ตี๋ชิงเหลียนเสียชีวิตไปหลายปี แต่ว่าบัวขาวมากมายด้านในสระบัวที่อยู่บริเวณสันเขาของยอดเขาเมฆาสีชาดซึ่งเป็นที่อยู่เดิมของนางยังคงเบ่งบานอยู่
ทุกอย่างที่นี่ไม่มีความทรุดโทรม ยิ่งมีร่องรอยคนอยู่น้อยนิด ทิวทัศน์ยิ่งบริสุทธิ์ งดงามเป็นอย่างยิ่ง
กระนั้นยามเยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ริมสระบัวสระนั้น เขาถึงกับรู้สึกได้ถึงปราณกระบี่หลายชั้นจากก้นสระ มันผนึกรวมกัน สั่นสะท้านขวัญวิญญาณ
เมื่อมองดูอย่างละเอียด กลับไม่เห็นว่าก้นสระบัวมีอาวุธอะไรวางอยู่
ขณะเยี่ยนจ้าวเกอกำลังสงสัย ก็เห็นหลงเสวี่ยจี้พลันปลดกระบี่ลง
ตอนหลงเสวี่ยจี้ต่อสู้กับคนที่โลกเซียน เยี่ยนจ้าวเกอเห็นว่าสิ่งที่เขาใช้คือกระบี่ชิงกังธรรมดาๆ ที่มีอยู่ดาษดื่นเล่มหนึ่ง ไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ถึงขั้นที่ไม่ใช่อาวุธวิญญาณหรืออาวุธวิเศษ กลับเป็นกระบี่ธรรมดาในโลกมนุษย์
ตามปกติแล้ว ในเวลาส่วนใหญ่ตอนที่หลงเสวี่ยจี้ต่อสู้กับคนอื่นๆ จะใช้กระบี่ชิงกังธรรมดาเล่มหนึ่ง ศัตรูของเขามองเห็นภาพนั้นทีไรก็แทบจะรู้สึกว่าไร้เหตุผล ทะนงตนถึงขีดสุด
เยี่ยนจ้าวเกอกลับทราบว่า นั่นเป็นวิธีการที่หลงเสวี่ยจี้ใช้ความธรรมดาเคี่ยวกรำความไม่ธรรมดา เพื่อหลอมกระบี่
หลงเสวี่ยจี้ย่อมมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่ไม่มีใครกดดันให้เขาใช้ได้
เยี่ยนจ้าวเกอยิ่งสงสัยกว่าเดิมว่ากษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียน มารดาของหลงเสวี่ยจี้อาจจะมอบกระบี่อันเป็นอาวุธเซียนระดับไร้ช่องโหว่ ซึ่งตนเคยใช้ตอนอยู่ในระดับเซียนจริงแท้ให้แก่หลงเสวี่ยจี้
แน่นอนว่าเกาเสวี่ยโพอาจจะถือครองอยู่ก็ได้
เยี่ยนจ้าวเกอมองหลงเสวี่ยจี้ เห็นตอนนี้อีกฝ่ายปลดกระบี่ลง ทว่าไม่ใช่กระบี่ชิงกังทั่วไป กลับเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงซึ่งมีประกายคมคุกคาม สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนชิ้นหนึ่ง
มันมีคุณภาพเหนือกว่ากระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน กระบี่ทะเลม่วง กระบี่สัจจะ อันเป็นกระบี่วิเศษที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่ด้อยไปกว่ากระบี่ปีศาจเทาเที่ย
แม้จะแปลกประหลาดดุร้ายไม่เท่ากระบี่ปีศาจเทาเที่ย แต่ว่าประกายคมของมันคล้ายจะเหนือกว่า
“สระปลดกระบี่ของยอดเขาเมฆาสีชาดเป็นเรื่องราวในตอนที่อาจารย์อาเล็กยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าหลังจากอาจารย์อาเล็กจากโลกไป มันก็คงอยู่มาถึงวันนี้” หลงเสวี่ยจี้พูดกับเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอมองสระบัวที่มีบัวขาวเบ่งบานตรงหน้า พึมพำว่า “สระปลดกระบี่…”
“ในวันที่มรรคากระบี่ของอาจารย์อาเล็กสำเร็จ ทั่วทั้งมรกตท่องฟ้า ไม่พูดถึงสำนักย่อยสายเหนือพิสุทธิ์ทั้งหลาย แม้แต่ผู้ฝึกกระบี่ซึ่งเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงทั่วไปต่างปลดกระบี่เพื่อแสดงความยินดี” หลงเสวี่ยจี้ซึ่งที่แล้วมาเย็นชา บัดนี้ใบหน้าฉายแววอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก “ในตอนนั้นกระบี่ต่างบินมา แล้วพุ่งเข้าไปในสระบัวด้านล่างยอดเขาเมฆาสีชาด เพื่อทำความเคารพ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผู้ที่ขึ้นสู่ยอดเขาเมฆาสีชาดจะต้องปลดกระบี่ของตัวเอง แล้ววางไว้ในสระถึงจะขึ้นเขาได้”
เยี่ยนจ้าวเกอฟังถึงตรงนี้ก็เข้าใจทันที ว่าไฉนสระบัวที่ดูธรรมดาตรงหน้าจึงให้กำเนิดปราณกระบี่ขึ้นที่ก้นสระ
นั่นเป็นเพราะกระบี่วิเศษมากมายได้จมลงไปด้านใน ทำให้ปราณกระบี่ผนึกรวมกัน ถึงแม้จะข้ามผ่านกาลเวลามาหลายพันปี แต่เป็นเพราะว่าปราณวิญญาณบนยอดเขาเมฆาสีชาดถูกผนึกไว้ ดังนั้นจึงเลือนไปไม่กี่ส่วน จนอยู่มาถึงปัจจุบัน
หลงเสวี่ยจี้หย่อนกระบี่ยาวอันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เล่มนั้นของตัวเองลงไปในสระบัว “นอกจากนี้แล้ว หากเจ้าของคนเดิมคิดเอากระบี่ที่เคยอยู่ในสระน้ำไป จะต้อนผ่านการทดสอบของอาจารย์อาเล็กเสียก่อน ต่อมาผู้ฝึกกระบี่ซึ่งเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ของเขาแหนเขียว จะต้องมาที่ยอดเขาเมฆาสีชาดก่อนจะออกท่องโลก อาจารย์อาเล็กต้องพยักหน้าอนุญาต จึงค่อยนำกระบี่ออกจากสระ เพื่อออกเดินทางอย่างเป็นทางการได้ ถ้าหากไม่ผ่านการทดสอบของอาจารย์อาเล็ก กระบี่จะอยู่ในสระปลดกระบี่ตอลดไป คนจะต้องไปฝึกฝนตัวเองอย่างเชื่อฟัง หยุดคิดถึงเรื่องการออกจากเขา” เขากล่าวอย่างเฉื่อยชา “ดังนั้นในตอนนั้น อาจารย์อาเล็กจึงมีฉายาว่า ‘บรรทัดกระบี่’ และ ‘ตาชั่งกระบี่’ หมายถึงวัดความสามารถของคนที่ฝึกกระบี่ในใต้หล้า
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “ในบรรดาผู้ฝึกกระบี่ที่เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของสายเหนือพิสุทธิ์ในยุคนั้นคงจะมีอัจฉริยะกำเนิดขึ้นมากมาย ต่างคนต่างตั้งใจฝึกฝนเพื่อพัฒนาฝีมือ ไม่อย่างนั้นเมื่อมาที่ยอดเขาเมฆาสีชาด กลับต้องทิ้งกระบี่ไว้ ขายหน้าต่อหน้าเขาแหนเขียว”
“หลังจากราชันพระศุกร์มาที่มรกตท่องฟ้า จึงค่อยหลีกเลี่ยงกฎข้อนี้ได้” หลงเสวี่ยจี้กล่าว “ตอนที่ราชันพระศุกร์กับอาจารย์อาเล็กสองสามีภรรยาลาโลกไป มีคนเตือนให้ท่านแม่นำกฎกลับมาใช้ใหม่ แต่ว่าท่านแม่นึกถึงอาจารย์อาเล็ก นางไม่เห็นด้วย ดังนั้นพิธีตาชั่งกระบี่จึงเริ่มจากอาจารย์อาเล็ก และจบที่อาจารย์ กฎที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวก็คือ ผู้ที่ปีนขึ้นยอดเขาเมฆาสีชาดยังคงต้องปลดกระบี่แล้วหย่อนลงในสระ ตอนออกไปสามารถนำไปได้”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า หยิบหีบกระบี่กลืนฟ้ากลืนดินขึ้นมา ด้านในผนึกไว้ด้วยกระบี่ปีศาจเทาเที่ย
เขาไม่หยิบกระบี่ออกมา แต่หหย่อนลงไปทั้งหีบ
หลังจากคิดครู่หนึ่งแล้ว เขาก็หยิบกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน ตรากระบี่กาลเวลา ไปจนถึงกระบี่บึงมรกตอันเป็นอาวุธวิญญาณซึ่งใช้ในตอนยังเป็นมหาปรมาจารย์ออกมา แล้วหย่อนลงไปในสระบัวพร้อมกัน
“สมกับที่คนบอกว่าครอบของของล้ำค่ามากมาย” หลงเสวี่ยจี้เห็นดังนั้นก็อดยิ้มขึ้นไม่ได้
“ทำให้อาจารย์ลุงหลงหัวเราะเยาะแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอมองสระกระบี่ที่มีกระบี่สี่เล่มตรงหน้า หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผู้ฝึกกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ในอดีตต้องปลดกระบี่แล้วหย่อนลงไปยังก้นสระ และเหตุการณ์ที่ท่านย่าเป็นอาจารย์ของทั่วทั้งใต้หล้า พร้อมกับทอดถอนใจ
คนรุ่นก่อนจากไป ชื่อเสียงยังคงอยู่ ในฐานะคนรุ่นหลัง ยังรู้สึกสะท้อนใจ
คนทั้งสองข้ามสระปลดกระบี่ ขึ้นไปยังยอดเขาเมฆาสีชาด
บนยอดเขามีลานบ้านเรียบๆ แห่งหนึ่ง
“เจ้าเข้าไปคนเดียวเถอะ” หลงเสวี่ยจี้พยักหน้าให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจ มรกตท่องฟ้ามอบโอกาสในการศึกษาคัมภีร์กระบี่ลงทัณฑ์เซียนให้แก่ตนแล้ว
ตี๋ชิงเหลียนย่าของตนได้ฝึกฝนสี่กระบี่รัตนาจนสำเร็จ แต่ที่เชี่ยวชาญที่สุดและบรรลุเป็นอันดับแรกก็คือคัมภีร์กระบี่ลงทัณฑ์เซียน
ในสี่กระบี่รัตนา กระบี่สังหารเซียนทำลายสรรพสัตว์ กระบี่ผนึกเซียนทำลายสรรพชีวิต กระบี่ลวงเซียนทำลายมิติ กระบี่ลงทัณฑ์เซียนทำลายสรรพวิชา
ถึงแม้จะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ว่าวิชากระบี่ที่ผู้คนยกย่องที่สุด และมีอานุภาพมากที่สุดก็คือกระบี่ลงทัณฑ์เซียน ดังนั้นสี่กระบี่รัตนาจึงมีชื่อว่าสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน
ที่นี่เป็นที่อยู่ของท่านย่า ต่อให้ไม่ทิ้งข้อความใดๆ ไว้ จิตกระบี่ก็ยังคงอยู่ การพำนักอยู่ที่นี่เพื่อศึกษามรรคาอาจจะทำให้ได้ความลี้ลับของคัมภีร์กระบี่ลงทัณฑ์เซียนมาหลายส่วน
ก่อนหน้านี้ได้คัมภีร์กระบี่ลวงเซียนมา วันนี้ยังได้คัมภีร์กระบี่ลงทัณฑ์เซียน เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกตื้นตันใจยิ่ง เขาประสานมือให้แก่หลงเสวี่ยจี้ “ขอบคุณอาจารย์ลุงหลงกับผู้อาวุโสทุกท่าน”
จิตวรยุทธ์ที่เกิดจากการประสานของกระบี่ลงทัณฑ์เซียนและคัมภีร์เบิกนภาในตัวเยี่ยนตี๋บิดาของเขา คือวรยุทธ์ชนิดใหม่
ต่อมาเยี่ยนตี๋ได้ตั้งชื่อให้มันว่า ดาบกฎเกณฑ์
จิตกระบี่ของกระบี่ลงทัณฑ์เซียนกับจิตกระบี่ของกระบี่หยกเบิกนภาต่างหลอมรวมอยู่ด้านใน ไม่คงอยู่อีกแล้ว สิ่งที่มีคือจิตดาบของดาบกฎเกณฑ์
เยี่ยนจ้าวเกอถึงแม้จะฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน แต่หากต้องการแยกอนุมานย้อนกลับไป กลับไม่ใช่เรื่องราวที่ระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ของเขาจะทำได้
เมื่อกำลังจะได้ครอบครองจิตกระบี่ของกระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่แท้จริงจากมรกตท่องฟ้า ย่อมต้องคว้าโอกาสเอาไว้
หลังจากเข้ามาในเรือนน้อยหลังนั้นแล้ว เขาก็มองออกว่าที่นี่มีคนทำความสะอาดอยู่เป็นนิตย์
แต่ว่าสิ่งของจำนวนหนึ่งที่อยู่ในนี้ก็ยังคงอยู่
เยี่ยนจ้าวเกอหลับตา ไม่ใช้ตามอง เพียงแต่สัมผัสอย่างละเอียด
ในความมืดหลังจากหลับตา กลับค่อยๆ มีภาพเงาลอยขึ้นมา
สตรีสวมอาภรณ์ขาวคาดกระบี่ไว้ที่เอว ถือกาสุราใบเล็กไว้ในมือ กำลังเดินอยู่ในลานบ้านอย่างเชื่องช้า ท่าทางผ่อนคลายสบายใจ
นางยื่นนิ้วออกมา ทิ่มใส่อากาศเบาๆ เหมือนกับเขียนหนังสือ และเหมือนกับชักกระบี่
คมกระบี่กระจาย กลับมีความน่าพรั่นพรึงของการทำลายฟ้าทำลายดิน ดุดันเด็ดขาด
………………..