เลี่ยนจู่หลินจับจ้องเยี่ยนตี๋เขม็ง
คนอื่นๆ ก็ย้ายสายตาไปที่เงาร่างซึ่งถือดาบอยู่นั้นเช่นกัน
แม้แต่พวกประมุขคนอื่นๆ เช่นหลางชิงและจวงเซินที่ต่อสู้อยู่ ก็ถึงขั้นแบ่งสมาธิมาทางสนามรบด้านนี้
ในตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอทำสงครามสะท้านใต้หล้าบนเขามหาวิญญาณและเขารอบวง ถ้าหากว่ามีปัจจัยพิเศษเช่นค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งจนยากจะต้านทานพลังของเยี่ยนจ้าวเกอได้จริงๆ สงครามบนเขามหาวิญญาณ เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ใช้ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงกดดันจางซู่เหรินกับหยวนเสี่ยนเฉิงอย่างแท้จริง ทั้งยังฆ่าหยวนเสี่ยนเฉิงจนดับสิ้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง
นักพรตตงเฉวียนกับจ้าวเจินที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ยิ่งถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าตายคาที่
ผลการรบเช่นนี้ยังคงสร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้แก่ผู้คน
ตอนอยู่ในระดับเทวะสำแดงก็มีพลังถึงเพียงนี้ บัดนี้เขาอยู่ในระดับสะพานเซียนแล้ว เช่นนั้นจะมีสภาวะแบบใดกัน
ทุกคนล้วนรู้จักความแข็งแกร่งของเยี่ยนจ้าวเกอคร่าวๆ ทว่าในตอนนี้ พลังของเยี่ยนตี๋ก็ทำให้ผู้คนร้องอุทานเช่นกัน
‘จิตดาบของเขาแปลกประหลาดยิ่ง เหมือนกับ…เหมือนกับ…’ หลางชิงมองเยี่ยนตี๋ ในใจคล้ายตรวจจับอะไรได้ แต่จากนั้นก็หายไป ‘ยังมีเมฆบนศีรษะของเขาอีก นั่นเป็น…’
เลี่ยนจู่หลินคล้ายนึกถึงอะไรสักอย่าง แต่ว่าหัวคิ้วขมวดมุ่น รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับเห็นบุปผาในม่านหมอก เพียงแต่ไม่ว่านางจะคิดอย่างไร เยี่ยนตี๋ก็สะบัดดาบสวรรค์มังกรทะยานในมือ สาวเท้าเข้ามาโจมตีอีกครั้ง!
ครั้งนี้เลี่ยนจู่หลินนับว่าระวังตัวไว้สิบสองส่วน
ขณะนี้นางจัดวางเยี่ยนตี๋ไว้ในระดับเดียวกัน ถือว่าเยี่ยนตี๋เป็นประมุขในหมู่คนผู้หนึ่ง คล้ายกับว่าคนที่นางสู้ด้วยไม่ใช่คู่ต่อสู้ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง แต่เป็นชนชั้นเฉาเจี๋ยและหลิวเจิงกู่
เมื่อครู่นางไม่รู้ถึงความสามารถของวิชาดาบของเยี่ยนตี๋ อีกทั้งยังนึกไม่ถึงตัวตนเช่นเมฆแปลงกำเนิด คิดอาศัยความเหี้ยมโหดของแสงสีชาดหยินหยางแปรเปลี่ยนรีบเผด็จศึก จัดการเยี่ยนตี๋ในระยะเวลาสั้นๆ
สุดท้ายแล้วกลับเป็นนางที่เกือบเรือคว่ำในไม่กี่กระบวนท่า
ตอนนี้เลี่ยนจู่หลินได้บทเรียนแล้ว นางต่อสู้อย่างใจเย็น ใช้กระบวนท่าหักล้างกระบวนท่า
ในฐานะที่เป็นประมุขเขตหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมาหลายปี บนตัวนางมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งชิ้น อีกทั้งล้วนมีคุณสมบัติไม่ธรรมดาทั้งสิ้น
ถึงจะสู้ตัวตนอย่างตราประทับตะวันและมงกุฎจันทราไม่ได้ แต่ก็แทบจะเทียบได้กับกระบี่ปีศาจเทาเที่ย เหนือกว่ากระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน กระบี่ทะเลม่วง และดาบอีกาทองผลาญฟ้า
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงพอมาอยู่ในมือของจอมยุทธ์ขั้นประมุข อานุภาพก็เพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
เพราะได้รับการเสริมพลังจากอาวุธ การโจมตีของเลี่ยนจู่หลินจึงเหี้ยมหาญกว่าเดิม
เยี่ยนตี๋มีเมฆแปลงกำเนิดบนศีรษะ ไม่สนใจการป้องกันตัวเองโดยสิ้นเชิง ใช้กระบวนท่าอย่างตรงไปตรงมา โจมตีใส่เลี่ยนจู่หลินสุดกำลัง
สองฝ่ายใช้จู่โจมปะทะจู่โจม สู้กันจนฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ
ความยิ่งใหญ่ของญาณจริงแท้ และความเร็วในการฟื้นปราณของเยี่ยนตี๋ที่ได้หลอมจิตของคัมภีร์นภาหยินหยาง คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต และคัมภีร์พลิกฟ้าส่วนหนึ่งเข้าไปในจิตดาบของตน และยังได้ศึกษาอย่างละเอียด ก็สุดที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนจะเทียบเคียงได้เช่นกัน
ดังนั้นจึงค่อยต้านทานวิชาดาบที่เหี้ยมหาญล้ำเลิศของเขาไว้ได้
แต่ว่าอีกฝ่ายคือเลี่ยนจู่หลินที่มีร่างของมนุษย์เซียน การผลาญพลังของเยี่ยนตี๋ไม่อาจเทียบกับตอนที่สู้กับศัตรูคนอื่นได้ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร พลังกายของเขาก็จะค่อยๆ ลดต่ำลงเท่านั้น
ทว่าสิ่งที่ทำให้เลี่ยนจู่หลินยิ่งสู้ยิ่งแตกตื่นก็คือ แม้ว่าพลังกายและญาณจริงแท้จะถูกผลาญไปมหาศาล แต่สภาวะดาบของเยี่ยนตี๋กลับยิ่งใช้ยิ่งมีอิสระ เกรี้ยวกราดดุดันขึ้นอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับว่ามันค่อยๆ คุ้นชินกับความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขที่เป็นศัตรูแล้ว
ราวกับผิวหินที่ห่อหุ้มหยกงามค่อยๆ หลุดร่อนออก แสงสีที่อยู่ด้านในพร่างพราวละลานตากว่าเดิม!
ทางนั้นเยี่ยนตี๋กับเลี่ยนจู่หลินสู้กันอย่างดุเดอืด
ในขณะเดียวกัน ทางเยี่ยนจ้าวเกอก็เผชิญกับประมุขทักษิณจวงเซิน!
ก่อนหน้านี้หลังจากเลี่ยนจู่หลินขวางหลิวเจิงกู่ จวงเซินก็ไร้ข้อกริ่งเกรงใดๆ อีก โจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอด้วยความดุร้าย
คู่แค้นเจอกันย่อมเดือดดาลเป็นพิเศษ ในตอนนี้คำพูดอื่นๆ ล้วนเป็นส่วนเกิน
หงส์อมตะเพลิงยักษ์กางปีก ปกคลุมฟ้ากับดวงอาทิตย์
พิรุณอัคคีไร้สิ้นสุดเทกระหน่ำลงมา ครอบคลุมดินแดนจิตคุณธรรมทั้งผืน จุดที่รวมตัวกันมากที่สุดจะต้องเป็นเขากว่างเฉิงอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้คนต่างกล่าวว่าประมุขทักษิณจวงเซินโจมตีอ่อนป้องกันแข็ง แต่นั่นเป็นการเปรียบเทียบกับพวกเฉาเจี๋ยที่อยู่ในระดับเดียวกัน หากให้จอมยุทธ์ขั้นประมุขเจอกับคู่ต่อสู้ในระดับที่ต่ำกว่า ก็ยังคงมีอานุภาพทำลายฟ้าดินอย่างเต็มเปี่ยม
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ร่างลอยขึ้นสู่ยอดเขากว่างเฉิง ผลักฝ่ามือขึ้นด้านบน
แม้ว่าจะโจมตีขึ้นด้านบน แต่ว่าท้องฟ้าก็ยังเหมือนกับพลิกกลับเพราะฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ
อานุภาพทลายฟ้าพุ่งใส่หงส์อมตะเพลิง พลังอันมหาศาลจากการพลิกทิศทาง เหมือนกับต้องการทำลายโลกใบนี้
มิติบิดเบี้ยว หงส์อมตะเพลิงส่งเสียงร้องโหยหวน
พิรุณอัคคีซึ่งกระจัดกระจายทั่วฟ้าดินไม่อาจพุ่งลงด้านล่างต่อ บิดกลายเป็นก้อน แตกสลายแล้วดับไป
เยี่ยนจ้าวเกอหลังจากได้ปีนสู่สะพานเซียน กระบวนท่ารอยตราพลิกนภาก็มีอานุภาพพลิกฟ้าคว่ำดินจริงๆ
“จงมา!” จวงเซินแค่นเสียง บนร่างของหงส์อมตะเพลิงตัวนั้นมีคลื่นน้ำ ดินโคลน ปราณขาว และแสงม่วงครอบคลุม
สี่จริยะหนุนเสริม หงส์อมตะสยายปีกบินสูงอีกครั้ง
ปฐพีอานิสงส์ เสริมฟ้าสืบเต๋า ทำให้ไฟของหงส์อมตะไม่ดับ
คลื่นน้ำบารมี สรรพวิชาไม่กล้ำกราย ช่วยหงส์อมตะเพลิงป้องกันการเปลี่ยนแปลงแห่งการพลิกฟ้าคว่ำดิน
แสงม่วงบารมี รอดพ้นภัยพิบัติ ปกป้องไม่ให้หงส์อมตะเพลิงถูกขยี้ในมิติที่บิดเบี้ยวนั้น
ปราณขาวกุศลซ่อน พลังชีวิตไม่ขาดสะบั้น ไม่เพียงแต่ไม่ตาย ยังช่วยหงส์อมตะเพลิงหาทางออกในสภาพแวดล้อมที่อันตรายตรงหน้า
สิ่งที่ดึงดูดสายตายิ่งกว่าก็คือ ไม่เพียงแต่บนร่างของหงส์อมตะเพลิงจะมีสี่จริยะครอบคลุมอยู่เท่านั้น แม้แต่พิรุณอัคคีที่เกิดจากการกระพือปีกของมันหลายหยดก็มีสภาพเดียวกัน
ดาวตกเพลิงมากมายถูกเสริมพลังโดยสี่จริยะ ต้านทานพลังฝ่ามือรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอ เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งทนทาน พุ่งเข้าใส่เยี่ยนจ้าวเกอต่อ!
ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย คู่ปรับเก่าของเขาเห็นดังนั้น สายตาก็พลันคมกริบ ‘พัฒนาขึ้นไม่น้อย…’
ยอดฝีมือพอลงมือ ก็ทราบว่ามีหรือไม่มี[1]
เห็นได้ชัดว่าจวงเซินศึกษาม้วนคัมภีร์ร่างหงส์อมตะได้สูงส่งกว่าพวกหยวนเสี่ยนเฉิง จางซู่เหริน และเผิงเฮ่อ
สี่จริยะก่อนกำเนิดซึ่งมีพลังป้องกันน่าทึ่ง ยามนี้ถูกเขาใช้ไปกับการโจมตี
ถึงแม้ว่าการโจมตีของเขาอาจจะไม่รุนแรงเท่าเฉาเจี๋ย เลี่ยนจู่หลิน และหลิวเจิงกู่ แต่ก็มีอานุภาพเปี่ยมล้น ยิ่งเต็มไปด้วยความทนทาน คงอยู่เนิ่นนาน คล้ายกับเป็นนิรันดร ยากจะทำลาย
เพียงแต่คราวนี้ จวงเซินก็ทำให้ทุกคนต้องจับตามอง แทบจะเปลี่ยนแปลงภาพประทับโจมตีอ่อนป้องกันแข็งที่ผู้คนมอบให้ในอดีต
เรื่องของตน ตนย่อมเข้าใจดีที่สุด จวงเซินรู้จักจุดเด่นในวรยุทธ์ของตัวเองดี อีกทั้งยังศึกษา ปรับเสริม และเพิ่มระดับอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้คือผลลัพธ์!
“ดี!” เยี่ยนจ้าวเกอมองจวงเซิน แค่นเสียงคำหนึ่ง แต่ว่าเขาไม่คิดจะหลบ ยังคงยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นสูง
สภาวะของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ระหว่างฟ้าดินเหมือนกับปรากฏเงาแสง
เยี่ยนจ้าวเกอค้ำฟ้ายันดิน ฝ่ามือที่ชูเหนือศีรษะเหมือนกับหลอมรวมกับท้องฟ้าที่แท้จริงเป็นหนึ่ง
สูงไกล เก่าแก่ ผนึกตัว น่าเกรงขาม เกรี้ยวกราด ยิ่งใหญ่
ชายหนุ่มเผชิญกับสภาวะโจมตีที่แข็งแกร่งของจวงเซิน เดิมทีไม่มีความคิดหลบหลีก คิดใช้แข็งชนแข็ง กระตุ้นรอยตราพลิกนภาอีกครั้ง!
ฝ่ามือร่วงลง ท้องฟ้าทลาย พุ่งเข้าหาหงส์อมตะเพลิงและจวงเซิน!
เปรียบเทียบว่าใครแกร่งกว่า มีอานุภาพมากกว่า เกรี้ยวกราดกว่า!
………………..
[1] ยอดฝีมือพอลงมือ ก็ทราบว่ามีหรือไม่มี หมายถึง คนทั่วไปไม่อาจมองเรื่องราวที่ยากเย็นออก แต่ยอดฝีมือสามารถมองออกและแก้ไขได้อย่างสบายๆ