ขณะมองเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดและน่าขัน ลูกศิษย์ยอดเขาขาวเรืองก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
เพราะความอับอาย พวกหวังซุ่นจึงเลอะเลือนไปบ้าง
พวกเขาสามารถทำลายเสื้อคลุมที่ถูกฉีกเป็นคำพูดบนตัวทิ้งไปได้
ถึงแม้จะไม่น่าดูนัก แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค
อัปยศย่อมยังอัปยศ ไม่ใช่ว่าปิดหูขโมยระฆังแล้วมันจะหายไป แต่อย่างน้อยก็ไม่น่าจะทุลักทุเลขนาดนี้
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้สนในพวกหวังซุ่น เพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้เขียนคำสิบสองคำนั้นให้แค่พวกหวังซุ่นเห็น
ผู้ชมหลักๆ เป็นอีกคนหนึ่ง
สายตาสองสายที่อยู่ไกลไปในส่วนลึกของกลุ่มเมฆกำลังมองทางนี้อย่างเงียบๆ
“น่าสนใจ แม้แต่การดำรงอยู่ของข้าก็สัมผัสได้หรือ” เสียงชราพึมพำกับตัวเอง
ที่ด้านข้างของเขามีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “สมควรสัมผัสได้แค่ตำแหน่งของศิษย์ ไม่ได้พบอาจารย์ท่าน”
ชายชราพึมพำ “ลูกหลานของเยี่ยนซิงถางและตี๋ชิงเหลียนไม่ธรรมดาจริงๆ มิน่าถึงได้สร้างความวุ่นวายบนโลกซ้อนโลกได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น มองไปคล้ายกับเป็นคลื่นลูกหลังไล่กลบคลื่นลูกหน้า”
“กลับโอหังยิ่ง คิดว่ามรกตท่องฟ้าเป็นสถานที่ประเภทใด” เสียงที่สองเอ่ยอย่างเย็นชา
“หาเป็นไรไม่ บนโลกซ้อนโลกเขายังลำบากยิ่งกว่า” ชายชราหัวเราะคำหนึ่ง “พวกเราไปกันเถอะ”
เงาคนในกลุ่มเมฆหายไป เมฆม้วนและแผ่ออกระหว่างฟ้าดิน ไม่เกิดความผิดปกติใด
เยี่ยนจ้าวเกอละสายตากลับมาจากทิศทางนั้น กล่าวในใจ ‘เซียนจริงแท้…จักรพรรดิเมฆ? จักรพรรดิอุรุ? หรือจะเป็นคนอื่น”
อีกฝ่ายพอผละไป ความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็กลับมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
“ได้ยินมาว่าเซียนผู้ถูกเนรเทศไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ที่ใช้กระบี่สร้างมรรคา แต่ถึงขั้นมีระดับวิชากระบี่ที่ล้ำลึกถึงเพียงนี้ได้ ข้าผู้แซ่เหวินเลื่อมใสยิ่ง” เหวินไต้หงมองส่งพวกหวังซุ่นแล้วก็ถอนใจคำหนึ่ง แล้วประสานมือให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ “ส่วนที่วู่วามไร้มารยาท เซียนผู้ถูกเนรเทศได้โปรดให้อภัย”
เขามีความรู้สึกพ่ายแพ้อยู่บ้าง
เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้าใช่ว่าจะใช้กระบี่สะกดมรกตท่องฟ้าได้เหมือนกับเยี่ยนซิงถางในอดีต แต่ปัญหาอยู่ที่ชายหนุ่มไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่อย่างแท้จริงเหมือนกับเยี่ยนซิงถาง
การแพ้ให้แก่มือกระบี่เช่นนี้ สำหรับเหวินใต้หงที่เป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์แล้วนับว่าน่าผิดหวังมากกว่า
ยังดีที่เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้วิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์เช่นกัน
เป็นอย่างที่เขาว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเขาพ่ายให้แก่เยี่ยนจ้าวเกออย่างแท้จริง แต่ว่าวิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์พ่ายแก่วิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ สรุปแล้วยังไม่ได้น่าขายหน้านัก
แต่พอนึกถึงว่าวิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์เมื่อไปอยู่ในมือของจอมยุทธ์ซึ่งเป็นผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์คนหนึ่งยังเหนือกว่าสายเหนือพิสุทธิ์ดั้งเดิมอย่างเขา เหวินไต้หงก็รู้สึกละอายใจ
จิตใจของจอมยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์ นอกจากความหดหู่แล้วก็มีความยุ่งเหยิง
เหล่าจอมยุทธ์จากยอดเขาขาวเรืองถึงแม้ว่าจะต้อนรับเยี่ยนจ้าวเกอตามคำสั่งของสำนัก ในตอนนี้ก็มีความรู้สึกคล้ายกัน ราวกับประสบการต่อสู้เมื่อครู่ด้วยตัวเอง
ทุคนสบตากันพลางยิ้มอย่างขื่นขม ‘ไม่ว่าจะอย่างไรอาจารย์อาเยี่ยนก็ยังไว้หน้าอยู่หลายส่วน’
‘ที่น่าหนักใจก็คือพวกหวังซุ่นจากหุบเขาธุลีวิญญาณ สำนักของจักรพรรดิเมฆ แม้เหวินไต้หงจะแพ้แล้ว ผลลัพธ์แบบนี้ไม่ถึงกับส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับถ้ำประกายม่วงบนยอดเขางามเลิศ และไม่สะกิดความโกรธของจักรพรรดิอุรุจนทำให้จุดยืนเปลี่ยนแปลง’
ความกังวลก่อนการต่อสู้ของคนจากยอดเขาขาวเรืองหายไป ‘เรื่องทั้งหมดจบลงได้ดี แม้นจะเกิดเรื่องตามมา พวกเราแค่รายงานผู้อาวุโสในสำนักให้จัดการก็พอ’
ถึงแม้เหวินไต้หงจิตใจจะยุ่งเหยิง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกคับข้องใจ
หลังจากจิตใจสงบลงแล้ว นิสัยฝักใฝ่ในการต่อสู้ ศึกษามรรคากระบี่ก็ทำงาน เขาขอคำชี้แนะจากเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความใคร่รู้ “ข้าน้อยเห็นกระบี่ผนึกเซียนของเซียนผู้ถูกเนรเทศ คล้ายกับไม่ใช่สายสืบทอดของมรกตท่องฟ้า?”
“คุยกันระหว่างทางเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางเดินทางไปยังยอดเขาขาวเรืองต่อ ระหว่างทางก็ไม่ได้ปิดบัง “ต่อหน้าวิญญูชนไม่กล่าวโกหก คัมภีร์กระบี่ลวงเซียนของข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่ได้มาจากมรกตท่องฟ้าจริงๆ แต่เป็นวาสนาที่ได้เจอตอนออกท่องโลกเมื่อก่อนหน้า”
พวกเหวินไต้หงได้ยินดังนั้นก็กระจ่างแจ้ง
ที่เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุวิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ พวกเขาต่างเตรียมใจไว้แล้ว
ถึงแม้ว่าตี๋ชิงเหลียนจะจากโลกนี้ไปนานแล้ว แต่ว่ากษัตริย์ลี้ลับย่อมดูแลลูกหลานของนาง เยี่ยนจ้าวเกอได้รับการสืบทอดมรรคากระบี่ของมรกตท่องฟ้าจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
คนอื่นๆ มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ มองความจริงไม่ออก เหวินไต้หงในฐานะคนที่ต่อสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอโดยตรง และเป็นผู้โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเดียวกันของมรกตท่องฟ้ากลับมองเลศนัยออก
“มิน่าเล่า ข้าน้อยเห็นวิถีกระบี่ผนึกเซียนของเซียนผู้ถูกเนรเทศ รู้สึกเหมือนกับสายสืบทอดของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับในตำนาน” เหวินไต้หงถอนใจชมเชย
ผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์บนมรกตท่องฟ้าแม้จะมาจากคนละสำนัก แต่เมื่อสืบย้อนกลับไปแล้ว ส่วนใหญ่สามารถย้อนไปถึงสายสืบทอดของเจ้าแม่อู๋ตัง ศิษย์ที่เทวกษัตริย์รัตนวิเศษถ่ายทอดวิชาให้ได้ทั้งสิ้น
การสืบทอดอื่นๆ ก็เหมือน แต่มีจำนวนน้อย สู้สายสืบทอดดั้งเดิมของเจ้าแม่อู๋ตังไม่ได้
กระบี่ผนึกเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอมาจากสายสืบทอดของนักพรตหยวนคังแห่งอารามบรรพกำเนิด เมื่อไล่ย้อนไปจะเป็นหลักมรรคาของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ
วรยุทธ์ชนิดเดียวกัน เมื่อให้คนมาฝึกฝน สิ่งที่ได้รับกลับแตกต่างกัน
ถึงจะมุ่งไปทางเดียวกัน แต่ก็ปรากฏความแตกต่างในด้านรายละเอียดให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นเรื่องที่ปกติยิ่ง
เทวกษัตริย์วิเศษคณานับกับเจ้าแม่อู๋ตังเป็นลูกศิษย์ที่รับสืบทอดจากบรรพจารย์เทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์เหมือนกัน ทว่าเมื่อฝึกฝนและรับสืบทอดวรยุทธ์ที่เทวกษัตริย์รัตนวิเศษถ่ายทอดมา ย่อมมีความแตกต่าง
โดยเฉพาะหลังจากผู้สืบทอดในแต่ละยุคสมัย และการศึกษาในยุคแล้วยุคเล่า ก็ยิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
หลังยุคสถาปนาเทพเจ้า เทวกษัตริย์วิเศษคณานับหายตัวไป มีเพียงผู้สืบทอดไม่กี่คนที่เผยโฉม ดังนั้นเมื่อเหวินไต้หงได้เห็นกระบี่ผนึกเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอจึงยังไม่กล้ายืนยัน
รอเยี่ยนจ้าวเกอยอมรับด้วยตัวเอง เขาถึงยืนยันการคาดเดาของตัวเอง อดถอนใจชมเชยไม่ได้ “เซียนผู้ถูกเนรเทศมีวาสนากับมรรคากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ของเราล้ำลึกยิ่ง!”
เขาสะท้อนใจจนพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ว่าพอคนอื่นๆ ได้ยินแล้วก็นึกว่ากำลังเกลี้ยกล่อมอยู่ คล้ายกับกำลังเชิญชวนให้เยี่ยนจ้าวเกอละทิ้งโลกซ้อนโลกและสวามิภักดิ์กับมรกตท่องฟ้า
ลูกศิษย์ยอดเขาขาวเรืองได้ยินก็ไม่กล่าวต่อ แต่ละคนต่างหูผึ่งขึ้นมา
“ข้าเองก็รู้สึกว่าสิ่งของอย่างวาสนายากจะบอกได้จริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างไม่นำพา
หลังจากเดินทางครู่หนึ่ง ก็บรรลุถึงยอดเขาขาวเรือง เห็นหลงฮั่นหัวรออยู่ที่นั่นแล้ว
เขาพอเห็นเหวินไต้หง ก็งงงันเล็กน้อย ความคิดทำงาน คล้ายนึกอันใดออก
“สหายร่วมเส้นทางหลง ข้าผู้แซ่เหวินมาแสดงคำขอโทษกับประมุขใบวิญญาณ” เหวินไต้หงพูดขึ้นก่อน
ประมุขใบวิญญาณ เป็นฉายาประมุขของเกาเสวี่ยโพผู้ปกครองยอดเขาขาวเรือง ลุงใหญ่ของหลงฮั่นหัว
ลูกศิษย์ยอดเขาขาวเรืองส่งกระแสเสียงบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้ให้แก่หลงฮั่นหัว ฝ่ายหลงฮั่นหัวมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง จากนั้นก็ทักทายเหวินไต้หงสองสามประโยค
ต่อจากนั้นทุกคนก็เข้าไปในเขาพร้อมกัน หลงฮั่นหัวจึงได้ส่งกระแสเสียงกับเยี่ยนจ้าวเกอว่า “ท่านอาเล็กถึงแม้จะบรรลุสี่กระบี่ แต่ฟังว่าเพียงทิ้งจิตกระบี่ของกระบี่ลงทัณฑ์เซียนไว้บนยอดเขาเมฆาสีชาด กระบี่ผนึกเซียนของท่านดูเหมือนจะเป็นวาสนาของตัวเองแล้วกระมัง”
“เมื่อครู่พึ่งพูดกับพวกเขาไป ว่าวาสนาช่างยอดเยี่ยมจนบรรยายไม่ถูก” เยี่ยนจ้าวเกอตอบด้วยรอยยิ้ม
ครั้งนั้นตอนไปถึงอารามบรรพกำเนิด นึกว่าเป็นการสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ ผู้ใดหาทราบไม่ว่ากลับเป็นการสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ เขาเองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน
“จริงสิ ครั้งนี้ท่านกลับมาจากยอดเขาเมฆาสีชาด ยังมีเรื่องที่ต้องให้ท่านเข้าร่วมด้วย” หลงฮั่นหัวว่า “บิดาตอนนี้อยู่ที่ยอดเขาขาวเรืองเช่นกัน หลังจากเข้าไปแล้วเขากับท่านลุงใหญ่จะบอกรายละเอียดกับท่านเอง”
………………..