หลังจากเข้ามาในยอดเขาขาวเรือง เหวินไต้หงก็แสดงคำขอโทษต่อเกาเสวี่ยโพอย่างจริงใจ
เขาถึงแม้จะตรงไปตรงมา ไม่ถนัดการเข้าสังคม แต่ก็ไม่ได้โง่งม
พอเห็นพวกหวังซุ่นก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติอยู่บ้าง ครั้นสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอเสร็จสิ้นและได้รับการกล่าวเตือนจากอีกฝ่าย เขาจึงเริ่มรู้สึกว่าตนอาจถูกคนใช้ประโยชน์แล้ว
เกาเสวี่ยโพไม่ได้กล่าวโทษเหวินไต้หง หลังจากสนทนากับเขาครู่หนึ่งก็ส่งเขาไป
เมื่อได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หลงเสวี่ยจี้มีสีหน้าไร้อารมณ์ แต่ในดวงตากลับเป็นประกายเย็นเยียบ
ความเย็นชาตามปกติปรากฏขึ้น ส่วนประกายคมกล้าที่รั่วไหลออกมานั้น ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอกับเกาเสวี่ยโพแทบไม่อาจมองตรงๆ
“ให้ข้าไปหุบเขาธุลีวิญญาณหรือไม่” หลงเสวี่ยจี้กล่าวถามอย่างเย็นเยียบ
“ไม่จำเป็นแล้ว” เกาเสวี่ยโพส่ายหน้า “จ้าวเกอจัดการได้ดีแล้ว”
หลงเสวี่ยจี้มองพี่ชายของตนแวบหนึ่ง ประกายคมกล้าค่อยๆ หายไป แต่ยังคงทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกเย็นเยือกในจิตใจอยู่ดี
“เมื่อครู่ศิษย์พี่หลงบอกว่า อาจารย์ลุงทั้งสองต้องการพบข้าหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบเป็นเรื่องใด”
เกาเสวี่ยโพเอ่ยอย่างแช่มช้า “เรื่องนี้ยังต้องให้เจ้าตัดสินใจเอง เป็นเพราะว่าอาจมีประโยชน์ เป็นวาสนาอย่างหนึ่ง ทว่าก็อาจไม่มีประโยชน์เช่นกัน”
ได้ยินดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกสนใจ สามารถทำให้ชนชั้นเกาเสวี่ยโพกล่าววิจารณ์เช่นนี้ได้ แสดงว่าเรื่องนี้ไม่อาจมองข้าม และมีความพิสดารเป็นพิเศษ
“อาจารย์ลุงเกาได้โปรดชี้แนะ” เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ
“ข่าวการมามรกตท่องฟ้าของเจ้าไม่ได้ถูกปิดไว้ทั้งหมด ข่าวจึงรั่วไหลไปถึงหูคนผู้หนึ่ง นางอยากให้เจ้าช่วยส่งจดหมายฉบับหนึ่งในตอนที่เจ้ากลับโลกซ้อนโลก” เกาเสวี่ยโพเอ่ยอย่างแช่มช้า “ท่านผู้นี้ตอนแรกเป็นคนของโลกซ้อนโลก ต่อมาค่อยมาถึงมรกตท่องฟ้า และหลงหลักปักฐานที่นี่”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็ประหลาดใจอยู่บ้าง “นอกจากอาจารย์อารุ่นปู่หลงแล้ว ยังมียอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดสวามิภักดิ์กับมรกตท่องฟ้าอีกหรือ”
เกาเสวี่ยโพพูดถึงคนผู้นี้ ใช้สรรพนามว่า ‘ท่านผู้นี้’
หมายความว่า อย่างน้อยก็เป็นยอดฝีมือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้วคนหนึ่ง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากอาจารย์ลุงหลงผลักเปิดประตูเซียนแล้ว อย่างน้อยมรกตท่องฟ้าก็มีจักรพรรดิเซียนจริงแท้หกคนหรือ”
“ที่บอกว่าสวามิภักดิ์กับมรกตท่องฟ้าไม่ค่อยถูกต้องนัก เป็นเพราะว่าปกตินางจะเก็บเนื้อเก็บตัว” เกาเสวี่ยโพอธิบาย “ที่แล้วมานางไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับมาตรการและเรื่องราวใหญ่ๆ ในมรกตท่องฟ้า ถึงขั้นที่ไม่คิดจะรับฟัง สมควรบอกว่า มรกตท่องฟ้าของเราเพียงอนุญาตให้นางพักอยู่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ห้ามเข้ามาสอดมือ”
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรสืบเนื่องจากได้ครอบครองสถานที่ในมรกตท่องฟ้า เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะคิดถึงตัวเอง หรือว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์เก่าก่อน ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้สมควรไม่นิ่งดูดาย
เพียงแต่หากคิดจะให้นางไปทำอะไร สมควรไม่มีความหวัง
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็เกาศีรษะ “อาจารย์ลุงเกา คนที่ท่านว่า ไม่น่าจะใช่…”
“ไม่ใช่จักรพรรดิเจิดจรัสหูเยว่ซิน อาจารย์จากสำนักของมารดาเจ้า” เกาเสวี่ยโพเดาออกว่าเยี่ยนจ้าวเกอคิดถามอะไร จึงสั่นศีรษะปฏิเสธการคาดเดาของเยี่ยนจ้าวเกอ “พวกเราเคยตรวจสอบที่อยู่ของหูเจิดจรัสมาก่อน แต่ว่าไม่มีข่าวคราว”
“อืม…” เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ สงสัยยิ่งกว่าเดิม
บนโลกซ้อนโลกมีประวัติศาสตร์ดำมืดอยู่มากมายจริงๆ…
ยังไม่พูดถึงจักรพรรดิเจิดจรัสหูเยว่ซิน อดีตจักรพรรดิคนที่หก ซึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากนางแล้วยังมียอดฝีมือระดับสุดยอดที่สาปสูญไปอีกหรือนี่
พูดถึงตรงนี้ เกาเสวี่ยโพกลับถามว่า “ในสามกษัตริย์บนโลกซ้อนโลกที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันเจ้าทราบว่ากษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ย ศิษย์เอกของปู่ของเจ้าไม่ใช่สามกษัตริย์ในตอนแรกแล้วใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง ได้ฟังคนพูดมาก่อนแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอผงกหัว
สถานการ์ณสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบบนโลกซ้อนโลกดำรงมาหลายปี บุคคลด้านในนี้มีการสับเปลี่ยนตลอด
โดยเฉพาะประมุขทั้งสิบ นอกจากประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงแล้ว อีกเก้าตำแหน่งที่เหลือมีการสับเปลี่ยนมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งรอบ
ห้าจักรพรรดิไม่จำเป็นต้องอธิบายมากความ จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยในอดีตได้จากโลกนี้ไปแล้ว
สากษัตริย์ถือว่ามั่นคงที่สุด แต่ความจริงแล้วเคยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่ง
นั่นเป็นเพราะเยว่เจิ้นเป่ยซึ่งเคยเป็นหนึ่งในห้าจักรรพรดิมีพลังฝึกปรือเพิ่มขึ้น สำเร็จเป็นกษัตริย์
ก่อนหน้าเขา ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่อีกคนที่ได้รับการขนานนามเทียบเคียงกับกษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับ มีชื่อว่ากษัตริย์ดารา
ตอนที่ได้ยินถึงชื่อนี้เป็นครั้งแรก ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่งในทันที
ราชันพระพุทธ หนึ่งในเก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุนใหม่!
ความจริงได้พิสูจน์ว่าการคาดเดาของเขาไม่ผิดพลาด กษัตริย์ดาราก็คือจักรพรรดิพระพุทธ
ราชันพระเสาร์ ราชันพระเกตุ และราชันพระพุทธในอดีต กษัตริย์ดิน กษัตริย์เร้นลับ และกษัตริย์ดาราในภายหลัง ก็คือสามกษัตริย์ในตอนแรกของโลกซ้อนโลก
กระนั้นต่อมาไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด กษัตริย์ดาราจึงหายไปไร้ร่องรอย ไม่ปรากฏตัวบนโลกซ้อนโลกอีก
ตำแหน่งสามกษัตริย์ขาดไปหนึ่งตำแหน่ง จนกระทั่งเยว่เจิ้นเป่ยสำเร็จเป็นกษัตริย์กระบี่ จึงมาเสริมตำแหน่งที่ว่างลง
สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ ในเก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุนใหม่ในอดีต ราชันพระพุทธมีความสัมพันธ์อันดีกับราชันพระศุกร์เยี่ยนซิงถาง ปู่ของเยี่ยนจ้าวเกอ
หวังผู่เคยกล่าวว่า กษัตริย์ดารารับรู้ถึงสถานการณ์พิเศษของเยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างเลือนรางเช่นกัน
เพื่อปกป้องเยี่ยนตี๋ไม่ให้เกิดอันตราย กษัตริย์ดาราจึงเห็นด้วยกับการลบเลือนเรื่องของเก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุนในอดีต
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันเห็นเยี่ยนตี๋เกิด กษัตริย์ดาราก็หายตัวไปจากโลกซ้อนโลก
แม้แต่กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยก็ยังไม่ทราบสถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรม บางทีอาจมีแค่กษัตริย์ดินกับกษัตริย์เร้นลับที่ล่วงรู้
จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงจะทราบสถานการณ์หรือไม่ก็ยังคงเป็นปริศนา กลัวแต่ว่าจะมีแค่นางที่รู้
ทุกคนบนโลกซ้อนโลกล้วนทราบถึงการดำรงอยู่ของกษัตริย์ดารา แตกต่างจากจักรพรรดิเจิดจรัสที่ถูกกลบฝัง แต่การหายไปอย่างกะทันหันของเขาถูกมองว่าเป็นเรื่องลึกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวลาพันกว่าปีมานี้ของโลกซ้อนโลก
ถึงแม้ว่าคำอธิบายอย่างเป็นทางการที่ยอดฝีมือระดับสูงบอกจะบอกว่ากษัตริย์ดาราผละจากโลกซ้อนโลกเพื่อออกเดินทาง แต่คนส่วนใหญ่ล้วนมีท่าทีสงสัย
“หรือว่าคนที่อยู่ที่นี่จะเป็นกษัตริย์ดารา” เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างสงสัย
เกาเสวี่ยโพส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่กษัตริย์ดารา แต่เป็นศิษย์ของเขา”
“ศิษย์?” เยี่ยนจาวเกอม่านตาหดตัว “กษัตริย์ดารามีลูกศิษย์สองคนหรือ”
ทุกคนบนโลกซ้อนโลกต่างรับรู้ว่า กษัตริย์ดาราหรือราชันพระพุทธมีผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ไม่ใช่เพราะผู้สืบทอดคนอื่นตกตาย แต่เป็นเพราะรับลูกศิษย์คนเดียวมาตั้งแต่ต้น
นั่นก็คือจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง หนึ่งในห้าจักรพรรดิของโลกซ้อนโลก
“ไม่ผิด ลูกศิษย์ของกษัตริย์ดารา” เกาเสวี่ยโพพยักหน้ากล่าว “ท่านพ่อกับท่านแม่เคยพิสูจน์มาก่อน เป็นผู้สืบทอดของกษัตริย์ดาราอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังไม่ได้ลอบร่ำเรียนวิชา”
เยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือรองหน้าผาก “ช่างล้ำลึกจริงๆ…”
“ในตอนที่กษัตริย์ผู้นี้ออกจากโลกซ้อนโลก นางยังไม่ได้เลื่อนสู่ระดับเซียน” เกาเสวี่ยโพเสริม “นางผลักเปิดประตูเซียนในมรกตท่องฟ้าของเรา”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “นั่นก็น่าจะไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงกระมัง”
เกาเสวี่ยโพส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนโลกซ้อนโลก นางคล้ายกับปลีกวิเวก น้อยครั้งจะออกเดินทาง จึงไม่โด่งดังมากนัก”
“แม้แต่ทางข้าก็ค่อยทราบถึงความเป็นมาของนางทีหลัง”
เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิด จากนั้นก็มองพวกเกาเสวี่ยโพด้วยรอยยิ้มหนักใจ “เช่นนั้นถ้าต้องส่งจดหมาย ต้องส่งให้ผู้ใดหรือ”
………………..