เยี่ยนจ้าวเกอปลดดาบอีกาทองผลาญฟ้าของเขาสามขา แส้มังกรดำของชิงซู่จื่อ อาภรณ์เต๋าครองสติของนักพรตเซียนหลาน ยึดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเจ็ดชิ้นมาจากมือของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทิศใต้
ยังไม่พูดถึงคนที่เขาสังหาร แค่นำสินสงครามเหล่านี้ออกจากทิศใต้ ก็ทำให้เขตเพลิงทักษิณได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแล้ว
ภายใต้การนำของเขาโถงทอง การโจมตีฝั่งทิศใต้ตามหลังของจอมยุทธ์เขตตะวันอาคเนย์ราบรื่นถึงขีดสุด
ไม่ใช่แค่เขากว่างเฉิงสะกดเนินต้นจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์เท่านั้น จอมยุทธ์ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้คนอื่นๆ ก็ได้เปรียบในการต่อสู้กับจอมยุทธ์ทิศใต้เช่นกัน
โดยเฉพาะเส้นทางที่มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเลียบเขารอบวง เทือกเขาสันติภาพ และที่ราบกว่างเย่ว์ เมื่อเดินบนเส้นทางที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้กลับฝั่งตะวันออก จอมยุทธ์ทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็เคลื่อนไหวได้อย่างผ่อนคลายและมีความสุข
จอมยุทธ์ทิศใต้ที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอถอนรากถอนโคนรอบหนึ่ง ยากจะรวมกลุ่มกันต้านทานอย่างมีประสิทธิภาพได้อีก
‘คุณสมบัติไม่เลว’ เยี่ยนจ้าวเกอมองพัดห้าหงส์เพลิงในมือ อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ ‘ฟุ่มเฟือยจนเคยตัว ลูกหลานล้างตระกูลอย่างข้าเกรงว่าจะเรียกคำด่าทอของผู้คนจำนวนไม่น้อย’
หลังจากพักผ่อนอยู่ระยะหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอค่อยฟื้นฟูปราณกำเนิดกลับมาได้
ครั้นรู้สึกว่าตัวเองเตรียมตัวดีแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่งพัดห้าหงส์เพลิงเข้าไปในรูบนกงจักรมหาประกายกาฬที่สลักวิชากลืนกิน
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่จำเป็นต้องใช้วิธีโจมตีเพื่อกระตุ้นให้กงจักรมหาประกายกาฬโต้ตอบเพราะถูกกดดันอีก
ขณะนี้เขากับกงจักรมหาประกายกาฬได้เริ่มสร้างการเชื่อมโยงส่วนหนึ่งขึ้นแล้ว
เขาสั่งความคิด กงจักรมหาประกายกาฬพลันสั่นไหวเบาๆ แม้ว่าจะไม่ได้ฟังคำสั่งของตนทั้งหมด แต่ว่าครั้งนี้มันก็กลืนกินพัดห้าหงส์เพลิงที่มาหาด้วยตัวมันเอง
จิตแห่งพลังที่แฝงอยู่ในพัดห้าหงส์เพลิงกลายเป็นเงาแสงหงส์เพลิงด้านในที่ว่างกลางจักรวาล ด้านในรูบนกงจักรมหาประกายกาฬ
กงจักรมหาประกายนกาฬมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่ไม่ได้รุนแรง
เยี่ยนจ้าวเกอทราบว่า วิชาธรรมประกายในสิบสองวิชาประกายกาฬกำลังทำงานอยู่
ธรรมประกาย วิชาอันดับที่แปดในสิบสองวิชาประกายกาฬ
วิชาแสงสว่างสาดส่องในคัมภีร์ของสำนักแสงสว่างที่เคยอยู่บนทะเลหวงเจียก็มีที่มาจากมัน
วรยุทธ์อย่างร่างแสงสว่างไร้วันดับ และฝ่ามือแสงสว่างไร้สิ้นสุดก็เกิดขึ้นจากมันเหมือนกัน
แสงสว่างสาดส่อง เป็นอนันต์ไร้วันดับ
ผู้ฝึกปรือจะมีลมหายใจยาวยิ่ง ญาณจริงแท้เปี่ยมล้น ถนัดการต่อสู้ยืดเยื้อ ขณะเดียวกันก็มีพลังป้องกันแข็งแกร่งถึงขีดสุด
จุดเด่นส่วนหนึ่งที่อยู่ในจิตพลังมีส่วนคล้ายกันกับม้วนคัมภีร์ร่างหงส์เพลิงของเนินต้นจักรพรรดิ ถึงแม้จะสู้ม้วนคัมภีร์ร่างหงส์เพลิงไม่ได้ แต่ก็โดดเด่นถึงที่สุด
กระนั้นแม้จุดเด่นภายนอกจะคล้ายกัน แต่ว่าหลักการภายในกลับแตกต่างกัน
ดังนั้นหลังจากกงจักรมหาประกายกาฬสั่นไหวเสร็จ มันก็สงบลงอีกครั้ง
วิธีการเซ่นหลอมอาวุธเซียนชิ้นนี้ คือการศึกษาและหลอมผสมจิตแห่งหลักการจากวรยุทธ์ชนิดอื่นๆ สุดท้ายเพิ่มระดับตัวเอง ไม่ได้แยกวรยุทธ์อื่นๆ ออกเป็นส่วนๆ
เพราะฉะนั้นในตอนที่เป้าหมายไม่อาจเพิ่มระดับของตัวมันได้ มันก็จะไม่เคลื่อนไหว
พัดห้าหงส์เพลิงในตอนนี้กับกระบี่ทะเลม่วงเมื่อครู่ ต่างเป็นเพราะสาเหตุนี้
เพียงแต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอเดิมทีคิดใช้พัดห้าหงส์เพลิงเป็นสะพานและสื่อกลาง เพื่อมอบจิตแห่งวรยุทธ์ของตัวเองให้แก่กงจักรมหาประกายกาฬ
เพียงแต่ไม่ใช่คัมภีร์นภาไร้ขอบเขต
เหตุผลไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เป็นเพราะคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตสูงล้ำเกินไป
ข้อแรก เยี่ยนจ้าวเกอยังศึกษาทำความเข้าใจมันอย่างต่อเนื่อง ข้อสอง คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเหนือกว่าวิชาไร้ขอบเขต ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายในสิบสองวิชาประกายกาฬมากเกินไป
หากผสมมั่วซั่ว สุดท้ายคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตอาจเปลี่ยนจากแขกเป็นเจ้าบ้าน
แต่ว่าพื้นฐานของกงจักรมหาประกายกาฬท้ายที่สุดแล้วก็อยู่ที่สิบสองวิชาประกายกาฬ
ตัวเยี่ยนจ้าวเกอที่มีคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเป็นรากฐาน แต่ไม่ได้ผลักเปิดประตูเซียน ไม่อาจเซ่นหลอมอาวุธเซียนสำเร็จได้
ผลลัพธ์สุดท้ายจากการที่แขกชิงตำแหน่งของเจ้าบ้านคือ สองฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บ ความสัมพันธ์ถูกตัดขาด
แต่พร้อมกับที่พลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมายิ่งมากขึ้น กงจักรมหาประกายกาฬก็ยิ่งมายิ่งเข้าใกล้ความสมบูรณ์ ให้ดีที่สุดก่อนที่จะเก้าเท้าก้าวสุดท้ายเข้าประตู เรื่องราวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
ดังนั้นสิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอมอบให้กงจักรมหาประกายกาฬในตอนนี้คือวรยุทธ์อีกชนิดหนึ่ง
คัมภีร์จันทร์นิล
เป้าหมายที่เขาต้องการในครั้งนี้คือ วิชาจันทรา วิชาอันดับที่ห้าในสิบสองวิชาประกายกาฬ
ผู้ที่ฝึกฝนวิชานี้จะใช้ความเย็นเยียบและเงียบงันของดวงจันทร์ ทำให้พลังชีวิตถดถอย ทำให้วิญญาณเหี่ยวเฉา เป็นวิชาอันโหดเหี้ยมที่มีไม่กี่ชนิดในสิบสองวิชาประกายกาฬ ใกล้เคียงกับมรรคามาร
ใช้สู้กับศัตรู ทำร้ายคนโดยไร้รูปร่าง
สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ มันถูกวิชาดวงอาทิตย์ที่อยู่ในสิบสองวิชาประกายกาฬเช่นกันสะกดข่มในระดับหนึ่ง
วิชาส่วนหนึ่งในคัมภีร์จันทร์นิล ก็ส่งผลคล้ายๆกัน
เยี่ยนจ้าวเกอมีความเข้าใจต่อประวัติศาสตร์ภายในสำนักประกายกาฬหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อย่างจำกัด แต่พอได้ศึกษาวิชาจันทราในสิบสองวิชาประกายกาฬ เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
ผู้อาวุโสของสำนักประกายกาฬ บางทีอาจะเป็นตัวอิ่นเทียนเซี่ยที่สมควรได้รับคัมภีร์จันทร์นิลสภาพไม่สมบูรณ์มา และเพราะมันประสานกับวรยุทธ์การสืบทอดดั้งเดิมของตน สุดท้ายจึงให้กำเนิดวิชาจันทรา
คัมภีร์จันทร์นิลเดิมทีไม่ใช่แค่บอกกล่าวถึงจิตแห่งหลักการที่โหดเหี้ยมเหล่านั้น แต่ว่าคัมภีร์ชำรุดที่สำนักประกายกาฬได้มา คล้ายจะพูดถึงพวกมัน
การมอบคัมภีร์จันทร์นิลฉบับสมบูรณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอ สามารถพัฒนาวิชาอันดับที่ห้าในสิบสองวิชาประกายกาฬชนิดนี้ขึ้นอีกขั้นหนึ่ง มันจะมีศักยภาพมากกว่าเดิม ไม่ใช่เป็นแค่การเดินออกจากกรอบ
ตอนที่เห็นบนกงจักรเหล็กสีดำเล่มนั้นมีรูหนึ่งส่องแสงสีจางเย็นเยือกพุ่งออกมาอีก มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอก็ตวัดเป็นรอยยิ้ม
รูที่อยู่ติดกันสองรู รูหนึ่งปล่อยแสงอาทิตย์อันยิ่งใหญ่ รูหนึ่งปล่อยแสงจันทร์อันเย็นเยียบเงียบงัน ดูไปมีท่วงทำนองเฉพาะตัว
เยี่ยนจ้าวเกอใช้วันเวลาต่อจากนั้นอย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง บางทีก็ศึกษาเมฆแปลงกำเนิดของเยี่ยนตี๋ ตั้งใจฝึกฝน บางทีก็ทดลองเซ่นหลอมกงจักรมหาประกายกาฬ
หลังจากกลับเขากว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอก็แทบไม่ได้ออกไปไหน เพียงแต่พากเพียรฝึกปรือฝีมือ
เขาที่เพิ่งจะก่อมรสุมในโลกซ้อนโลกกลับสงบลง
เขากว่างเฉิงคล้ายเปลี่ยนเป็นเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่เพียงแต่เข้าร่วมการโจมตีเขตเหยียนทิศทิศใต้ของเขตตะวันอาคเนย์แค่ไม่กี่ครั้ง แม้แต่ในทะเลหวงเจียก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใหญ่อะไร
ความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างใหญ่โตเพียงหนึ่งเดียวคือ เยี่ยนตี๋เจ้าสำนักเขากว่างเฉิงได้ปีนขึ้นสะพานเซียนสำเร็จแล้ว นอกจากนี้แล้วก็ดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ
เพียงแต่จนกระทั่งถึงวันนี้ ทั่วทั้งโลกซ้อนโลกก็ไม่มีใครดูแคลนเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงอีกต่อไป
ในขณะเดียวกัน คนหลายคนความจริงกำลังรอคอย
รอคอยให้ประมุขทักษิณจวงเซินกลับเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์
รอคอยให้จักรพรรดิเอกภพกำเนิดกลับยอดเขาอนัตตาบนเขาคุนหลุน
เมื่อถึงเวลานั้นก็จะรู้เอง ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงจะเป็นตำนานบทใหม่ หรือว่าเป็นดาวตกที่โผล่มาแล้วหายไป
ไม่ว่าจะเป็นเนินต้นจักรพรรดิที่ถูกเขาโถงทองจู่โจมจนศีรษะไหม้หน้าผากเกรียม หรือยอดเขาอนัตตาที่ไม่มีการเคลื่อนไหวหลังจากชิงซู่จื่อกับนักพรตเซียนหลานตกตายมาโดยตลอด เชื่อว่าต่างก็รอคอยเวลานั้นอยู่
…
เวลาบนโลกซ้อนโลก ห้าปีหลังจากการต่อสู้บนเขารอบวง
ด้านในที่พักบนเขากว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋นั่งหันหน้าเข้าหากัน
“ข้าเตรียมจะไปยังโลกผืนสมุทร” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเรียบเฉย “ยังไม่แน่ใจว่าจักรพรรดิเอกภพจะกลับมาเมื่อไร และไม่แน่ใจว่าประมุขทักษิณจะกลับมาตอนไหน แต่ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
เยี่ยนตี๋พยักหน้า “เจ้าไปเถอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ในช่วงนี้ต้องรบกวนท่านกับทางสำนักช่วยข้าตรวจสอบเรื่องหนึ่ง”
เขาส่งหยกทรงกลม มีรูตรงกลางชิ้นหนึ่งให้แก่เยี่ยนตี๋ “ลองตรวจสอบการไหลเวียนของชีพจรดินในทะเลหวงเจียตามวิธีและขั้นตอนของแบบแผนที่อยู่ด้านใน เผื่อว่าจะมีการค้นพบพิเศษอะไร”
“หลักการที่คล้ายกับค่ายกลรองรับฟ้า…” หลังจากเยี่ยนตี๋ตรวจสอบคร่าวๆ เขาพอจะมองเบื้องหลังออก จึงเลิกคิ้วขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วนวดขมับของตัวเองเบาๆ “หลายๆ ครั้งควรกลับสู่จุดเริ่มต้น เพราะวิธีการแก้ไขปัญหาอาจจะซ่อนอยู่ที่นั่น”
………………..