การเปิดตึกของตึกความลับฟ้าในครั้งก่อน คนส่วนใหญ่กลับไปมือเปล่า
คนที่ได้ของไป ล้วนรู้สึกไม่พอใจ ยังไม่สาแก่ใจ
ไม่มีผู้ใดยินยอม
ทว่าความจริงแล้วในตอนนั้นกลับไม่ได้ลุกลี้ลุกลนเท่าไรนัก
เป็นเพราะว่า สินค้าของตึกความลับฟ้าสุดท้ายก็ไม่ได้ดีอะไรนัก ยังไม่ได้รับการยืนยัน
ถึงแม้ว่าเมื่อตรวจสอบความเอ่อล้นของปราณวิญญาณในของวิเศษจะยืนยันได้ว่าเป็นของจริง แต่สุดท้ายแล้วจะมีประสิทธิผลเท่าคำเล่าลือหรือไม่ หลายๆ คนยังไม่มั่นใจ
ถึงอย่างไรก็เป็นของวิเศษที่เคยสาบสูญ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นไม่เคยได้รู้จักจริงๆ
ส่วนใหญ่แล้วเป็นของสิ้นเปลือง ของที่มีราคาสูงถึงเพียงนี้ ไม่มีคนมั่งมีจนกล้าทดลองใช้ดู
หนึ่งเดือนมานี้ ความจริงหลายๆ คนกำลังรอข่าว ด้วยต้องการดูว่าของวิเศษที่ตึกความลับฟ้าจำหน่ายจะแข็งแกร่งเหมือนที่เล่าลือหรือไม่
บังเอิญที่มีคนทดลองด้วยตัวเองจริงๆ จากนั้นก็มีข่าวกระจายออกไป
แน่นอนว่า นั่นความจริงเป็นหน้าม้าที่เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมไว้แต่แรก…
สุดท้ายแล้ว มีลูกผู้ชายใจกล้าลองใช้ยันต์เหลืองเจ็ดทบฟ้าเร้น หนีเอาตัวรอดผ่านการเคลื่อนย้ายมิติ ท่ามกลางการกลุ้มรุมของศัตรูกลุ่มหนึ่งสำเร็จ
ของวิเศษอย่างเตาผลึกหินชั้นในและสุราภูตผีก็ใช้ง่าย
ดังนั้นผลลัพธ์สุดท้ายเพียงมองแวบเดียวก็เป็นอันเข้าใจ
สินค้าของตึกความลับฟ้าจะต้องเป็นของดี
ผู้ที่ซื้อต่างพอใจ ผู้ที่ไม่ซื้อต่างต้องการ
ดังนั้นครั้งนี้พอฟังว่าของวิเศษที่ตึกความลับฟ้าจำหน่าย นอกจากจะไม่เพิ่มจำนวน ยังลดจำนวนลง ทุกคนถึงได้ไม่รู้สึกพอใจถึงขนาดนั้น
นี่อยู่ในการคาดการณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่เขาไม่รู้สึกกังวล
เยี่ยนจ้าวเกอมีของดีๆ อยู่ในมือไม่น้อย แต่ว่าไม่มีทางปล่อยออกไปในคราวเดียว
พร้อมกับที่เวลาผ่านไป การเผยของใหม่ๆ ออกมาเป็นระยะจึงค่อยรักษาความสนใจอันเนิ่นนานของคนอื่นๆ ไว้ได้
การนำออกมาจำหน่ายในทีเดียวแม้จะน่าตื่นตะลึง แต่ความจริงไม่จำเป็น
เป็นเพราะสินค้าในตึกความลับฟ้าส่วนใหญ่แล้วเป็นของที่หาไม่ได้จากที่ไหน แม้กระทั่งหายสาปสูญไปแล้ว ในตอนที่เปิดกิจการอย่างเป็นทางการนำของดีออกมาไม่น้อยในครั้งเดียว ประสิทธิผลของการดึงดูดสายตาและความสนใจถือว่าสำเร็จ
เมื่อมากกว่านี้ จะทำให้จำนวนล้นเกิน กลายเป็นความสิ้นเปลือง
การสร้างสิ่งใหม่และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมกับการสร้างความสนใจไปเรื่อยๆ จะยกความคาดหวังของคนอื่นให้สูงขึ้น ทำให้ตึกความลับฟ้าแทรกซึมสู่จิตใจคนลึกกว่าเดิม
ดังนั้นในการเปิดตึกครั้งที่สอง หลังจากตอนแรกสุดที่จำนวนของยันต์เหลืองเจ็ดทบฟ้าเร้นขาดไปครึ่งหนึ่ง ความสนใจของคนอื่นๆ กลับเพิ่มสูงขึ้น
เพราะครั้งนี้ตึกความลับฟ้านำเสนอของวิเศษใหม่ชิ้นหนึ่ง
มนุษย์กระดาษแทนตัว
ความสามารถของมันคือช่วยรับการโจมตีครั้งหนึ่งในตอนที่เจ้าของประสบการซุ่มจู่โจมจนทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวเอง
ก่อนจะใช้ให้เตรียมวัตถุแทนตัวไว้ รอถึงเวลาประสบการโจมตี ต่อให้คนสัมผัสไม่ได้ ของวิเศษจะเกิดการตอบสนองเอง และช่วยป้องกันการโจมตีหนึ่งครั้ง
มนุษย์กระดาษแทนตัวไม่ได้มีความสามารถรอบด้าน อาจถูกคนแก้ไขได้ แต่ตามปกติแล้ว ศัตรูที่สามารถทำลายมนุษย์กระดาษแทนตัวได้ ถ้าต้องการจู่โจมสังหารเจ้าของก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก
ดังนั้นของวิเศษชิ้นหนึ่งเดิมเอาไว้ให้จอมยุทธ์ที่อยู่ระดับต่ำกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนใช้ โดยเอาไว้แสดงความสามารถกับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันโดยเฉพาะ
ในตอนที่เผชิญกับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน มันจะมีประสิทธิภาพดียิ่ง
โดยเฉพาะตอนที่ใช้รับมือการซุ่มจู่โจม ประสิทธิภาพจะดีเป็นพิเศษ เป็นเพราะว่าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าของรับรู้ถึงแผนการของศัตรู ของวิเศษก็จะแสดงผลด้วยตัวเอง
ในห้วงอันตรายบางครั้ง นี่บางทีเป็นกระบวนท่าช่วยชีวิต และอาจเป็นกุญแจสำคัญที่เอาไว้พลิกจากแพ้เป็นชนะ
ถึงขั้นที่ว่าถ้าศัตรูไม่ทราบถึงการดำรงอยู่ของมนุษย์กระดาษแทนตัว อาจจะตกสู่หลุมพรางได้
เทียบกับยันต์เหลืองเจ็ดทบฟ้าเร้นแล้ว ประสิทธิผลของมันไม่ได้ใช้ง่ายนัก แต่เหนือกว่าตรงที่ใช้รับมือกับการซุ่มโจมตีได้
ถึงอย่างไรยันต์เหลืองเจ็ดทบฟ้าเร้นก็เป็นของวิเศษที่จำเป็นต้องให้เจ้าของใช้ด้วยตัวเอง
“จงใจงั้นหรือ?” ทุกคนเริ่มรู้สึกตัว “มิน่ายันต์เหลืองเจ็ดทบฟ้าเร้นครั้งนี้จึงขายน้อยลงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้มนุษย์กระดาษแทนตัวขายออกกระมัง”
ถึงแม้ว่าความสามารถจะแตกต่าง แต่เทียบกันแล้ว ของวิเศษสองอย่างนี้ล้วนเป็นของวิเศษที่คุ้มครองกายเหมือนกัน
“เป็นไปได้อย่างไร” เสี่ยวอ้ายตอบด้วยรอยยิ้ม “ตึกเราครั้งนี้มียันต์เหลืองฟ้าเร้นเจ็ดทบไม่พอจริงๆ และเป็นเพราะว่าสาเหตุนี้ จึงจงใจเสนอมนุษย์กระดาษแทนตัว เพื่อให้สหายร่วมเส้นทางทุกท่านได้เลือกซื้อ”
มีคนกล่าวอย่างสงสัย “แม้มนุษย์กระดาษแทนตัวนี้จะเป็นของดี แต่หากถูกโจมตีจะถูกใช้ทันที หากถูกคนใช้กระบวนท่าลวงธรรมดาลบทิ้ง ไหนเลยจะไม่เสียเปล่า เมื่อเป็นแบบนี้ ของชิ้นนี้ก็ไม่คุ้มค่าที่จะซื้อเกินไปแล้ว”
“ไม่ใช่เช่นนั้น” เสี่ยวอ้ายเลียนแบบท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอ ชูนิ้วขึ้นมาส่ายเบาๆ “ขอแค่ในสถานการณ์ที่ตัวเจ้าของไม่รู้สึก รับมือไม่ทัน มนุษย์กระดาษแทนตัวจะทำงานของมันเอง”
ในสถานการณ์ที่ถูกลอบจู่โจม ถ้าหากศัตรูยังสามารถใช้การโจมตีที่ลวงทำลายมนุษย์กระดาษแทนตัวได้ก่อน เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการแจ้งเตือนเจ้าของ การซุ่มจู่โจมจึงสูญเสียความหมาย
เมื่อเผชิญกับศัตรูอย่างแท้จริง เจ้าของสามารถเลือกได้ว่าจะให้มนุษย์กระดาษแทนตัวสำแดงผลหรือไม่
ถ้าบอกว่า เจ้าของถูกศัตรูใช้กระบวนท่าลวงหลอก นั่นย่อมไม่มีอะไรต้องโอดครวญแล้ว
พูดถึงที่สุด เป็นคนบังคับของวิเศษ ไม่ใช่ของวิเศษบังคับคน
“อืม ถ้ากล่าวแบบนี้ เช่นนั้นของวิเศษชิ้นนี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ…” พอได้ฟังคำอธิบายของเสี่ยวอ้าย คนที่สงสัยก่อนหน้าก็พยักหน้าเล็กน้อย
แต่ไม่รอเขาพูดต่อไป ข้างๆ ก็มีเสียงดังว่า “ข้าน้อยต้องกรมนุษย์กระดาษแทนตัวนี้สามชิ้น!”
คนคนนั้นได้สติ อดด่าทอในใจไม่ได้ รีบกล่าว “ข้าเองก็ต้องการมนุษย์กระดาษแทนตัวสามชิ้น! เอ่อ…ไม่ถูกต้อง ข้าต้องการมนุษย์กระดาษแทนตัวสองชิ้น เตาผลึกหินชั้นในเตาหนึ่ง!”
ทุกคนกระโดดโลดเต้นอีกครั้ง ธุรกิจของตึกความลับฟ้ายังคงร้อนแรง
เพียงแต่เพราะจำกัดจำนวน จึงยังมีคนยินดีและมีคนผิดหวัง ต้องรอการเปิดตึกครั้งที่สามของตึกความลับฟ้า ต้นเดือนหน้าอีกครั้ง…
“ไม่มีมนุษย์กระดาษแทนตัวแล้ว?” ทุกคนมองเสี่ยวอ้ายอย่างประหลาดใจ
เสี่ยวอ้ายกลาวอย่างรู้สึกผิด “ตอนนี้ตึกเราไม่มีมนุษย์กระดาษแทนตัวแล้ว กำลังเตรียมกันอยู่ บางทีครั้งหน้าอาจมี หวังว่าสหายร่วมเส้นทางทุกท่านจะให้อภัย”
ทุกคนต่างรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
คนไม่กี่คนที่ครั้งที่แล้วได้ซื้อมนุษย์กระดาษแทนตัวต่างรู้สึกยินดี
คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ซื้อ ต่างรู้สึกไม่รู้รสชาติอย่างผิดธรรมดา
ถึงขั้นที่ของวิเศษอย่างอื่นตรงหน้าไม่ได้น่าดึงดูดเหมือนเดิม พวกมันล้วนเทียบเคียงกับมนุษย์กระดาษแทนตัวที่ตนเคยเดินเฉียดไม่ได้
แม้ตอนนี้จะอยู่ในตึกความลับฟ้า แต่ความคิดของคนส่วนหนึ่งกลับเริ่มนึกถึงการเปิดตึกของตึกความลับฟ้าในครั้งหน้าแล้ว
ตอนนั้นจะมีมนุษย์กระดาษแทนตัวหรือไม่
“ศิษย์น้องเยี่ยน ไม่มีแล้วจริงๆ หรือ” ชิวเจียไห่ถามกับเยี่ยนจ้าวเกออย่างเงียบๆ ในที่ลับ
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะแหะๆ “ย่อมต้องมี”
ชิวเจียไห่ชี้เขาพูดอะไรไม่ออก ครู่ต่อมาค่อยกล่าวว่า “หน้าเลือดแล้ว!”
“เสี่ยวอ้าย จำไว้ว่าในสถานการณ์ที่คล้ายๆ กับมนุษย์กระดาษแทนตัว อย่ามอบให้คนที่มีป้ายคำสั่งซึ่งมีคำว่า ‘เหลือง’ ให้ปิดปากไว้ให้สนิท และพูดเหมือนกันว่าตอนนี้ไม่มีของ” เยี่ยนจ้าวเกอรับคำตำหนิของชิวเจียไห่ไว้ทั้งหมด จากนั้นก็ชี้แนะเสี่ยวอ้าย “การมอบของวิเศษเป็นกรณีพิเศษ เป็นคนที่ครอบครองป้ายคำสั่งที่มีระดับสูงกว่าจึงมีสิทธิ์ได้รับไป ล้วนเป็นสิทธิพิเศษ แต่ต้องแบ่งระดับ เมื่อเป็นแบบนี้ ยิ่งระดับสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีราคาเท่านั้น เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจเจ้าค่ะ!” เสี่ยวอ้ายตอบอย่างชัดเจน ในตากลมสองข้างเหมือนกับกำลังมีเหรียญเงินขนาดใหญ่ทอแสงอยู่
หลังการเปิดตึกครั้งที่สาม ในที่สุดก็มีคนจำนวนไม่น้อยซื้อของวิเศษจากตึกความลับฟ้าได้ไม่มากก็น้อย
ทว่าการเปิดตึกครั้งที่สี่กลับได้รับความคาดหวังจากผู้คนมากกว่าเดิม
ดังนั้นทุกคนจึงรอแล้วรอเล่า วันที่มีเพียงหนึ่งครั้งในแต่ละเดือนที่สุดก็มาถึงอีกครา
เป็นวันแรกของเดือนเหมือนเดิม ทุกคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น แต่สุดท้ายกลับพบว่าตึกความลับฟ้าคราครั้งนี้ไม่ได้เปิดตึก!
ไม่มีที่ให้ใช้เงินแล้ว!
………………..