เยี่ยนตี๋มองจวงเซินที่หายไปตรงหน้า เงียบงันเล็กน้อย
อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยกับประมุขหรดีไป๋เทาดูซับซ้อนอยู่บ้าง พวกเขาสองคนคุ้ยเคยกับจวงเซินที่ครองเขตเพลิงทักษิณไม่น้อย เกิดความขัดแย้งกันบ่อยครั้ง ตอนนี้เห็นศัตรูที่สู้กับตนมานานหลายปีตกตาย ทั้งคู่จึงพากันสั่นศีรษะ
เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงด้านข้างบิดาของตนเอง มองเป็นเชิงถาม ฝ่ายเยี่ยนตี๋พยักหน้า “ไม่ส่งผลต่อพิธีกรรมหลังจากนี้”
เขามองจักรพรรดินี เฉาเจี๋ย ไป๋เทา และหลิวเจิงกู่ ก่อนจะประสานมือคำนับ “เรื่องของสำนักเรากับเนินต้นจักรพรรดิในเขตเพลิงทักษิณก็ปิดฉากลงแล้ว ต้นสายปลายเหตุเดี๋ยวเราค่อยว่ากล่าว พิธีเปิดสำนักของเราในวันนี้จะจัดขึ้นต่อไป ทุกท่านเป็นแขกมาจากแดนไกล เขากว่างเฉิงของข้ารู้สึกเป็นเกียรตินัก จึงเตรียมอาหารและสุราไว้บ้าง”
จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “วันนี้ที่มาที่นี่ก็เพราะมีเจตนาเช่นนี้”
เยี่ยนตี๋กับเยี่ยนจ้าวเกอสบตากัน จากนั้นทั้งคู่ก็นำพาผู้คนไปยังที่นั่งอย่างรู้กัน
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลับออกเดินทาง
เป็นไปตามคำกล่าวของคนหนุ่มอาภรณ์ดำ ในเมื่อมาแล้ว ไม่เหลือสิ่งของไว้ก็คิดไปหรือ?
เยี่ยนจ้าวเกออาศัยกระบี่ของกษัตริย์กระบี่ทำร้ายพวกจักรพรรดิเอกภพกำเนิด แต่กลับไม่ใช่แค่การทำร้ายธรรมดา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมองไปในมิติ เห็นบนทิศทางสามทิศทาง มีแสงสว่างสามสายแยกกันสาดส่อง
แสงวิเศษสายหนึ่งในนี้ค่อนข้างมืดมัว มาจากไข่มุขวิเศษก้อนมหึมาสีเทาด้าน ไข่มุกวิเศษก้อนนี้วางอยู่บนมือข้างหนึ่ง เพียงแต่แขนและไหล่ข้างนั้นกลับถูกคนฟันขาด เป็นเศษดวงตาราชันสายฟ้าที่อยู่ในการครอบครองของนักพรตเทียนอี้ ประมุขบูรพา
เศษดวงตาของเขานี้มีขนาดใหญ่สุดขีด มีขนาดมากกว่าครึ่ง เชื่อมกันอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ว่าหลังจากผ่านการระเบิดเมื่อก่อนหน้า เศษอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในสภาพตกต่ำ เหมือนกับเข้าสู่การหลับใหล ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเห็นดังนั้นก็หัวเราะอย่างพอใจ ก่อนจะยื่นมือไปรับไว้
อีกด้านหนึ่งมีของวิเศษอย่างหนึ่งที่แม้จะกะพริบแสงแต่ แต่ว่าตัวมันกลับเหมือนโปร่งใสไร้รูปร่าง ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ หลังจากเข้าใกล้แล้วมองไปยังขอบของแสงกะพริบ ก็เห็นว่าของวิเศษชิ้นนี้เหมือนกับผ้าไหม
‘ที่แท้เป็นผ้าหยกสหัส’ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแยกแยะลักษณะพิเศษของมัน รู้สึกมั่นใจ
เจ้าของคนเดิมของมันคือประมุขประจิมหลางชิง เป็นของวิเศษที่หายากสุดขีดชิ้นหนึ่ง โลกซ้อนโลกไม่มีของสิ่งนี้ โลกเบื้องล่างเช่นแปดพิภพ ผืนสมุทร และยมทะยานก็ไม่มีเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นมหาจักรวาลก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ก็ไม่มีของสิ่งนี้
มีแต่ในมิติต่างแดนไร้สิ้นสุด จึงจะมีวัตถุดิบหลักของผ้าหยกสหัส นั่นคือต้นไม้วิเศษที่ไม่ได้เติบโตในดิน กลับเติบโตอยู่ในมิติ ดูดซับสารอาหารจากมิติ จนให้กำเนิดปุยฝ้ายที่โปร่งแสงไร้รูปร่างขึ้นมา
เมื่อเก็บรวบรวมปุยฝ้ายเหล่านี้แล้ว จำเป็นต้องสกัดออกมา เลือกจากหนึ่งในพัน จากนั้นค่อยสานกันทีละเส้นจนได้ผ้าหยกสหัสขึ้นมาน้อยนิด
ต้นไม้วิเศษเดิมทีก็มีน้อยอยู่แล้ว หากอยากได้ผ้าหยกสหัสขนาดหนึ่งฉื่อ จำเป็นต้องรวบรวมปุยฝ้ายของต้นไม้วิเศษมากกว่าร้อยต้น หลังจากรวบรวมปุยฝ้ายได้แล้ว ต้นไม้วิเศษก็จะแห้งตาย
ผ้าหยกสหัสของหลางชิงนี้ เกรงว่าจะใช้ต้นไม้วิเศษไปมากกว่าหมื่นต้น
บนโลกซ้อนโลก นอกจากสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ เกรงว่าจะมีแค่หลางชิงจึงจะสามารถหาผ้าหยกสหัสมาได้ นอกจากนี้ ด้วยจำนวนที่มากถึงเพียงนี้ หากหลางชิงคิดจะเก็บรวบรวมอีก ก็จำเป็นสั่งสมเป็นเวลานาน ของวิเศษชิ้นนี้จึงเป็นวัตถุดิบหลอมอาวุธที่หายากมากที่สุด
ผ้าหยกสหัสของหลางชิงมีคุณสมบัติสูงสุดขีด ถ้าหากว่าสกัดอีกเล็กน้อย ก็สามารถใช้เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ใช้หลอมสร้างอาวุธได้แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอย่อมรับไว้ด้วยความยินดี
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหลังจากเก็บเศษดวงตาราชันสายฟ้าและผ้าหยกสหัสแล้ว ก็มองไปยังสิ่งสุดท้ายที่สมควรมาจากจักรพรรดิเอกภพ
มันกาหยกขนาดเล็กจิ๋วอันหนึ่ง ที่มองจากภายนอกแล้วไม่มีส่วนใดพิเศษ แต่ว่าในเมื่อเป็นของที่จักรพรรดิเอกภพกำเนิดพกติดตัว เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่ดูแคลน
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเก็บกาหยกอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หันกายกลับเขากว่างเฉิง
ในตำหนักหลักบนยอดเขานภากาศของเขากว่างเฉิงในตอนนี้ เยี่ยนตี๋อยู่ด้านบนที่นั่งประธาน หลังจากคำนับบรมครูรุ่นต่างๆ ของเขากว่างเฉิงแล้ว เขาก็กล่าวว่า “ตีระฆัง”
คนที่ตีระฆังก็คือเยี่ยนจ้าวเกอนั่นเอง พร้อมกับที่เขาตีระฆังทอง พิธีเปิดสำนักของเขากว่างเฉิงก็ในครั้งนี้นับว่าเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
เหล่าคนหนุ่มสาวที่ก่อนหน้าเตรียมตัวเข้าสำนักอยู่ใต้ตีนเขา เริ่มพากันขึ้นเขาตามคำชี้แนะ ด้วยสงครามเมื่อครู่มีระดับสูงส่งเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาดูใกล้ๆ ได้ แต่นี่ก็ไม่ได้ขัดขวางไม่ให้เหล่าคนหนุ่มสาวซึ่งกำลังจะกราบเข้าสำนักทราบถึงผลลัพธ์สุดท้ายของการต่อสู้
‘สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบ’ คำพูดนี้แพร่หลายอยู่บนโลกซ้อนโลก ซึมซับเข้าไปในจิตใจของผู้คนหลายปี คนที่ตั้งใจร่ำเรียนวรยุทธ์ จะมากจะน้อยก็เคยได้ยินมา
ในอดีตเคยคิดว่าอยู่ไกลแสนไกล มาตอนนี้ทุกสิ่งกลับอยู่ตรงหน้าตน
ในกลุ่มคนที่นั่งร่วมพิธีอยู่บนที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ ตรงแถวหน้าสุดมีจักรพรรดินีที่เป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิ ได้ผลักเปิดประตูเซียน และได้มาเยือนโลกมนุษย์
ถึงแม้จักรพรรดิแพรที่ลือกันว่าจะมาไม่ได้มา แต่จักรพรรดินีที่ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใครผู้นี้ เกรงว่าจะเชิญตัวมายากยิ่งกว่า
นอกจากจักรพรรดินีแล้ว ในหมู่ประมุขทั้งสิบ ประมุขอาคเนย์ ประมุขอิสาน ประมุขหรดี เหล่าประมุขในหมู่คนเกือบสามคนก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
ลูกศิษย์ของกษัตริย์กระบี่ที่เป็นหนึ่งในสามกษัตริย์ก็มาถึงด้วย
ต่อจากพวกเขา คนที่ติดตามประมุขอาคเนย์มายังมีอดีตผู้ทรงอำนาจของเขตตะวันอาคเนย์ และจอมยุทธ์เขาโถงทอง
ขุมกำลังที่มีชื่อเสียง และมีอำนาจอยู่ในกำมือบนเขตตะวันอาคเนย์ต่างก็มาอวยพรเช่นกัน
ความยิ่งใหญ่ของแขกผู้มีเกียรติซึ่งมาอวยพรเฉกเช่นการเปิดสำนัก ตั้งพรรคอย่างเป็นทางการของเขากว่างเฉิงครั้งนี้ ในหลายร้อยปีมานี้มีจำวนนับนิ้วได้ ถ้าหากบอกว่าแขกมีมาตรฐานสูง มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เช่นนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของเขากว่างเฉิงอย่างเต็มเปี่ยม
ประมุขทักษิณจวงเซิน ผู้ปกครองเขตเพลิงทักษิณ และผู้ครองเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ พ่ายเพราะเยี่ยนจ้าวเกอลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิง ต่อจากนั้นก็สู้ตัดสินกับเยี่ยนตี๋ซึ่งเป็นเจ้าสำนักหนึ่งต่อหนึ่ง แล้วถูกอีกฝ่ายฆ่าทิ้ง
‘สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบ’ ผู้ปกครองที่หยั่งรากลึกในจิตใจของคนที่อาศัยอยู่บนโลกซ้อนโลกมาหลายปี เป็นยอดฝีมือระดับตำนาน
จวงเซิน หนึ่งในประมุขทั้งสิบตายใต้ตีนเขากว่างเฉิง ตกตายด้วยเงื้อมมือของเยี่ยนตี๋
บัดนี้เรื่องนี้สะท้านสะเทือนฝั่งทิศใต้และฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ และจะต้องแพร่กระจายไปทั่วโลกซ้อนโลกอย่างรวดเร็วแน่
ความรู้สึกสั่นสะเทือนที่เกิดจากการตายของประมุขคนหนึ่ง ย่อมอยู่เหนือกว่าคำอวยพรของประมุขสามคน
สิ่งที่น่าตกตะลึงมากกว่าจะต้องเป็นเรื่องที่จักรพรดิเอกภพกำเนิด หนึ่งในห้าจักรพรรดิ อยู่เหนือประมุขทั้งสิบพ่ายแพ้ใต้ตีนเขากว่างเฉิง
ต่อให้จักรพรรดินีไม่มาถึง ต่อให้กษัตริย์กระบี่ไม่แสดงบารมี จักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็ไม่ได้ได้เปรียบบนทะเลหวงเจียแม้แต่น้อย
เรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ร่างของจอมยุทธ์ในหมู่มนุษย์ ต่อสู้กับจักรพรรดิประตูเซียน จะต้องถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ กลายเป็นตำนานอย่างแน่นอน!
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้คนหนุ่มสาวที่จะกราบเข้าเขากว่างเฉิงรู้สึกฮึกเหิมและมีเกียรติถึงขีดสุด
แขกที่มาร่วมพิธีย่อมร้องชมเชย
มีคนพึมพำว่า “พ่อลูกล้วนเป็นมนุษย์เซียนผู้ถูกเนรเทศ”
………………..