ทุกคนพอเห็นข้อความในผลึกแก้ว สีหน้าก็เคร่งเครียดกว่าเดิม
การมายังเขตตะวันอาคเนย์ของจักรพรรดิเอกภพ ก็เพื่อชิงลายมือแห่งแผ่นดินที่ซ่อนอยู่ในทะเลหวงเจียอย่างไม่ต้องสงสัย
ลายมือแห่งแผ่นดินถูกกลบฝังอยู่ในทะเลหวงเจีย ตอนนี้เขากว่างเฉิงไม่อาจนำมันออกมาได้
ทว่าสำหรับจักรพรรดิเอกภพกำเนิดที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้ว ขอแค่มอบเวลาส่วนหนึ่งให้เขา เขาก็คิดหาหนทางได้
พิธีมรรคามารดรเอกภพกำเนิดมีข้อจำกัดมากมาย ตราบใดที่เยี่ยนจ้าวเกอกับลายมือแห่งแผ่นดินสร้างการเชื่อมต่อระดับหนึ่ง คนอื่นๆ ในเขากว่างเฉิงไม่อาจกระตุ้นพิธีกรรมแทนเขา เพื่อใช้พลังของลายมือแห่งแผ่นดินต้านทานจักรพรรดิเอกภพกำเนิดได้
สองฝ่ายเพาะความแค้นลึกล้ำ แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตร
ถ้าหากจักพรรรดิเอกภพได้ลายมือแห่งแผ่นดินไป จะต้องมีพลังเพิ่มขั้นแน่นอน
หากศัตรูเช่นนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ย่อมไม่ใช่สถานการณ์ที่ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงต้องการเห็น
หากเป็นในอดีต เยี่ยนจ้าวเกออย่างมากก็เลิกสนใจเรื่องตึกความลับฟ้า เร่งรุดกลับทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์เพื่อจัดการเรื่องลายมือแห่งแผ่นดิน
ทว่าตอนนี้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำอยู่ตรงหน้า ทำให้ผู้คนไม่อาจคาดเดาได้
“ประมุขปฐวีลงมือไม่ธรรมดาอย่างที่คิด ต่างพิจารณาไว้รอบด้านแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเย็นชา “กลับไม่ทราบว่าเขากับเฉินทิศบนจะลงมือหรือไม่”
“ศิษย์น้องเนี่ยน่าจะไปจัดการทางเขตตะวันอาคเนย์” หวังผู่กล่าวเสียงทุ้ม “ตอนนี้ข้าจะกลับเขานครหยก เชิญกระบี่เปิดกำเนิดออกภูเขา!”
กระบี่เปิดกำเนิด เป็นอาวุธเซียนไร้ช่องโหว่ ซึ่งเคยเป็นกระบี่ของกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ย!
ตอนที่เยว่เจิ้นเป่ยออกจากโลกซ้อนโลกเพื่อไปยังมิติต่างแดน เขาทิ้งกระบี่เล่มนี้ไว้คอยเฝ้าสำนัก
หวังผู่ไม่ได้เชิญกระบี่เปิดกำเนิดออกสำนักเพื่อใช้เอง ถึงอย่างไรระดับพลังฝึกปรือของเขาก็ยังอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า
เจ้าของกระบี่ในปัจจุบันบางทีอาจเป็นประมุขพายัพไป๋เทา หรือประมุขทักษิณเนี่ยจิงเสิน
หากส่งกระบี่ให้เนี่ยจิงเสินทัน ย่อมประเสริฐสุด
ถ้าหากว่าสภาพการณ์อันตรายจนทำไม่ได้ ตอนนี้หวังผู่ก็เตรียมจะติดต่อกับไป๋เทาด้วย
“จักรพรรดิแพร จักพรรรดิเอกภพ รวมถึงประมุขทิศบนที่อาจลงมือ” ชิวเจียไห่สูดหายใจลึก “ดูท่าทางแล้ว เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ต้องการ หากหวังผู่ลงมือด้วยตัวเอง จะต้องเชิญรูปภูผาธาราโบ่วกี้ออกมาแน่นอน!”
รูปภูผาธาราโบ่วกี้ เป็นอาวุธเซียนระดับไร้ช่องโหว่ที่กษัตริย์ดินเคยพกติดตัว ที่แล้วมามันอยู่เฝ้าสำนักบนผากิเลนแห่งยอดเขาหนานเกามาตลอด มีน้อยครั้งยิ่งที่ออกภูเขา
ต่อให้เป็นครั้งที่จักรพรรดิแพรท้าสู้กับทวนพระอังคาร ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงป็นสักขีพยานให้แก่พวกเขา ก็ไม่ได้เชิญรูปภูผาธาราโบ่วกี้ร่วมทางมาด้วย
ทว่าทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างทราบว่าดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน หวังเจิ้งเฉิงไม่ลงมือด้วยตัวเองก็แล้วกันไป
ถ้าเขาลงมือ จะต้องใช้รูปภูผาธาราโบ่วกี้แน่นอน
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสงบนิ่ง “เตรียมตัวก่อนย่อมไม่เสียหลาย ลำบากศิษย์พี่หวังแล้ว ทางจักรพรรดิไร้จำกัด ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่ตอนนี้อยุู่บนโลกซ้อนโลกมีท่าทีอย่างไร”
“ความเป็นไปได้มากที่สุดอาจจะเป็นการไม่ช่วยทั้งสองฝ่าย” หวังผู่กล่าวขึ้นหลังจากสบตากับชิวเจียไห่
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างแช่มช้า ผุดลุกขึ้น “เช่นนั้นข้าจะส่งศิษย์พี่หวังท่านออกไป ไม่อย่างนั้นเมื่อมีจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำขวางประตู ท่านเกรงว่าจะกลับเขานครหยกไม่ได้”
หวังผู่ขมวดคิ้ว “ศิษย์น้องเยี่ยน เจ้าหรือว่าจะ…”
“เมื่อครู่ข้าคิดจะให้อาหู่ไปดูความเคลื่อนไหวทางหุบเขาผีเสื้อมังกร” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างเรียบเฉย “ที่นั่นแม้ว่าจะถูกอำพรางไว้ แต่ไม่อาจรับประกันได้ว่าไม่มีใครทราบ ความจริงแล้วเมื่อต้องการทำลายธุรกิจของตึกความลับฟ้า การทำลายหุบเขาผีเสื้อมังกรก็เป็นวิธีการหนึ่ง”
หุบเขาผีเสื้อมังกรมีสภาพแวดล้อมพิเศษ หลังจากผ่านการปรับปรุงโดยเยี่ยนจ้าวเกอ ค่อยเหมาะให้เขาหลอมอุปกรณ์จำนวนมาก
ถ้าหากถูกคนทำลายตั้งแต่รากฐาน เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะหาสถานที่ที่เหมาะสมอีกแห่งคงต้องสิ้นเปลืองความพยายามมากมาย
“แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ใช่ตึกความลับฟ้า” เยี่ยนจ้าวเกอเดินนำออกไปด้านนอกห้องส่วนตัว “ไม่ว่าจะเป็นตึกความลับฟ้า หรือลายมือแห่งแผ่นดินที่อยู่บนทะเลหวงเจีย ก็ล้วนเป็นตัวล่อทั้งสิ้น เพื่อแบ่งแยกความสนใจและจำกัดวิธีการของพวกเรา เป้าหมายที่แท้จริงของเขากับคนที่กระทำเรื่องราวล้วนล้ำลึกเป็นอย่างยิ่ง”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ประมุขปฐวีสร้างสถานการณ์ตามลำดับขั้นตอน หากข้าได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ เช่นนั้นยิ่งมาก็ยิ่งสูญเสียโอกาส ดังนั้น…”
เขาพูดพลางก้าวเท้าออกก้าวหนึ่ง เคลื่อนย้ายมิติมาถึงนอกประตูห้องส่วนตัวของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ!
“ดังนั้นข้ายินดีลงมือก่อน เพื่อหาโอกาสทำลายสถานการณ์”
เยี่ยนจ้าวเกอผลักประตู สายตาของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำมองมาที่เขาอยู่แล้ว
“ข้าผู้แซ่เยี่ยนมีธุระต้องออกจากสถานที่แห่งนี้ จึงมาบอกลาจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเป็นการเฉพาะ”
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสายตาไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างสงบ “ตึกความลับฟ้าจะจัดงานใหญ่ที่สำคัญเช่นนี้ สหายน้อยเยี่ยนถึงกับจะไปหรือ”
“ในสายตาของคนบางคน มีเรื่องบางเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ข้ารู้สึกเหมือนกัน”
“เช่นนั้นก็น่าเสียดายนัก” จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำพูดอย่างราบเรียบ “เกี่ยวกับหมัดแปลงกำเนิด ข้ายังต้องให้สหายน้อยเยี่ยนชี้แนะสักสองสามท่า”
“เหอะๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “หากต้องการหมัดแปลงกำเนิดจริงๆ เกรงว่าท่านจะนัดแนะกับคนอื่นไว้แล้วกระมัง ว่าจะขวางข้าผู้แซ่เยี่ยนไว้ที่เมืองหยวนโจว ไม่ให้ออกไปด้านนอก กลับไม่ทราบว่าอีกฝ่ายใช้ข้อแลกเปลี่ยนแบบไหนทำให้ท่านหวั่นไหว”
สีหน้าของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสั่นไหวเล็กน้อย ทว่าไม่ใช่เพราะคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ
เขาเอียงสายตาเล็กน้อย มองไปอีกทาง
สายตาข้ามผ่านการขวางกั้นจากสิ่งก่อสร้าง เห็นประกายกระบี่สายหนึ่งพุ่งสู่ฟากฟ้า กำลังจะออกจากเมืองหยวนโจว มุ่งหน้าไปทางเขาคุนหลุน
ถึงจะตกตะลึงที่เยี่ยนจ้าวเกอถึงกลับไม่กลัวเผชิญความคมกล้าของจักรพรรดิแพร แต่หวังผู่ก็ไม่พร่ำวาจาไร้สาระ ฉวยโอกาสนี้เคลื่อนไหว กลับเขานครหยกทันที
“ไปไม่ได้” จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกล่าวอย่างเรียบเฉย
เสียงยังไม่ทันขาดลง ปราณม่วงมากมายก็ขยายออกโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง ข้ามผ่านความว่างเปล่า ครอบคลุมเมืองหยวนโจวในชั่วพริบตา
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็กล่าวอย่างเฉื่อยชา “ไปได้”
ร่างของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดมิด พร่าเลือนไม่ชัดเจน
วินาทีถัดมา แสงกับความมืดแบ่งแยกกัน ความขมุกขมัวกลายเป็นแสงสว่างกับความมืดที่อยู่ร่วมกัน แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
ความมืดไร้สิ้นสุดถอยไป เหลือแต่แสงส่วางไร้ประมาณ
หลังจากแสงสว่างแหลกสลาย ก็ไม่เกิดความมืดขึ้นอีก เหมือนกับมหามรรคาล่มสลายไปพร้อมกัน
สองสิ่งไม่คงอยู่ ก่อเกิดความสูญสิ้น ความน่ากลัวไร้สิ้นสุดพุ่งเข้ามา
ปราณม่วงกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมเมืองหยวนโจวของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำถึงกับถูกฉีกออกเป็นร่องแยกสายหนึ่ง
หวังผู่บังคับกระบี่บินออก ร่องรอยหายไป
ตอนนี้ ผู้คนที่กำลังเข้าร่วมงานประชุมในตึกความลับฟ้า ถึงขั้นไม่ได้สติ
พวกชิวเจียไห่ที่ทราบต้นสายปลายเห็น รู้สึกตะลึงลานพร้อมกัน
เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับไปหาเรื่องจักรพรรดิแพรงามตรงๆ!
สิ่งที่ทำให้ผู้คนแตกตื่นยิ่งกว่าคือ เขายังช่วยให้หวังผู่ทะลุจากการกักขังของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำได้
“…จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย” จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน แต่ความสนใจมาอยู่ที่เยี่ยนจ้าวเกอซึ่งอยู่ตรงหน้า ไม่สนใจหวังผู่ที่จากไปแล้วอีก
“เจอกันเมื่อครั้งก่อน ถึงกับมองตื้นลึกหนาบางของเจ้าไม่ออก ข้ารู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ยังคงไม่อยากเชื่อ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจริง”
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างล้ำลึก “ห่างจากตอนที่เจ้าเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดในนพยมโลกแค่สี่ปีกว่าๆ เท่านั้น”
………………..