สองร้อยปีก่อนมีเทพกระบี่น้อย หนึ่งร้อยปีก่อนมีคุณชายฟ้า
นี่เป็นคำกล่าวที่แพร่หลายทั่วไปบนโลกซ้อนโลก แม้ว่าจะไม่ได้สลักลึกในจิตใจของผู้คนเหมือนสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบ แต่ก็แพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางยิ่ง
‘เทพกระบี่น้อย’ ในประโยคแรก ย่อมเป็นหลงเสวี่ยจี้ที่ปรากฏตัวเหมือนกับหงส์สะบัดปีก
แน่นอนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ โลกซ้อนโลกล้วนคิดว่าเขาชื่อเฉียนเสวี่ยจี้
ถึงแม้ว่าจะเคลื่อนไหวบนโลกซ้อนโลกอยู่ไม่นาน อีกทั้งยังเป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง ทว่าหลงเสวี่ยจี้ก็มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
หลงเสวี่ยจี้ที่มีความเป็นมาไม่ชัดเจน คนอื่นๆ จึงยากจะวิเคราะห์ความเร็วในพัฒนาพลังฝึกปรือของเขา
ทว่าในตอนนั้นเขายังมีอายุไม่ถึงสี่สิบปีด้วยซ้ำ เทียบกับระดับพลังฝึกปรือเมื่อครั้งนั้นของเขา ยังน้อยจนทำให้คนคับข้อง
และสาเหตุที่เขามีชื่อเสียงถึงเพียงนั้น นอกจากการเป็นอัจฉริยะเมื่ออายุยังน้อยแล้ว สาเหตุสำคัญอีกอย่างก็คือพลังอันเหี้ยมหาญและล้ำเลิศของเขา
หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ผจญทั่วใต้หล้า สั่นสะเทือนจนคนที่มีอายุเท่ากัน หรือแม้กระทั่งจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันทุกคนต้องก้มหัวยอมรับ
ว่ากันว่านอกจากการต่อสู้กับประมุขอุดรที่กดอัดพลังฝึกปรือของตัวเองในตอนนั้นแล้ว เวลาหลงเสวี่ยจี้สู้กับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน ที่แล้วมาล้วนเอาชนะได้ภายในสามกระบี่
ในระดับหนึ่งหมายถึง หลงเสวี่ยจี้ได้วางเสาปักรางวัดที่ยากข้ามผ่าน ให้แก่จอมยุทธ์อัจฉริยะบนโลกซ้อนโลกในเวลานั้น
ตั้งแต่เขาปรากฏตัวขึ้นอย่างเป็นปริศนา และหายไปอย่างเป็นปริศนาเช่นกัน บนโลกซ้อนโลกก็ไม่เคยปรากฏบุคคลที่เหมือนกับเขาขึ้นมาอีกพักใหญ่ทีเดียว
จนกระทั่งเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน
ก่อนวันนี้ราวๆ หนึ่งร้อยปี ในที่สุดก็มีบุคคลระดับปีศาจผู้หนึ่งโผล่มาบนโลกซ้อนโลกแล้ว
คุณชายฟ้า เฉินเฉียนหัว
คนผู้นี้เก่งกาจน่าทึ่ง กลายเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่สั่นสะท้านโลกซ้อนโลกทั้งใบทั้งที่อายุยังน้อยอีกคนหนึ่ง
คุณชายฟ้าเคลื่อนไหวอยู่บนโลกซ้อนโลกมาโดยตลอด แตกต่างกับหลงเสวี่ยวจี้ที่โผล่มาเหมือนหงส์สะบัดปีก และฝากตำนานไว้ไม่น้อย
ต่อมาเขายิ่งกลายเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่โลกซ้อนโลกเคยมีมา
ถ้าหากพูดถึงตำนานที่มีอายุน้อยที่สุดในหนึ่งร้อยปีมานี้ของโลกซ้อนโลก เช่นนั้นก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเขาแล้ว
และสิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงก็คือ เขาที่อายุน้อยที่สุดได้ก้าวข้ามคนรุ่นก่อนจำนวนมาก รวมถึงประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงในระยะเวลาที่สั้นถึงขีดสุด
แม้ว่าจะสูญเสียสภาวะไปเมื่ออยู่ต่อหน้าทวนพระอังคาร กระนั้นหวังเจิ้งเฉิงที่กลายเป็นประมุขในหมู่คนมาเมื่อหลายพันปีก่อน ก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ
แข็งแกร่งหรืออ่อนแอขึ้นอยู่กับว่าเปรียบเทียบกับใคร
ทวนพระอังคารเป็นอาวุธเซียนที่ติดตามราชันพระอังคาร ผจญไปทั่วจักรวาลเมื่อหลายพันปีก่อนเช่นกัน
แม้จักรพรรดิแพรงามจะโด่งดัง แต่หมัดเปล่ามือเปลือยก็ทำอะไรทวนพระอังคารไม่ได้
ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ หวังเจิ้งเฉิงเป็นยอดฝีมือที่เหนือกว่าใคร ทว่าเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า
ประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวคือคนที่เหนือกว่าเขา ขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดที่ตลอดชีวิตของคนส่วนใหญ่ยากจะบรรลุถึงในเวลาเพียงสั้นๆ
แกร่งที่สุดในทิศทั้งสิบ เป็นอันดับหนึ่งในหมู่ประมุข
นี่เป็นคำชมที่ทุกคนใช้เวลากล่าวถึงเขา
ในขณะเดียวกัน แทบทุกคนไม่เคยกังขาเลย ว่าเขาจะต้องผลักเปิดประตูเซียน ก้าวสู่ระดับเซียนจริงแท้ได้แน่นอน
คำถามคือ เขาจะใช้ฉายาจักรพรรดิได้ตอนไหนเท่านั้น
ความจริงแล้ว ในสายตาของคนส่วนใหญ่ อย่าว่าแต่ฉายาจักรพรรดิ แม้แต่ฉายากษัตริย์ จะช้าจะเร็วก็ต้องตกเป็นของเขาเช่นกัน
แต่ว่าประมุขทิศบนผู้นี้ ปกติแล้วมีร่องรอยไม่แน่นนอน อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ยากจะหยั่งถึง
แม้นจะเป็นสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ก็ยากจะทำความเข้าใจความคิดของเขา
เซี่ยกวงไม่รู้จักบุคคลที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้เท่าไรนัก ด้วยอีกฝ่ายอยู่ไกลแสนไกลเกินไปสำหรับเขา
แต่ว่าอย่างน้อยเขาก็รู้เรื่องหนึ่ง
ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ใกล้ที่สุดในชีวิตของเขา ประมุขอาคเนย์ เมื่อเทียบกับประมุขทิศบนผู้นี้แล้วยังด้อยกว่า
“ข้าไม่กลัว” เซี่ยกวงเม้มริมฝีปาก ครู่ต่อมาถึงค่อยระบายลมหายใจออกยาวๆ “ข้าเพียงกลัวไม่ได้แก้แค้น หากแก้แค้นได้ ต่อให้ต่อจากนั้นต้องตายทันทีข้าก็ยอม”
เขาพลันรู้สึกตัว มองเยี่ยนจ้าวเกอ อยากกล่าววาจาแต่ก็หยุดไว้
เยี่ยนจ้าวเกอทราบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “มิผิด ประมุขทิศบนแม้นว่าจะมีบุญคุณต่อเขาสามขา แต่ว่าเขาสามขาถึงอย่างไรก็ไม่ใช่สำนักของเขา เป็นเขาสามขาติดหนี้บุญคุณเขา ไม่ใช่เขาติดหนี้บุญคุณเขาสามขา ดังนั้นเขาจะออกหน้าแทนเขาสามขาหรือไม่ก็ยังไม่แน่”
“สิ่งสำคัญก็คือ คนจากเขาสามขาล้วนตายด้วยน้ำมือข้า กล่าวได้ว่าข้าทำลายสำนักทั้งสำนักไปมากกว่าครึ่งแล้ว”
ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอก็หัวเราะเล็กน้อย “ประมุขทิศบนหากต้องการหาคนคิดบัญชีจริงๆ เขาจะต้องตามหาข้าก่อน”
เซี่ยกวงกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าจะไม่แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด”
เขากลับไม่คิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะสังหารเขาปิดปากหรือไม่
สาเหตุที่เขามีความคิดเช่นนี้ เพราะเยี่ยนจ้าวเกอสังหารยอดฝีมือจำนวนมากของเขาสามขาไปแล้ว ถือเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเซี่ย
เยี่ยนจ้าวเกอไพล่สองมือไว้ด้านหลัง พิจารณาเซี่ยกวงขึ้นลงครู่หนึ่ง ถามพลางยิ้มว่า “ถ้าหากมีคนบอกว่า สามารถช่วยท่านกำจัดศัตรูที่เหลืออยู่ได้ ขอแค่ขายข้าก็พอเล่า”
เซี่ยกวงอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายศีรษะกล่าว “เช่นนั้นข้าก็ไม่แพร่งพรายออกไปเหมือนเดิม”
“เป็นอย่างที่คุณชายเยี่ยนท่านพูดเมื่อก่อนหน้า เขาสามขาถูกท่านทำลายไปมากกว่าครึ่ง ข้าได้ชำระแค้นใหญ่ มีมากกว่าครึ่งที่เป็นท่านลงมือ”
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มแย้ม “พวกเรามีวาสนา เห็นท่านอาการสาหัส ที่ข้ามีโอสถอยู่จำนวนหนึ่งที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านได้ อาการบาดเจ็บของท่านหากผ่านไปนาน จะสั่งสมยากจะบรรเทา ส่งผลเสียต่อรากฐานและปราณกำเนิดของท่าน”
ว่าแล้วขวดโหลเล็กๆ ใบหนึ่งก็ลอยไปถึงหน้าเซี่ยกวง
เซี่ยกวงรับไว้อย่างงกๆ เงิ่นๆ ครั้นเปิดขวดโหลออก หลิ่นหอมสายหนึ่งก็ลอยออกมา ไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อน แต่เหมือนอยู่ไกลยิ่ง
เพียงแค่สูดดมกลิ่นหอมนั้น เซี่ยกวงก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก
เขาตื่นเต้นสงสัย แม้ว่าจะเป็นโอสถประทีปวิสุทธิ์ที่ตนต้องการแต่ไม่ได้มาของหอธารกระจ่าง สรรพคุณที่ลือกันก็เกรงว่าจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่านี้
“ขอบ…ขอบคุณท่าน” เซี่ยกวงกล่าวอย่างตะกุกตะกัก
เขาติดหนี้บุญคุณเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมายิ่งมากแล้ว มากจนไม่ทราบว่าสมควรใช้คืนอย่างไร
คิดไปคิดมา ตนคล้ายไม่มีตรงไหนที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ประโยชน์ได้
ถึงอย่างไร ระดับพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอก็เหนือกว่าเขามาก
แม้ยากจะรับได้ แต่เซี่ยกวงก็รู้สึกได้ว่า พาหนะของเขาก็ดูเหมือนจะร้ายกาจกว่าตนเช่นกัน…
เยี่ยนจ้าวเกอพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ต่อจากนี้ท่านวางแผนอย่างไร”
“วางแผน?” เซี่ยกวงคิดถึงขั้นตอนสามขั้นที่ตนได้วางไว้ก่อนหน้า “ข้าคิดจะหาวิธีกลับเขตตะวันอาคเนย์ก่อน”
วันนี้ได้โอสถรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว นับเป็นโชคหล่นจากฟ้า แผนการขั้นแรกสำเร็จลุล่วง ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลอีก
ต่อจากนี้ต้องหาวิธีตามหาครอบครัวที่เหลืออยู่ และไปแก้แค้นเขาสามขา
แต่แท้จริงแล้วควรทำอย่างไรดี
เขาจะไปตามหาพี่ชายและพี่หญิงที่ใด
และทำอย่างไรถึงจะเพิ่มพลังของตัวเองให้อยู่เหนือกว่าศัตรูได้โดยเร็วที่สุด
เซี่ยกวงคิดเรื่องเหล่านี้ไม่ออกอยู่ชั่วขณะ
โดยเฉพาะเบื้องหลังยังอาจจะยืนไว้ด้วยบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นประมุขทิศบน ความหวังในการแก้แค้นของเขาริบหรี่ยิ่ง
ศัตรูไม่มีทางยืนอยู่ที่เดิมรอให้เขาไปแก้แค้น
ในขณะที่เขาคิดหาวิธีรุดหน้า ศัตรูก็จะก้าวหน้าขึ้นเช่นกัน
เช่นนั้นจะแก้แค้นได้ตอนไหน
เซี่ยกวงมองเยี่ยนจ้าวเกอ จิตใจสั่นไหว หลุดปากว่า “คุณชายเยี่ยน ข้าสามารถ…”
ทว่าพูดได้ครึ่งเดียวก็ชะงักไป
สิ่งที่เขาคิดเมื่อครู่ก็คือ เขาสามารถกราบเป็นศิษย์ของเขากว่างเฉิงได้หรือไม่
ขุมกำลังในใต้หล้าที่เซี่ยกวงรู้สึกดีด้วยที่สุด ก็คือเขากว่างเฉิงของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
แต่เมื่อคิดดูให้ละเอียด กลับรู้สึกฉุกละหุกเกินไป
เยี่ยนจ้าวเกอสังหารคนในเขาสามขาไปมากมายถึงเพียงนั้น ดูเหมือนเขาจะมีศัตรูร่วมกัน
ทว่าถ้าหากข่าวไม่หลุดออกไป เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช่ว่าจะถูกเขาสามขากับประมุขทิศบนหมายหัว
ตนกราบเป็นศิษย์ของเขากว่างเฉิง วันหน้าถ้าหากทำลายเขาสามขาได้จริงๆ ประมุขทิศบนจะระบายโทสะกับเขากว่างเฉิงหรือไม่
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขากว่างเฉิงจะยังรับเขาหรือ