ของกำนัลในการขอโทษของเหลียนฉงอี้ ก็คือของเหลวเหนียวหนืดสีมรกตจำนวนหนึ่งที่บรรจุอยู่ในภาชนะ สะท้อนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นแล้ว ก็จำได้ในทันที นี่คือแก่นน้ำพุมรกต
ในอาณาเขตความควบคุมป้อมปราการตระกูลเหลียน มีบ่อน้ำพุทรายมรกตบ่อหนึ่งเลื่องชื่อระบือไกล น้ำพุที่ผลิตออกมามีคุณประโยชน์ต่อจอมยุทธ์อย่างมาก
สำนักเขากว่างเฉิงส่งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งน้ำพุมรกตท่านหนึ่งประจำการที่นั่นโดยเฉพาะ ทุกๆ ปีจะปันน้ำพุตามจำนวนที่กำหนดไว้
หากแต่เทียบกับน้ำพุทรายมรกตแล้ว แก่นน้ำพุมรกตที่ผลิตจากตาน้ำพุ ล้ำค่าและมีมูลค่ามากกว่า
เพียงแต่แก่นน้ำพุมรกตมีอยู่น้อยอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะป้อมปราการตระกูลหรือจะสำนักเขากว่างเฉิง ทุกๆ ปีได้รับมาเพียงเล็กน้อยเช่นกัน นอกจากทั้งสองสำนัก ก็มีเพียงพรรคกระบี่วายุคำรามที่ยังมีอีกส่วนหนึ่ง ขุมกำลังอื่นล้วนไม่ต้องแม้แต่จะคิด
แก่นน้ำพุมรกตที่เหลียนฉงอี้คิดจะมอบให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ดูเหมือนมีแค่เพียงถ้วยเดียว ทว่าอันที่จริงแล้วนี่เทียบเท่ากับปริมาณรวมที่ตาน้ำพุผลิตทั้งปีโดยประมาณ!
หมายความว่าแก่นน้ำพุมรกตของทั้งสำนักเขากว่างเฉิงที่ได้มาจากบ่อน้ำพุทรายมรกตในทุกๆ ปี ก็ยังไม่มากเท่าตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้
แน่นอนว่าป้อมปราการตระกูลเหลียนไม่ได้ปิดบังปริมาณการผลิต หากแต่พวกเขาเจียดออกมาอย่างขื่นขม จากจำนวนที่ตระกูลตนสั่งสมในหลายปีที่ผ่านมา
แก่นน้ำพุมรกตเพียงแค่น้อยนิดเท่านี้ กล่าวว่าทรงคุณค่าอย่างยิ่งก็ไม่เกินไปนัก
เหลียนฉงอี้มองเยี่ยนจ้าวเกอ อมยิ้มพลางเอ่ย “เรื่องเกิดกะทันหันครานี้ ข้ามาด้วยความรีบเร่งอย่างยิ่ง จึงมีได้แค่เพียงของกำนัลน้อยนิดนี้เท่านั้น คุณชายเห็นของวิเศษล้ำค่าหลากรูปแบบจนชินตาแล้ว โปรดอย่าได้หัวเราะเยาะ กลับไปหนนี้ ข้าแซ่เหลียนจะจัดเตรียมอย่างเหมาะสมอีกครั้ง ไม่นานนักจะส่งมาให้แก่คุณชายเยี่ยน”
หากพูดว่าเพียงแค่แก่นน้ำพุมรกต แม้จะเลอค่า กระนั้นก็แสดงถึงความจริงใจในการขอโทษขอขมาของป้อมปราการตระกูลเหลียนล่ะก็ เช่นนั้นท้ายประโยคนี้ก็แสดงความประสงค์ที่แท้จริงของเหลียนฉงอี้แจ่มชัดอย่างไร้ข้อกังขา
แม้จะมาเยือนถึงที่เพื่อขอโทษก็ตาม แต่ก็วาดหวังว่าจะสามารถหยิบยืมสิ่งนี้กระชับความสัมพันธ์กับเยี่ยนจ้าวเกอด้วยเช่นกัน
บางทีเยี่ยนจ้าวเกออาจจะไม่หยุดอยู่ที่เกาะทรายนานนัก ทว่าเพียงแค่ข่าวคราวความสัมพันธ์ฉันมิตรอันสนิทชิดเชื้อระหว่างป้อมปราการตระกูลเหลียนกับคุณชายกว่างเฉิงข่าวหนึ่งแพร่กระจายออกไป ก็ย่อมมีผลดีอย่างใหญ่หลวงที่สุด สำหรับตระกูลเหลียนแล้ว
นอกจากนี้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังฟังความนัยบางอย่างได้มากกว่านั้น
‘คุณชาย แก่นน้ำพุมรกตกับน้ำพุทรายมรกตก็เป็นของดีสำหรับตระกูลเหลียน หากเขาต้องเตรียมของกำนัลสูงค่าอีกหน จะเตรียมอะไรได้อีก?’ อาหู่ที่อยู่ข้างเคียงใช้ปราณจิตราส่งกระแสเสียงหาเยี่ยนจ้าวเกอลับๆ ‘หรือเขายังสามารถทำแก่นน้ำพุมรกตออกมาได้มากกว่านี้อีก? กระนั้นนำมารวดเดียวคงไม่ดีนัก’
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน ‘ตระกูลเหลียนไม่มีของดีอื่นใดแล้ว แต่บางคนมีอย่างไรเล่า ยังจำข่าวสารที่ข้าให้เจ้าเสาะหารวบรวมก่อนมาเกาะทรายได้หรือไม่?’
อาหู่ตื่นรู้ ‘ผู้อาวุโสหงแห่งพรรคกระบี่วายุคำราม?’
ชายหนุ่มพลันยิ้ม ‘ตอบถูกต้องแล้ว’
ภายในพรรคกระบี่วายุคำรามในตอนนี้จวนจะถึงช่วงเวลาสละตำแหน่งสับเปลี่ยนเช่นกัน ประมุขพรรคอายุมากแล้ว จึงตัดสินใจสละตำแหน่งส่งต่อให้แก่รุ่นถัดไปในช่วงเวลาอันใกล้นี้
บรรดายอดฝีมือรุ่นสองของพรรคกระบี่วายุคำราม ผู้ที่ล้ำเลิศที่สุด แท้จริงแล้วก็คือผู้อาวุโสจวิน บิดาของจวินลั่ว และเป็นสหายเก่าของเยี่ยนตี๋
พลังฝึกปรือสูงสุด ขณะเดียวกันยังมีความสัมพันธ์อันแนบชิดกับเยี่ยนตี๋อีก
เพียงแต่ผู้อาวุโสจวินไม่ประสงค์ตำแหน่งประมุข เอ่ยชัดว่าจะไม่รับตำแหน่งนานแล้ว ดังนั้นการแข่งขันจึงดำเนินอยู่ที่ระหว่างผู้อาวุโสคนอื่นอีกสองท่าน
ท่านหนึ่งผู้อาวุโสหง ท่านหนึ่งผู้อาวุโสไป๋ ทั้งสองฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยง ทำให้ประมุขพรรคกระบี่วายุคำรามยากจะคัดเลือกด้วยเช่นกัน
ทั้งสองต่างก็ช่วงชิงผู้สนับสนุนของตน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดคือสำนักเขากว่างเฉิง
เท่าที่เยี่ยนจ้าวเกอรับรู้ สำนักเขากว่างเฉิงไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทราย หรือผู้อาวุโสคุมการณ์วายุคำราม ต่างก็รักษาท่าทีเป็นกลางในเรื่องนี้
เนื่องจากไม่ได้ซับซ้อนเหมือนเช่นเหตุการณ์ถังตะวันออกในตอนแรกเช่นนั้น ไม่ว่าผู้อาวุโสหงหรือว่าผู้อาวุโสไป๋ ต่างเป็นผู้สนับสนุนของสำนักเขากว่างเฉิง
ไม่ว่าจะพลังฝึกปรือหรือความสามารถในการจัดการกิจธุระของทั้งสองล้วนยากแบ่งสูงต่ำ ฉะนั้นสำนักเขากว่างเฉิงจึงรักษาท่าทีไม่เอนเอียงด้วยเช่นกัน
ผู้ใดจะรับตำแหน่งประมุขพรรคกระบี่วายุคำรามต่างไม่สลักสำคัญสำหรับสำนักเขากว่างเฉิงแต่อย่างใด ขอเพียงแค่ผู้ดำรงตำแหน่งเอนเอียงมาทางกว่างเฉิง และรับประกันอย่างแท้จริงว่าเขตแดนตนจะไม่ล่วงล้ำเรือกสวนไร่นาตระกูลอื่นก็ใช้ได้
เรือกสวนไม่บ่ายเบนล้ำ สำนักเขากว่างเฉิงจะไม่แทรกแซงกิจภายในของขุมกำลังใต้บัญชาง่ายๆ
อีกทั้งผู้อาวุโสหงและผู้อาวุโสไป๋เองก็ไม่กล้าก่อวิวาทรุนแรงจนเกินไปเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเท่ากับว่าบีบให้ผู้อาวุโสจวินออกมาเก็บกวาดสถานการณ์ที่กำลังพินาศ
เยี่ยนจ้าวเกอที่มาถึงเกาะทราย มาถึงท้องที่พรรคกระบี่วายุคำรามฉับพลันในสถานการณ์ประเภทนี้ ก็พลันทำให้เบื้องหน้ากองกำลังทั้งสองฝ่ายส่องสว่าง
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้หยุดอยู่เกินควร ไม่นานนักก็มุ่งหน้าตรงสู่มหาทะเลทรายแดนตะวันตก ทำให้ผู้อาวุโสหงและผู้อาวุโสไป๋ไม่อาจเข้ามาพูดคุยให้ดีได้เช่นกัน
ภายหลังยังบังเกิดเรื่องแทงสังหารอีก สถานการณ์ทั้งเกาะทรายล้วนตึงเครียดขึ้นมา การพิพาทภายในของพรรคกระบี่วายุคำรามจึงเอื่อยเฉื่อยต่อไปก่อนเป็นการชั่วคราว
ป้อมปราการตระกูลเหลียนคือขุมกำลังขั้นสองที่ใกล้ชิดผู้อาวุโสหง ภายใต้การปกครองของพรรคกระบี่วายุคำราม เยือนถึงที่ครานี้ นอกจากเป็นการแสดงความขอโทษของตนเอง และคิดหาวิธีคลายโทสะที่อาจจะมีอยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอและจอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่น แท้จริงแล้วยังมีเจตจำนงที่จะสร้างสะพานปูทางเชื่อมสัมพันธ์เพื่อผู้อาวุโสหงอีกด้วย
เพราะบิดาของตนเป็นเหตุ แน่นอนว่าทั่วทุกหย่อมหญ้าทั้งพรรคกระบี่วายุคำราม เยี่ยนจ้าวเกอนั้นคุ้นเคยกับผู้อาวุโสจวินที่สุด
หากแต่ผู้อาวุโสจวินไม่เข้าไปพัวพันการแข่งขันตำแหน่งประมุข เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่สนใจการช่วงชิงระหว่างผู้อาวุโสหงกับผู้อาวุโสไป๋ด้วยเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอและผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเกาะทราย พวกเขามีท่าทีเฉกเช่นเดียวกัน
บัดนี้ผู้อาวุโสหงกับเหลียนฉงอี้ ก็วางแผนอาศัยโอกาสตีสนิทเยี่ยนจ้าวเกอ หากท่าทีเยี่ยนจ้าวเกอเกิดเปลี่ยนแปลง เช่นนั้นก็เป็นไปได้ที่จะแปรเปลี่ยนทั้งสถานการณ์!
อย่าว่าแต่เยี่ยนตี๋ที่อยู่เบื้องหลังเยี่ยนจ้าวเกอเลย ต่อให้น้ำหนักวาจาเยี่ยนจ้าวเกอเองในตอนนี้ ก็หาผู้คนทั่วไปจะเทียบเทียมได้ไม่
ไม่เอ่ยถึงผู้อาวุโสคุมการณ์วายุคำราม ต่อให้ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเกาะทราย ล้วนเป็นไปได้ที่จะให้เกียรติเยี่ยนจ้าวเกอ ในเรื่องที่แต่ไรล้วนเป็นไปได้ทั้งสองประเภทนี้
ไม่เพียงแค่ทางฝั่งเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น ครานี้เหลียนอิ๋งเกือบทำร้ายจวินลั่วสิ้นชีพ ทางฟากผู้อาวุโสจวินนั้น เหลียนฉงอี้ก็จะเยือนบ้านแสดงการขออภัยเองด้วยเช่นกัน พลิกวิกฤตการแข่งขันให้เป็นโอกาส
ผู้อาวุโสจวินเองไม่เข้าร่วมการแข่งขัน ยามปกติก็ไม่เอียงเอนฝ่ายใดเช่นกัน ครานี้ไม่ว่าจะถูกผู้อาวุโสหงและเหลียนฉงอี้ตีด่านได้สำเร็จ หรือพาลโกรธผู้อาวุโสหงเนื่องจากเรื่องที่ธิดาประสบอันตราย ล้วนเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนความสมดุลสถานการณ์ เหลียนฉงอี้จึงอดไม่ได้ที่จะไม่ใส่ใจ
‘หรือกล่าวได้เช่นกันว่า…’ อาหู่กะพริบตาชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง ‘ตอนนี้เขากำลังติดสินบนประจบประแจงคุณชายอยู่นะขอรับ?’
เยี่ยนจ้าวเกอยกโค้งมุมปาก ‘โอ้…กล่าวเช่นนี้ก็ว่าได้’
อาหู่เอ่ยถาม ‘เช่นนั้นไยเขาไม่ติดสินบนพวกท่านผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทรายกับผู้อาวุโสคุมการณ์วายุคำรามไปเลยเล่า? อย่างไรเสียพวกเขาต่างหากที่ปักหลัก คุณชายท่านเพียงแค่เดินทางผ่านมาอาศัยอยู่ชั่วคราวก็เท่านั้น’
ชายหนุ่มยิ้ม ‘เป็นเพราะผู้อาวุโสไป๋ก็จะกระทำเช่นนี้เหมือนกัน จะไม่นิ่งมองดูคู่ต่อสู้กลิ้งเกลือกไปมาทั่วการแข่งขันอยู่ข้างๆ แต่กลับไม่ได้ตอบโต้สักครึ่ง ทั้งสองฝ่ายผลัดกันแพ้ชนะโดยตรงแล้ว’
‘ข้ามาอย่างฉับพลัน ทั้งสองฟากต่างไม่อาจเยือนถึงที่ได้โดยตรง ดังนั้นจึงต่างก็หาโอกาส อยากจะแย่งครองโอกาสสำคัญ’
‘ทางด้านผู้อาวุโสหงกับตระกูลเหลียนนี้ นี่ไม่เท่ากับว่าใช้ข้ออ้างมาเยือนถึงประตูหรอกหรือ?’
เยี่ยนจ้าวเกอส่งกระแสจิตหาอาหู่ ‘ข้าประมาณการเรื่องที่พอทางผู้อาวุโสไป๋ได้รับข่าวลือ เกรงว่าผู้คนที่สำรวจเส้นทางก็จะอยู่บนเส้นทางแล้วเช่นกัน คลาดกับเหลียนฉงอี้ทางนี้เพียงแค่นิดเดียวอยู่’
อาหู่ยิ้มซื่อ ‘คุณชาย นี่เป็นโอกาสร่ำรวยนะขอรับ’
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง ตำแหน่งตนค่อยๆ ไต่ระดับ กลับสะท้อนภาพด้านนี้ให้เห็นก่อน
น่ารำคาญใจนัก ข้าเป็นคนซื่อตรงนะ เช่นนี้ไม่ใช่ยั่วยวนให้ข้ากระทำผิดโดยเฉพาะหรือ?
——————