ด้านในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ คำพูด ‘ต่างคนต่างแยกย้าย’ เหมือนกับข้ามผ่านเวลานับพันปี ถึงแม้จะมีความผิดหวัง แต่กลับไร้ความเสียใจ
เงาแสงที่เหลือร่องรอยไว้บนดินแดนโถงเซียน ใช้หนึ่งกระบวนท่าเอาชนะการผนึกกำลังกันของสองจักรพรรดิแห่งโถงเซียน
“ล้วนเป็นผู้ฝึกตนเช่นกัน ตัดมรรคาทิ้งเพื่อได้เห็นตัวตนที่แท้จริงเสียเถิด”
เยี่ยนจ้าวเกอติดอยู่ในภวังค์ คิดถึงร่างอันยิ่งใหญ่ที่สวมอาภรณ์สีดำ ทับด้วยเสื้อคลุมขาว มีผมสีดำคิ้วขาวนั้น
มาตรแม้นจะไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง มาตรแม้นว่าทุกสิ่งจะกลายเป็นฝุ่นผงในประวัติศาสตร์ไปแล้ว แต่เขาก็รู้สึกได้เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
คนมีหลากหลายใบหน้า ในบางครั้ง ในบางเรื่อง การตัดสินคนแต่ละคนจึงยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการลำเอียง
เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้ไม่อาจให้คำวิจารณ์ได้ว่าจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทว่าปัจจุบันตัวเขาได้รับกงจักรมหาประกายกาฬ อีกทั้งเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดายังมีส่วนเกี่ยวข้องอีก จึงไม่อาจนิ่งดูดายได้
“ความตายของจักรพรรดิประกายกาฬเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “เช่นนั้นจักรพรรดิเจิดจรัส อาจารย์ย่าของมารดาข้าเล่า”
เฉาเจี๋ยว่า “เทียบกับจักรพรรดิประกายกาฬแล้ว ข้อมูลของจักรพรรดิเจิดจรัสมีน้อยยิ่งกว่า ข้าเองก็ไม่ทราบว่าคนผู้นี้ที่แท้ตายไปแล้วหรือยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ก็แน่ใจว่าไม่ได้อยู่บนโลกซ้อนโลกมานานแล้ว”
คำกล่าวนี้เหมือนกับคำพูดของประมุขอิสานหลิวเจิ่งกู่ในอดีต
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเงียบๆ จากนั้นก็ถามอย่างฉับพลัน “เช่นนั้นลูกศิษย์ของจักรพรรดิเจิดจรัส บิดาของมารดาข้าเล่า”
เฉาเจี๋ยตอบ “ได้ยินว่าเสียชีวิตลงแล้ว แต่สถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมข้าเองก็ไม่ทราบ ในอดีตเขาเองก็เป็นคนที่ถูกตามจับตัวเช่นกัน บางทีอาจจะเสียชีวิตตอนที่กำลังหลบหนี นี่จึงถึงตามารดาเจ้าที่เหยียบซ้ำรอยเดิม”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดาสบตากัน ต่างไม่ได้กล่าววาจา
จักรพรรรดิประกายกาฬชิงชิ้นส่วนศิลาฟ้ากำเนิดไปเพื่อส่วนรวมหรือประโยชน์ส่วนตัว ยังไม่อาจยืนยันได้
ส่วนในบรรดาคนที่ตามจับเสวี่ยชูฉิงเอง ก็ยากจะบอกได้ว่ามีใครสนใจชิ้นส่วนศิลาฟ้ากำเนิดหรือไม่
ของวิเศษที่สามารถทำให้เทวกษัตริย์ไร้ประมาณและโถงเซียนให้ความสำคัญ ยึดติดมาตลอดพันปี ไม่ว่าความสามารถที่แท้จริงของมันจะเป็นอะไร ก็ไม่มีทางมีมูลค่าต่ำเด็ดขาด
หลังจากขอบคุณประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกก็ออกมา แล้วกลับไปยังที่พักของตัวเอง
ระหว่างทาง เยี่ยนตี๋เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ถ้าหากการคาดการณ์ในตอนแรกของเจ้าไม่ผิดพลาด ศิษย์หลานซือคงมีความเกี่ยวข้องกับชูฉิงจริงๆ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนศิลาฟ้ากำเนิดนั่นเช่นกัน!”
“แต่ก็มีจุดที่น่าสงสัยอยู่ด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งใคร่ครวญ ทางหนึ่งกล่าวว่า “คนที่เหมือนกับศิษย์น้องซือคงมีอยู่มากมายขนาดนั้น บนโลกแปดพิภพของพวกเราอย่างน้อยก็มีอยู่ตั้งสี่คน โลกซ้อนโลกใหญ่ถึงเพียงนี้ มีแต่จะมากกว่า หากคำนวณตามจำนวนประชากร ต่อให้บอกว่ามีหนึ่งพันแปดร้อยคน ก็เกรงว่าจะเป็นการคำนวณขั้นต่ำเท่านั้น”
แค่ลองคิดดู เยี่ยนจ้าวเกอก็แยกเขี้ยวยิงฟันแล้ว
ในโลกใบนี้มีคนที่เหมือนกันอยู่มากมาย กรณีที่ไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด แต่หน้าตาเหมือนกันราวกับฝ่าแฝดก็ไม่ใช่ว่าไม่มี
กระนั้นคนที่เหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว ก็เป็นสิ่งที่น่าดูชมแล้ว ไม่ใช่คล้ายกัน แต่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แม้กระทั่งมีทั้งบุรุษและสตรีอีกต่างหาก
นอกจากนี้ รูปโฉมยังโดดเด่น ไม่ได้มีหน้าตาดาษดื่น
หากฝึกวรยุทธ์ หลังจากที่ฝึกฝนจิตราชั้นในกลายเป็นปรมาจารย์สำเร็จแล้ว ยังสามารถแสดงพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ที่น่าทึ่งออกมาได้ด้วย
ถึงแม้ว่าจะสู้อัจฉริยะหายากเฉกเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เนี่ยจิงเสิน เฉินเฉียนหัว และหลงเสวี่ยจี้ไม่ได้ ทว่าต่อให้อยู่ในสำนักของสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิแห่งคุนหลุน ก็ชมเชยได้ว่ามีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา
คนเช่นนี้มีอยู่มากมายยิ่ง
แน่นอนว่าย่อมมีโอกาสที่จะเสียชีวิตเมื่อยังเยาว์ หรือมีโอกาสที่จะไม่ฝึกวรยุทธ์ เป็นเพียงคนธรรมดาเช่นกัน
เวลาบนโลกซ้อนโลกไหลเร็วกว่าโลกแปดพิภพ ด้วยอายุของซือคงจิง หากว่าไม่ฝึกฝนวรยุทธ์บนโลกซ้อนโลก เป็นคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง อายุขัยก็คงใกล้จะหมด สภาพแก่ชราเป็นอย่างยิ่งแล้ว
แต่ว่าโลกซ้อนโลกที่มุ่งมั่นในการทำให้สำนักเต๋ารุ่งเรืองอีกครั้ง ให้ความสำคัญกับการค้นหาผู้มีพรสวรรค์ คนที่มีความสามารถที่แท้จริงจะไม่ถูกกลบฝัง
เหมือนอย่างซือคงจิง ก่อนที่นางจะเป็นปรมาจารย์ ก็มีพรสวรรค์และศักยภาพไม่ธรรมดาแล้ว โอกาสที่ไม่มีผู้ใดค้นพบมีอยู่ต่ำยิ่ง ดังนั้นถ้า ‘ซือคงจิง’ จำนวนมากขนาดนี้อาศัยอยู่บนโลกซ้อนโลก เยี่ยนจ้าวเกอก็จินตนาการไม่ออกว่าว่า สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิจะมองข้ามเรื่องที่ผิดปกติเช่นนี้
“ถ้าหากบอกว่ากระจัดกระจายกันอยู่ในโลกเบื้องล่างทุกคน อย่างน้อยในโลกซ้อนโลกก็เคยเห็นมาสองคนแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเคาะขมับของตัวเอง
เยว่เป่าฉีแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือบนทะเลหวงเจีย ในเขตตะวันอาคเนย์
หลี่เฉิง ลูกศิษย์ของประมุขบูรพาแห่งอารามสูงส่งบนเขาเมฆเลือน ในเขตสุราลัยบูรพา
แน่นอนว่าจำนวนนี้ต่ำกว่าที่เยี่ยนจ้าวเกอคาดไว้มาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ดึงดูดความสนใจของคนที่ไม่รู้เรื่องด้วย
“ก่อนที่สถานการณ์จะชัดเจน ศิษย์น้องซือคงเกรงว่าจะต้องเก็บตัวต่อไป” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจ “เมื่อมีอาจารย์ลุงเยว่คอยคุ้มครอง แรงกดดันของพวกเราก็ลดลงมาก แต่ก็อาจดึงดูดความสนใจของคนเช่นกัน ประมุขบูรพาเพิ่งจะคว้าน้ำเหลวกลับไป ต้องคอยระวังทุกด้าน คนอื่นๆ ถ้าเขาไม่เห็นศิษย์น้องซือคงก็แล้วไป แต่ถ้าเขาเห็นศิษย์น้องซือคง แล้วรู้ว่านางเป็นลูกศิษย์ของเขากว่าเฉิง ก็ยากจะรับประกันว่าจะไม่คิดเชื่อมโยงถึงอะไร”
เยี่ยนตี๋ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นกลับจะสร้างความอัปยศให้นางแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ยังดีกว่าถูกคนลักพาไป ถ้าทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เรายังพอไปทวงคนได้ น่ากลัวที่สุดก็คือไม่ทราบว่าเป็นใคร คิดตามหาคนกลับไม่อาจเจอตัว”
หลี่เฉิงแห่งอารามสูงส่งบนเขาเมฆเลือนถูกเขาเยี่ยนจ้าวเกอลักพาตัว ประมุขบูรพาถึงขั้นไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนกระทำ ยังนึกว่าหลี่เฉิงตายในที่อยู่ของเสวี่ยชูฉิงพร้อมกับลูกศิษย์คนอื่นๆ ไปแล้ว
ตนลักพาตัวคนอื่นหัวเราะเริงร่า หากถูกอีกฝ่ายลักพาตัวฝ่ายเดียวกันไป เยี่ยนจ้าวเกอคงหัวเราะไม่ออกแล้ว
เขาลูบคางของตัวเอง “บางทีอาจใช้แผนล่อคนมาได้ เพียงแต่ทำเช่นนั้นจะยิ่งสร้างความอัปยศให้แก่ศิษย์น้องซือคงกว่าเดิม”
เยี่ยนตี๋กล่าว “ยังไม่ต้องคิดถึงแผนการอะไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้ศิษย์หลานซือคงรั้งอยู่บนเขาเถอะ นางฝักใฝ่ในวรยุทธ์ อีกทั้งยังชอบศึกษาหาความรู้ ข้าความจริงอยากให้นางรับตำแหน่งวิหารสืบทอดวิชามาโดยตลอด หากให้นางเป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารสืบทอดวิชาในตอนนี้ ก็ไม่ต่างกับการเผยให้ทุกคนได้เห็น แต่ว่าสามารถคุมสถานการณ์ในวิหารสืบทอดอาญาได้ไม่มีปัญหา”
จากนั้นเขาก็ตัดสินใจ “ให้ศิษย์น้องฟู่ใช้ชื่อผู้อาวุโสระดับหนึ่งของวิหารสืบทอดวิชาแทนนางก็ใช้ได้แล้ว”
เขาหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เจ้าต่างหาก หลังจากนี้จะทำอะไรต่อ อีกเดี๋ยวจะต้องเคลื่อนไหวแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การเตรียมตัวของข้าใกล้เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ต้องไปดูทางเขาคุนหลุนก่อน จากนั้นค่อยปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์”
ทุกคนกำลังคาดเดาว่าต่อจากนี้เขากว่างเฉิงกับเยี่ยนจ้าวเกอจะทำอะไร แต่ความจริงแล้วต่อจากนี้ไปเขากับสำนักจะไม่ทำภารกิจด้วยกันแล้ว
เยี่ยนตี๋มีแผนจะพัฒนาสำนัก รุกเข้าเขตเพลิงทักษิณอย่างเป็นทางการ เมื่อมีรากฐานที่เยี่ยนจ้าวเกอได้วางไว้ในอาณาเขตทางตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณ ซึ่งเป็นเขตที่แม่น้ำเฉาเหอไหลผ่านเช่นเขารอบวง เรื่องราวก็ง่ายดายกว่าเดิมมาก
ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอจะเดินทางไปยังเขาคุนหลุนในเขตมหานภากลางพร้อมกับพวกเนี่ยจิงเสินและหวังผู่!
ด้านหนึ่งเพื่อสืบหาเสวี่ยชูฉิงมารดาของตนอย่างลับๆ อีกด้านหนึ่งเยี่ยนจ้าวเกอมีแผนการที่อยากจะลองทำดู
“จากข่าวล่าสุดที่ส่งมาจากทางยอดเขาอัศจรรย์ จักรพรรดิแพรที่ผิดนัดพวกเราดูเหมือนจะยังไม่ได้กลับสำนัก” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเจื่อน “จักรพรรดิท่านนี้ไม่ทราบว่าทำอะไรอยู่กันแน่”
………………..