มารพุทธสีดำแม้สองตาจะปิดสนิท แต่ก็เหมือนมีระลอกน้ำกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าก็ขยายออกไปรอบๆ
เขาที่ใช้ตราลับดินกำเนิดเหมือนกับใจกลางการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
ระลอกคลื่นเหล่านี้ขยายออกไปไกล ทุกสิ่งที่มันผ่านปรากฏลายระเอียดขึ้นมา กลายเป็นภาพวาดที่สมจริงราวมีชีวิต เข้าสู่สมองของเยี่ยนจ้าวเกอ
ไกลออกไปมีระลอกคลื่นหลายจุด บ้างเล็กบ้างใหญ่ บ้างเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง บ้างเบาบางแล้วหายไป
ภาพมากมายแวบผ่านตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ต้องกล่าวถึงการต่อสู้ระหว่างมารด้วยกันเอง ถึงแม้ว่ามีความปรารถนาจะกลืนกินโลกภายนอก แต่เหล่ามารในนพยมโลกก็มีการต่อสู้กันอยู่ อีกทั้งยังโหดเหี้ยมรุนแรง
เรื่องเช่นนี้ย่อมไม่ใช่ปัญหาที่เยี่ยนจ้าวเกอสนใจ สิ่งที่เขาสนใจก็คือคนที่อยู่ในนพยมโลกหรือขอบนพยมโลก รวมถึงการเคลื่นไหวบริเวณที่อยู่ติดกันซึ่งกว้างใหญ่ไพศาล
มนุษย์ที่เข้ามาในนพยมโลกย่อมหายาก เยี่ยนจ้าวเกอไม่ค้นพบอะไร ทว่าชายแดนของเขตมารนพยมโลกกลับมีมรสุมเกิดขึ้นตลอดเวลา
เยี่ยนจ้าวเกอเลือกความแปรปรวนที่รุนแรงที่สุดในนี้ รับรู้การเปลี่ยนแปลงที่อยู่ด้านใน สุดท้ายก็กำหนดสถานที่บริเวณหนึ่ง
ดวงตาของพระพุทธสีดำเพ่งไปยังทิศทางหนึ่ง
จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็สลายร่างมารพุทธ เก็บกลิ่นอาย เคลื่อนที่ไปยังทิศทางนั้นด้วยความเร็วสูง
เขตมารนพยมโลกกว้างใหญ่สุดเปรียบปาน มีขนาดใหญ่กว่าโลกซ้อนโลกมากมาย เยี่ยนจ้าวเกอเดินทางไกล เลียบชายแดนแห่งหนึ่งแล้วตัดทะลุไป
สถานที่ที่เลือกในตอนแรกสุดท้ายก็ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่เป้าหมายที่เยี่ยนจ้าวเกอคิดตามหา
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ผิดหวัง ถึงแม้จะต้องแข่งกับเวลา แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่สำเร็จได้ง่ายๆ
ค้นหาต่อไป ตามหาต่อไป จนถึงภายหลัง เยี่ยนจ้าวเกอตามไปจนถึงชายฝั่งยมโลกในตอนที่ตามรอยเฟิงอวิ๋นเซิง
การตามหานี้ทำให้เขาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เบาะแสที่บัดเดี๋ยวปรากฏบัดเดี๋ยวสูญหายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าก่อนหน้านี้เฟิงอวิ๋นเซิงหรือราชันพระราหูเจี่ยนซุ่นหัวได้กลับมายังบริเวณนี้
แต่ไม่ทราบว่ากลับมาเพราะเฟิงอวิ๋นเซิงตัดสินใจ หรือเป็นเจี่ยนซุ่นหัวตัดสินใจ พิจารณาเคลื่อนไหวอย่างปลอดภัยที่สุดในสถานที่ที่อันตรายที่สุด เพื่อหลบเลี่ยงการตามหาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอหรือจักรพรรดิไร้จำกัด ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ต่างก็เคยเข้ามาตามหาในนพยมโลกอีกครั้ง แต่ไม่พบอะไร
ถึงแม้จะเคยกลับมาที่นี่ แต่ตอนนี้เฟิงอวิ๋นเซิงได้จากไปนานแล้ว
ทว่าครั้งนี้พอดูร่องรอยที่เฟิงอวิ๋นเซิงได้ทิ้งไว้ เยี่ยนจ้าวเกอก็มองเลศนัยส่วนหนึ่งออก
‘สองฝ่ายยังอยู่ในสภาพยื้อยันกันหรือ จอมมารที่เจี่ยนซุ่นหัวสนใจ สุดท้ายแล้วเป็นเทพเทวะองค์ไหนกันแน่’ เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรองในใจ “หรือว่าจะเป็นระดับสิบสองเทพมารสวรรค์”
เยี่ยนจ้าวเกอได้เห็นถึงความขวัญกล้าเทียมฟ้าของราชันพระราหูเจี่ยนซุ่นหัวโดยตรงแล้ว ไม่ได้รู้จากแค่เรื่องเล่าในประวัติศาสตร์เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่คิดประเมินความเด็ดเดี่ยวของสตรีแกร่งนางนี้ต่ำแม้แต่น้อย
หรือจะบอกว่าเป็นความทะเยอทะยานก็ว่าได้
‘อย่างน้อยก็ไม่ใช่มารทองแกแปลงกายอีกครั้ง หลังจากมารกระบี่อินสือหยางตาย…’
เมื่อเห็นว่าไม่มีการค้นพบอะไรมากกว่าเดิม เยี่ยนจ้าวเกอก็พ่นลมหายใจออกยาวๆ สลัดความคิด แล้วตามหากษัตริย์ดาราต่อ
ตราลับดินกำเนิดถูกใช้ต่อไป หลังจากที่เจอสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่ชัดเจนหลายส่วน
‘ความรู้สึกนี้เหมือนการสืบทอดของยอดเขาเมฆมรกต’ เยี่ยนจ้าวเกอม่านตาหดตัวเล็กน้อย ‘แต่ว่าเป็นกษัตริย์ดารา หรือจักรพรรดินีกันแน่…’
เขาลังเลเล็กน้อย หลังจากขบคิดสักพักก็เดินหน้าเข้าไปสำรวจ
ควันมารปราณปีศาจที่ช่วยเขตมารนพยมโลกจู่โจมตรงหน้าค่อยๆ อ่อนแอลง บรรลุถึงชายแดนนพยมโลกอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอเดินหน้าต่อ ในที่สุดก็หลุดจากนพยมโลก เหยียบลงบนชายฝั่งยมโลกอีกครั้ง
พอถึงชายฝั่งยมโลก การรบกวนที่ควันมารปราณปีศาจส่งผลต่อความสามารถในการรับรู้ของเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนเดิมอีก
ดังนั้นถึงแม้จะไม่แปลงร่างเป็นพระพุทธสีดำ เขาก็ยังคงสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าในชายฝั่งยมโลกบริเวณนี้มีปราณเซียนยิ่งใหญ่กำลังกระเพื่อม และโยกคลอนฟ้าดินแห่งนี้อยู่
เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป เขาพอจะรู้สึกได้ว่า ไกลออกไปเกิดการต่อสู้ใหญ่ขึ้น
หลังจากเข้าใกล้พอประมาณ เยี่ยนจ้าวเกอก็หยุดฝีเท้า
ตอนนี้เขาเกือบหันหน้าหนี เป็นเพราะหลังจากเข้าใกล้ สัมผัสความแปรปรวนที่เกิดขึ้นไกลออกไป เยี่ยนจ้าวเกอก็มั่นใจอย่างน้อยเจ็ดส่วนว่ายอดฝีมือจากยอดเขาเมฆมรกตในเขาคุนหลุนบนโลกซ้อนโลกที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในชายฝั่งยมโลกบริเวณนี้เป็นจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง ไม่ใช่กษัตริย์ดารา
“ถึงอย่างไรการถามกับจักรพรรดินีก็ยังมีประสิทธิภาพมากกว่าควานหาเหมือนคนตาบอด”
เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำกับตัวเอง “ตอนนี้ข้ามีเหตุผลเหมาะเจาะในการตามหากษัตริย์ดารา คงไม่ถูกจักรพรรดินีเชื่อมโยงถึงผู้อาวุโสฉู่ที่เร้นกายในมรกตท่องฟ้า”
ถึงในใจจะมีเปลวเพลิงแห่งความอยากรู้อยากเห็นลุกโชน แต่ในเวลาเร่งด่วนที่ต้องตามหาคนตอนนี้ เขาย่อมต้องพยายามหลีกเลี่ยงไม่กระตุ้นโทสะของจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง
ผู้ใดหาทราบไม่ว่าจะเป็นรังแตนหรือไม่ เกิดกระทบถูกโดยไม่ระวัง นั่นก็ออกจะไม่คุ้มค่าเกินไปแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอปักหลักไม่เคลื่อนไหว ขณะใคร่ครวญอยู่ สองฝ่ายที่ต่อสู้กันซึ่งอยู่ไกลออกไปก็เริ่มเข้าใกล้ทางด้านนี้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกได้ถึงการมาของเยี่ยนจ้าวเกอแล้วเช่นกัน
พอมาถึงใกล้ๆ แหวกความมืดมิดออก เงาร่างสองสายก็พุ่งออกมาจากด้านใน
คนหนึ่งในนี้สวมเสื้อและกระโปรงสีขาว บนนิ้วชี้ข้างขวาสวมแหวนหยกสีดำวงหนึ่ง
กลับเป็นสตรีที่มีใบหน้างดงามเหลือแสน เพียงแต่สองตาปิดสนิท ไม่เคยเปิดขึ้น…เป็นจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง ผู้ปกครองยอดเขาเมฆมรกตในปัจจุบัน หนึ่งในห้าจักรพรรดิของโลกซ้อนโลก
คนที่นางสู้ด้วยเป็นบุรุษวัยกลางคนคนหนึ่ง สวมเสื้อคลุมเต๋าลายพยัคฆ์มังกร เท้าเหยียบตำแหน่งสี่ลักษณ์ เคลื่อนไหวกลางอากาศ ต่อสู้กับเจี่ยหมิงคงเป็นพัลวัน
นักพรตผู้นั้นประสานสองมือ ดินน้ำลมไฟสี่ลักษณ์ปรากฏขึ้น กลายเป็นสี่มังกรสี่พยัคฆ์
พยัคฆ์และมังกรทุกตัวต่างมีร่างสูงใหญ่นับหมื่นจั้ง พาดขวางอยู่กลางความว่างเปล่า มังกรทะยานพยัคฆ์กระโจน รุนแรงจนชายฝั่งยมโลกที่มืดมัวแทบแหลกสลาย
พอเห็นรูปลักษณ์ภายนอกและการออกกระบวนท่า เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบสถานะของคนผู้นี้
ยอดฝีมือระดับเซียนจริงแท้แห่งมรกตท่องฟ้า ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ จักรพรรรดิปฐพีศานติหรือจักรพรรดิศานติ มีคนเรียกคนผู้นี้ว่าจักรพรรดิพยัคฆ์มังกร เพราะคัมภีร์สี่ลักษณ์พยัคฆ์มังกรอันเป็นวรยุทธ์ของเขา
ยอดฝีมือระดับเซียนซึ่งเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ของมรกตท่องฟ้าเพียงคนเดียว ที่ไม่ใช้กระบี่ผลักเปิดประตูเซียน
รากฐานที่ใช้สร้างตัวของเขาคือคัมภีร์ยุคไคหวง หนึ่งในห้าคัมภีร์ยุคสมัยซึ่งเป็นการสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ และคัมภีร์สี่ลักษณ์พยัคฆ์มังกร
จอมยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์จากมรกตท่องฟ้า เมื่อสืบย้อนไปถึงยุคโบราณ ส่วนใหญ่ล้วนสืบทอดจากเจ้าแม่อู๋ตัง
มีกรณียกเว้น แต่เป็นจำนวนน้อย จักรพรรดิศานติเป็นผู้โดดเด่นในนี้ เป็นผู้สืบทอดของเจ้าแม่จินหลิงซึ่งเป็นลูกศิษย์สายตรงของบรรพจารย์เทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์เหมือนกับเจ้าแม่อู๋ตัง
เจ้าแม่จินหลินประสบภัยพิบัติในสงครามสถานปนาเทพเจ้า ลูกศิษย์ของนางก็ประสบคราเคราะห์มากมาย จนภายหลังเหลือผู้สืบทอดไม่กี่คน วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ยิ่งทำให้ลดน้อยลง
ในอดีตจักรพรรดิศานติได้ขุดพบมรกดกของบรรพบุรุษ สุดท้ายทำให้การสืบทอดของเจ้าแม่จินหลิงปรากฏขึ้นบนโลก อีกทั้งยังประสบความสำเร็จ ถือเป็นเรื่องดีงามเรื่องหนึ่งในมรกตท่องฟ้าเมื่อครั้งอดีต แต่มีข่าวน้อยนิดกระจายอยู่ในโลกซ้อนโลก กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังรู้จักอยู่ดี
เพียงแต่ถึงวันนี้ ค่อยนับว่าได้พบจักรพรรดิศานติเป็นครั้งแรก
มิหนำซ้ำในตอนนี้เขายังสู้กับเจี่ยหมิงคงอยู่!
………………..