หลินอวี้เสานอนราบอยู่บนพื้น เงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้าสีคราม
เมฆขาวลอยล่อง ฟ้าครามดังเดิม
ทว่าอาภรณ์สีขาวดุจหิมะที่นางสวมใส่ บัดนี้กลับเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผง ร่วงหล่นลงพื้น กลายเป็นสีหม่นหมอง
บริเวณหน้าอกมีบาดแผลขนาดใหญ่ ทว่าไม่มีโลหิตไหลออกมา แต่กลับเป็นสีดำสนิททั่วบริเวณ เหมือนรอยไหม้หลังถูกเปลวเพลิงแผดเผา
โอกาสที่จะรอดชีวิตของเด็กสาวได้สูญสิ้นไปแล้ว
ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ปรากฏขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้า ข้างหูเหมือนกับยังมีเสียงโกรธแค้นสุดชีวิตเสียงนั้นดังสะท้อนอยู่
“พวกเขาบอกว่าเจ้าทำร้ายศิษย์น้องหลานจนบาดเจ็บสาหัส เพราะเหตุใดกัน เกิดอะไรขึ้น”
“เจ้าเยี่ยนจ้าวเกอหมาเวรนั่นทำร้ายข้าถึงสามสี่ครา หลานเหวินเยี่ยนก็เป็นหมารับใช้ของมัน ข้าไว้ชีวิตมันก็ถือว่าเมตตาแล้ว!”
“เรื่องนี้น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน พวกเรากลับเขาไปอธิบายให้ผู้อาวุโสในสำนักฟังอย่างชัดเจนกันเถิด…”
“กลับเขาตอนนี้ก็เหมือนกับข้าวิ่งเข้าไปติดกับเสียเอง เจ้าอยากให้ข้าตายด้วยน้ำมือบิดาของเจ้าหมาเยี่ยนจ้าวเกออย่างนั้นหรือ?”
“ข้าเพียงแค่…”
“ข้าขอถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะไปกับข้า หรือกลับไปหาเยี่ยนจ้าวเกอ?”
“เยี่ยจิ่ง เจ้าใจเย็นๆ ก่อน ข้าพูดคุยกับศิษย์พี่เยี่ยนหลายครั้ง เขาไม่ได้เจตนาทำร้ายเจ้า นั่นต้องเป็นการเข้าใจผิดกันแน่ๆ”
“…ไม่อยู่ฝั่งข้า ก็อยู่ฝั่งเยี่ยนจ้าวเกอ คนที่อยู่ฝั่งเยี่ยนจ้าวเกอก็คือศัตรูของข้า!”
จนถึงตอนนี้ ความตกตะลึงในแววตาของหลินอวี้เสายังไม่หายไปทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็คิดไม่ถึง ว่าการพบกันอีกครั้งโดยบังเอิญหลังจากที่จากกันไปนาน สุดท้ายผลจะออกมาเป็นเช่นนี้
ประกายตาของหลินอวี้เสาค่อยๆ เลือนรางลง ใบหน้ากลับเผยสีหน้าปล่อยวาง
“ตั้งแต่ตอนนั้นที่ข้าติดตามศิษย์พี่เยี่ยนกลับไปที่เขากว่างเฉิง ก็อาจจะถูกกำหนดผลลัพธ์เช่นวันนี้เอาไว้แล้ว”
“นี่คือชะตากรรมของข้า…สินะ?”
ในวันนี้ บุปผางามที่ยังไม่ทันได้แย้มบาน กำลังจะโรยราลง
…
นอกเมืองใกล้ปราการ ณ อาณาจักรถังตะวันออก บริเวณทุ่งหญ้าที่อยู่ใกล้กับหุบเหวปราการมังกรและเทือกเขามฤคลับตา ชายชราคนหนึ่งใช้มือยันพื้นลุกขึ้นยืน
“หลินอวี้เสา?” ชายชราหันกลับไปมองผู้ที่อยู่เบื้องหลัง “ข้าจำได้ หญิงสาวที่มีข้อครหากับเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยจิ่งสินะ”
ชายชราคนนั้นก็คือเหยียนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งถังตะวันออกของเขากว่างเฉิง
จอมยุทธ์ที่อยู่ด้านหลังเขาผงกศีรษะ “ไม่ผิดขอรับ เป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นยิ่งนัก น่าเสียดายตอนที่พบตัวก็ได้สิ้นใจไปเสียแล้ว ไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ขอรับ”
“ดูออกหรือไม่ว่าเป็นใครที่ลงมือ”
“ชี้ชัดไม่ได้ขอรับ เพียงแต่สามารถฟันธงได้ว่าอีกฝ่ายฝึกฝนวรยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับเพลิงรุนแรงขอรับ”
เหยียนซวี่ถามว่า “นางมายังถังตะวันออก เพื่อหาเยี่ยนจ้าวเกอหรือหาเยี่ยจิ่งกันล่ะ”
จอมยุทธ์ผู้นั้นส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้ายังไม่สามารถยืนยันได้ แต่มีความเป็นไปได้กว่าครึ่งว่าเป็นเยี่ยนจ้าวเกอขอรับ”
“เท่าที่ข้าทราบมา ตอนที่นางอยู่ระหว่างทางมาถังตะวันออก ก็ได้ทราบข่าวที่เยี่ยจิ่งรอดชีวิตกลับมาจากหุบเหวปราการมังกรแล้วขอรับ”
“ยิ่งไปกว่านั้น อย่างไรเสียก่อนหน้านี้นางได้ตามเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว หากฉลาดสักหน่อย ก็น่าจะรักษาระยะห่างกับเยี่ยจิ่งเอาไว้”
“ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยจิ่งเป็นตายยังไม่แน่ชัด จะสนใจหน่อยก็คงไม่มีอะไร ในเมื่อรู้แล้วว่าเยี่ยจิ่งยังไม่ตาย แต่ก็ยังมาถังตะวันออก คิดไปคิดมาก็น่าจะเป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอขอรับ”
จอมยุทธ์คนนี้เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ก็เกิดลังเลเล็กน้อย
เหยียนซวี่ถามขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “เป็นอะไรไปหรือ”
อีกฝ่ายตอบว่า “นั่นเป็นข่าวลือที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงขอรับ ได้ยินมาว่าหลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอมายังถังตะวันออก ก็ค่อนข้างใกล้ชิดกับซือคงจิง ศิษย์หญิงของสำนักเราคนหนึ่งขอรับ”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลินอวี้เสารู้สึกว่าตำแหน่งของตนถูกคุกคาม อย่างไรเสีย นางกับเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน คนหนุ่มสาวเช่นนี้ ใจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างก็เป็นเรื่องปกติขอรับ”
เหยียนซวี่ได้ยินดังนั้นก็เงียบไม่พูดอะไร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงเปิดปากพูด “นำข้าไปดูศพของศิษย์หญิงผู้นั้นหน่อย”
เมื่อมองดูบาดแผลที่หน้าอกของหลินอวี้เสา เหยียนซวี่ก็เงียบไปนาน แล้วทันใดนั้นก็ยื่นฝ่ามือของตนเองออกไป
ระหว่างที่ปราณจิตราเพิ่มพูนขึ้น กลางฝ่ามือของเขาก็มีสีม่วงแดงปรากฏขึ้น ราวกับกำลังหลอมรวมเพลิงไฟสีม่วงของจริงได้ลูกหนึ่ง
นี่ก็คือฝ่ามือดุสิตหนึ่งในยอดวิชาแปดพิภพ วิชาที่สืบทอดโดยตรงของเขากว่างเฉิง
ใบหน้าเหยียนซวี่ไร้ความรู้สึกใดๆ ฝ่ามือหนึ่งประทับอยู่ที่บาดแผลของหลินอวี้เสา
ศพของหญิงสาวสั่นสะเทือนเล็กน้อย แสงสีม่วงที่อยู่บนร่างกายสว่างวาบแล้วก็หายไป
เหยียนซวี่ดึงฝ่ามือกลับมา แล้วหันกลับไปมองจอมยุทธ์ผู้นั้น
“เยี่ยนจ้าวเกอก็เคยฝึกฝนฝ่ามือดุสิตมาก่อน…” จอมยุทธ์ผู้นั้นใจเต้นแรง ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ข้าพบหลินอวี้เสา นางได้สิ้นใจไปแล้ว จึงไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดลงมือ แต่หลินอวี้เสาสิ้นชีพด้วยวิชาฝ่ามือดุสิตของสำนักเราไม่ผิดแน่ คิดดูแล้วขอบเขตของผู้ที่ก่อเหตุมีจำกัด ข้าจะไปตรวจสอบให้แน่ชัดขอรับ”
ชายชราผงกศีรษะ “ตรวจสอบให้ละเอียด หลินอวี้เสาคนนี้แม้จะยังเป็นศิษย์ชุดขาว แต่อย่างไรเสียก็เป็นผู้สืบทอดของสำนัก จะตายอย่างไม่รู้แน่ชัดได้อย่างไร”
“นอกจากนี้ ค้นหาสถานที่ที่พบศพของศิษย์หญิงคนนี้ให้ละเอียด อาจจะยังมีร่องรอยของเยี่ยจิ่งนั่นอยู่”
“หากหาไม่เจอก็แล้วไป หากพบก็ไม่ต้องแพร่งพรายไป พามาพบข้าโดยตรง มีร่อยรอยอันใดจงชำระล้างให้สิ้น อย่าเหลือเบาะแสเอาไว้ให้คนอื่นพบเห็น”
ใจของจอมยุทธ์ใต้บัญชาสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะโค้งลงตอบรับ “ขอรับ”
…
ในเทือกเขามฤคลับตา กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับ
เยี่ยนจ้าวเกอเดิน พลางใคร่ครวญในใจถึงข้อมูลที่ได้รับจากจ้าวหยวน จ้าวเฉิง และคนอื่นๆ
‘ไม่เพียงแต่มีฐานที่มั่นอยู่ในเกาะนภาตะวันออก แต่ที่เกาะนภาเหนือก็มีฐานที่มั่นเช่นกัน…’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดคำนวณในใจ ‘หรือนั่นจะหมายความว่านอกจากหานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวานแล้ว ขุมอำนาจนี้ยังมียอดฝีมือในระดับมหาปรมาจารย์คนอื่นอีก’
‘หากที่เกาะนภาเหนือก็มีผู้นำที่เป็นมหาปรมาจารย์เหมือนกับหานเซิ่งล่ะก็ เช่นนั้นขุมกำลังนี้จะร่วมมือระหว่างหานเซิ่งและคนอื่นๆ อีกหลายคน หรือว่าเหนือพวกเขายังมีผู้นำที่สูงกว่า’
เยี่ยนจ้าวเกอส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ‘ทั้งเกาะนภาตะวันออกและเกาะนภาเหนือต่างก็มีคนของพวกเขาอยู่ แล้วที่อื่นๆ เล่า’
‘นอกเหนือจากนภาพิภพจะมีอีกหรือไม่’
ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอหรี่ลงเล็กน้อย ‘เกาะนภาตะวันออกมีหุบเหวปราการมังกร เกาะนภาเหนือมีแม่น้ำกรมท่าที่ต่างก็ยื่นออกมาจากอเวจี…’
‘เฒ่ามารหัวขวานก่อเรื่องโดยปักหลักอยู่ที่หุบเหวปราการมังกร หากมีการเคลื่อนไหวของคนอื่นๆ ในขุมอำนาจนี้ เกรงว่าล้วนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอเวจีเช่นกัน’
ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
โลกแปดพิภพภายหลังเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุด ในเรื่องใหญ่ไม่กี่เรื่องที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโลก อันดับแรกก็คือปฐพีพิภพกลายเป็นอเวจี ไปจนถึงโลกปีศาจเข้ารุกราน
ไม่แปลกที่เมื่อเรื่องเกี่ยวโยงเข้ากับอวเจี ก็สามารถสะกิดประสาทของทุกคนได้อย่างรวดเร็ว
‘แต่ก็ยังดีที่หลังจากการเคลื่อนไหวลับได้ถูกเปิดเผยแล้ว หากอยากจะตามหาเบาะแสเพิ่มเติมก็ง่ายขึ้นเยอะ’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดไปพลาง สายตาหันไปมองจ้าวฮ่าวที่อยู่ในกลุ่มผู้คนไปพลาง
‘จะจัดการกับเขาอย่างไรดี อืม ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปรึกษากับท่านลุงจ้าวดูก่อน’ เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก ไม่ว่าจะเป็นบิดาของตนเองหรืออาจารย์ลุงรอง ก็คงไม่ยินดีที่จะเห็นองค์ชายคนหนึ่งที่มองเขากว่างเฉิงเป็นศัตรู กลายเป็นรัชทายาทแห่งถังตะวันออก รวมไปถึงราชาอาณาจักรถังตะวันออกองค์ใหม่ในอนาคตด้วย
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จอมยุทธ์ชุดดำคนหนึ่งก็เข้ามาใกล้ แล้วรายงานว่า “คุณชายขอรับ มีข่าวด่วน”
เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วขึ้น “มีอะไร หาเยี่ยจิ่งพบแล้วหรือ”
อีกฝ่ายส่ายหน้า แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ที่เมืองใกล้ปราการมีข่าวว่า แม่นางหลินอวี้เสาถูกคนสังหารแล้วขอรับ”
“หา?” ชั่ววินาทีนั้นเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเพียงว่าไร้สาระที่สุด
………………..
Related