้ว”
สองพี่น้องที่หนึ่งแก่หนึ่งเด็ก เงียบงันลงไปพร้อมกันอยู่ชั่วขณะ
“พลังฝึกปรือในตอนนี้ของเขาสมควรยังอยู่ในขั้นเทวะสำแดงกระมัง” เกาเสวี่ยโพสีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ใช่ถูกคนวางแผนทำร้ายโดยการส่งเขาไปหรือไม่ นี่เป็นหนทางในการส่งเขาไปตายแท้ๆ!”
หลงเสวี่ยจี้ว่า “คนที่อยู่กับเขายังมีฟู่ถิง บุตรีของจักรพรรดิแพรจากโลกซ้อนโลกอยู่ด้วย”
เกาเสวี่ยโพส่ายหน้าอย่างแช่มช้า “แม้จะเป็นคนในโลกซ้อนโลก แต่ก็เป็นต้นอ่อนที่ยอดเยี่ยมซึ่งในผู้สืบทอดสำนักเต๋าของเรามีอยู่น้อยนิด เกือบจะถูกกำจัดทิ้งเสียแล้ว”
“ยังไม่ต้องมองโลกในแง่ร้ายเกินไปนัก” ครั้งนี้ข้างหูของพวกหลงเสวี่ยจี้มีเสียงดังขึ้น
คนหนุ่มที่งีบอยู่บนเก้าอี้นอนบิดขี้เกียจคราหนึ่ง ตื่นขึ้นอย่างสบายอารมณ์
“ตอนนี้ยังไม่อาจบอกได้”
หลงเสวี่ยจี้กับเกาเสวี่ยโพส่งเสียงพร้อมกัน “ท่านพ่อ”
บุรุษที่ดูเหมือนอายุไม่เกินสามสิบปีที่พิงอยู่บนเก้าอี้นอน และเพิ่งจะตื่นขึ้นมาผู้นั้น กลับเป็นจักรพรรดิน้ำพุหลง!
จักรพรรดิที่มาจากเต๋าหลักสายสามพิสุทธิ์ มีชื่อเสียงมาหลายพันปี ผลักเปิดประตูเซียน ปีนสู่แดนเซียนมานมนาน!
คนผู้นี้หล่อเหลาไม่ธรรมดา ใบหน้าคล้ายกับหลงเสวี่ยจี้และเกาเสวี่ยโพอยู่หลายส่วน
เพียงแต่ไม่ดุดันเท่าหลงเสวี่ยจี้ และไม่เรียบร้อยเท่าเกาเสวี่ยโพ
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้มีท่าทีสบายๆ และเกียจคร้าน
เขากล่าวอย่างซึมเซาว่า “พูดถึงเรื่องนี้ยังต้องขอบคุณอิ่นเทียนเซี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะเขา แม้จะเป็นพวกเราก็เกรงว่าไม่อาจพูดถึงเรื่องเต๋านอกรีตได้อย่างสบายใจเช่นนี้”
“ขอรับ” พวกหลงเสวี่ยจี้ต่างคล้ายนึกออกอันใด
การสนทนาของพวกเขาล้วนใช้การส่งกระแสเสียง จะมีพวกเขาแค่สามคนที่ได้ยิน เกาฉิงกับหลงฮั่นหัวไม่ได้ยิน เพียงเห็นจักรพรรดิน้ำพุหลงตื่นขึ้นมาเท่านั้น
เกาฉิงพลันกล่าวด้วยความดีใจ “ท่านตาทวด เรื่องเล่าของท่านไม่อาจบอกกล่าวแค่ครึ่งเดียว!”
จักรพรรดิน้ำพุหลงหัวเราะเหอะๆ เอ่ยว่า “เป็นอะไรไป ให้เจ้าทำงานเล็กน้อย นวดแข้งนวดขาให้แก่ข้า ยังต้องตอบแทนด้วยหรือ เสียทีที่ปกติข้าอุตส่าห์เอ็นดูยาโถวน้อยนางนี้”
เกาฉิงกะพริบตา กล่าวอย่างน่าสงสารว่า “ไม่มีรางวัล ก็ไม่ควรมีการลงโทษกระมัง ท่านเล่าเรื่องมาแค่ครึ่งเดียว ทำให้ผู้คนทรมานเช่นนี้ โหดร้ายเกินไปแล้ว”
จักรพรรดิน้ำพุหลงอดหัวเราะไม่ได้ “ไปเรียนคารมคมคายแบบนี้มาจากผู้ใดกัน”
เขาส่ายหน้า “อืม ก่อนหน้านี้เล่าถึงไหนแล้ว”
เกาฉิงรีบเตือน “เล่าถึงตอนที่ท่านกับศิษย์พี่ใหญ่ของท่านผจญภัยในใต้หล้า”
จักรพรรดิน้ำพุหลงว่า “อ้อ จริงด้วย ตอนนั้นเป็นตอนยังเป็นคนหนุ่มใจร้อน ต่อมาพออายุมากขึ้น แม้จะไม่ได้หุนหันพลันแล่นขนาดนั้นแล้ว แต่ก็คึกคะนองยิ่ง ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มาที่นี่แล้ว”
เกาฉิงปรบมือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านไม่มาก็ไม่มีข้าแล้ว และไม่มีท่านปู่ ท่านปู่น้อย และท่านอาเช่นกัน”
เกาเสวี่ยโพส่ายหน้า หลงเสวี่ยจี้กับหลินฮั่นหัวไม่ตะขิดตะขวาง หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
หลังจากนั้น เกาฉิงก็ถามอย่างสงสัยว่า “เช่นนั้นศิษย์พี่ใหญ่ของท่านไม่ได้มาหาท่านที่นี่หรือ”
จักรพรรดิน้ำพุหลงตอบ “มาแล้ว”
เกาฉิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เช่นนั้นเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านย่าทวดเช่นกัน ไม่อย่างนั้นท่านจะต้องกลับไปกับเขาแล้ว”
จักรพรรดิน้ำพุหลงบนใบหน้าปรากฏแววนึกย้อนความหลัง “ไม่ ศิษย์พี่ใหญ่ชนะแล้ว”
………………..