“ควันจากเตาโอสถสร้างภาพลวงตาขึ้นหรือ” ท่านผู้เฒ่าหวังจ้องมองเตาโอสถขนาดเล็กที่อยู่บนพื้น พลางเบิกตาโต “นี่เป็นภาพที่เกิดขึ้นจากไฟเตาสีเขียวบริสุทธิ์ของการกลั่นโอสถระดับชำนาญเท่านั้น”
วิชากลั่นโอสถของเขาอยู่ในสามอันดับแรกของอาณาจักรถังตะวันออกเสมอ มีเพียงการกลั่นยาบางครั้งเท่านั้น ที่สามารถสร้างภาพลวงตาเช่นนี้ได้
หลังจากชั่วครู่ใหญ่ เขาถึงจะเงยหน้าขึ้นมองจ้าวฮ่าว “ที่หอศิลาโอสถก่อนหน้านี้ เจ้ายังไม่ได้แสดงฝีมือทั้งหมดออกมาหรือ?”
จ้าวฮ่าวยิ้มอย่างทะนงตน “ในตอนนี้ก็ยังไม่แน่ว่าจะใช่ทั้งหมดขอรับ”
ท่านผู้เฒ่าหวังสำลักไปเล็กน้อย แล้วจึงถามต่อว่า “ครั้งก่อนถามองค์ชายสิบหกถึงอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้ แต่ฝ่าบาทไม่ยอมบอกกล่าวมาตลอด ไม่ทราบว่าตอนนี้พอจะบอกได้หรือไม่พะยะค่ะ”
“ข้าไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่น เพียงแต่ว่าอยากจะพบหน้าสักครั้งหนึ่งเท่านั้น”
ฝ่ายจ้าวฮ่าวกลับกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าเคยบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ ไม่มีผู้ใดสอนข้าทั้งนั้น ข้าฝึกฝนด้วยตนเอง จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ท่าน”
แม้ท่านผู้เฒ่าหวังจะถูกผู้เยาว์แย้งกลับ แต่เขาก็หาได้โกรธไม่ เพียงแค่ส่ายหน้าติดต่อกันและถอนหายใจเท่านั้น “หากองค์ชายสิบหกไม่ยอมบอก ข้าก็ยากที่จะบังคับฝืนใจได้”
เขาหันหน้ากลับไปมองจ้าวหยวนและจ้าวเฉิง ก่อนถอนหายใจ “วิชากลั่นโอสถขององค์ชายใหญ่และองค์ชายสาม ข้าเป็นคนชี้แนะเองกับตัว ระดับความสามารถข้าเองก็รู้อยู่แก่ใจ”
“ยากนักที่จะหาคนรุ่นเดียวกันทัดเทียมได้ เพียงแต่…เฮ้อ!”
ท่านผู้เฒ่าหวังไม่ได้พูดจนจบ ทว่าความหมายของคำพูดที่พูดไม่จบนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ฟังออก
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนจะตั้งใจ แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจอยู่แวบหนึ่ง
ในความคิดของชายชรานั้น คำกล่าวนั้นเป็นการเตือนเยี่ยนจ้าวเกออย่างเห็นได้ชัด
การประลองกลั่นโอสถระหว่างจ้าวหยวนกับจ้าวฮ่าวมีแต่จะแพ้ไม่มีชนะ หากเยี่ยนจ้าวเกอยังยืนยันที่จะพนัน ก็เหมือนกับยกกงจักรเพลิงสุริยะให้กับจ้าวซื่อเลี่ยไปเปล่าๆ
กระทั่งในความคิดของท่านผู้เฒ่าหวัง อย่าว่าแต่จ้าวหยวนเลย ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอประลองเสียเอง ก็ต้องสู้การกลั่นโอสถของจ้าวฮ่าวไม่ได้แน่
อย่างไรเสียก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีความชำนาญด้านวิชากลั่นโอสถ
แต่ในฐานะที่เขากว่างเฉิงเป็นหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรย่อมไม่ขาดแคลนยอดฝีมือกลั่นโอสถอยู่แล้ว
ความรู้ที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับสืบทอดมา อาจจะมีอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่แน่นัก ทว่าความหวังที่จะเอาชนะจ้าวฮ่าวได้ช่างริบหรี่เหลือเกิน
เพราะตามการคาดเดาของท่านผู้เฒ่าหวัง นอกจากบางวิชาที่ตอนนี้ยังไม่สามารถใช้ได้ชั่วคราวเนื่องด้วยวรยุทธ์ยังน้อยแล้ว ทักษะด้านการกลั่นโอสถของจ้าวฮ่าว สามารถเทียบได้กับยอดฝีมือกลั่นโอสถชื่อดังในปัจจุบันได้แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เหมือนกับเกิดความลังเลขึ้นมา จากนั้นจึงเงยหน้ามองไปยังจ้าวซื่อเลี่ย “จิ่นอ๋องคิดอย่างไรหรือ”
จ้าวซื่อเลี่ยหรี่ตาลงพลางกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “มีรางวัลช่วยเพิ่มความสนุกสนาน การประลองครั้งนี้ย่อมต้องมีความหมาย หากจ้าวเกอยืนยันที่จะพนันล่ะก็ ข้าก็จะอยู่เล่นด้วยแล้วกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอจ้องมองเขา จู่ๆ ก็พลันเผยรอยยิ้ม “ดี เช่นนั้นก็พนัน”
จ้าวซื่อเลี่ยมองดูรอยยิ้มของเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วรู้สึกแปลกใจอยู่ลึกๆ
หลังจากที่เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “ที่จะประลองก็คือทักษะฝีมือการกลั่นโอสถ ไม่ใช่ความล้ำค่าของโอสถที่กลั่นได้ หรือวิธีการปรุงโอสถ”
“ทุกคนกลั่นโอสถง่ายๆ แบบเดียวกันก็พอแล้ว”
“การประลองจะประเมินจากความเร็ว คุณภาพโอสถ และปริมาณของกากโอสถที่เหลือ อันดับแรกคือคุณภาพ จากนั้นคือความเร็ว สุดท้ายพิจารณาว่าสิ้นเปลืองส่วนประกอบโอสถไปมากน้อยเพียงใด”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย เพราะรู้ว่าจ้าวซื่อเลี่ยกลัวตนเองจะมอบวิชากลั่นโอสถลับแห่งเขากว่างเฉิงให้กับจ้าวหยวนเป็นการช่วยเหลือ
ความกังวลของเขาก็ไม่ได้ไร้ซึ่งเหตุผล ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่มีเหตุจำเป็นใดให้ต้องแพร่งพรายวิธีปรุงโอสถของเขากว่างเฉิง
เขาเคยอ่านวิธีปรุงโอสถมากมายจากคัมภีร์ที่เก็บอยู่ในวังเทพ ในนั้นมีโอสถวิเศษชั้นดีมากมายยิ่ง
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้คิดจะใช้วิธีเช่นนี้ตั้งแต่แรก
จ้าวฮ่าวยังคงมีท่าทีไม่สนใจเช่นเดิม “ไม่จำเป็น แข่งกันว่าท้ายที่สุดแล้วคุณภาพของโอสถของผู้ใดสูงกว่ากันก็พอ เช่นนั้นข้ายินดีเล่นด้วย”
จ้าวซื่อเลี่ยได้ยินดังนั้นก็มองจ้าวฮ่าวแวบหนึ่ง
เจ้าเด็กคนนี้ค่อยๆ ทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคาม ทว่าก็เป็นเหมือนเนื้อชั้นดีเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอชายตามองจ้าวฮ่าวครั้งหนึ่ง พลางกล่าวในใจว่า ‘โอสถหมอควันสลาย ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่กลั่นออกมาสินะ’
แม้ว่าจะมีความไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง และยังยืนยันไม่ได้เต็มร้อย ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมอง เงาร่างของจ้าวฮ่าวผู้นี้ก็เหมือนทับซ้อนกับบุคคลในตำนานที่หายไปจากประวัติศาสตร์อยู่รางๆ
หยิ่งยโส ไม่ยอมอยู่เบื้องล่างใคร ไม่มีความเกรงกลัว แสดงความสามารถออกมาให้ประจักษ์
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ในอดีต ผู้ที่เป็นเลิศในวิชาโอสถและวิชากระบี่ ยอดนักปราชญ์และเซียนกระบี่ นามว่าตันหั่ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโอสถหมอควันสลายที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นที่ตลาดถังตะวันออก ย่อมมาจากจ้าวฮ่าว
เพราะว่ามีสัมพันธไมตรีกับหอศิลาโอสถมาก่อน จ้าวซื่อเลี่ยและท่านผู้เฒ่าหวังถึงได้รู้ว่าเขามีวิชากลั่นโอสถที่สูงเหนือใคร
ดูท่าทางราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออกเองก็คงรู้เห็นด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ว่าในความคิดของเขา การที่เขาให้กำเนิดโอรสที่มีความสามารถอีกคนหนึ่งนั้นนับเป็นเรื่องดียิ่ง แน่นอนว่าเขาย่อมดีใจที่เห็นโอรสประสบความสำเร็จ
พวกเขาในขณะนี้ อาจคิดเพียงแค่ว่าจ้าวฮ่าวได้พบกับเรื่องประหลาดมหัศจรรย์ หรืออาจเพราะก่อนหน้านี้ปกปิดเอาไว้ไม่เปิดเผยมาโดยตลอด
ทว่ากลับไม่เคยคิดถึงว่าองค์ชายสิบหกที่ในอดีตเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจผู้นี้ บัดนี้ภายในร่างกายอาจจะถูกสับเปลี่ยนวิญญาณไปแล้วก็ได้
ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดอีกครั้ง
‘…แต่ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเขาช่างโง่เหลือเกิน’ เยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้ว่าพูดอะไรดี รู้สึกประหลาดใจยิ่ง
เนื่องจากในอดีตอยู่เบื้องบนจนเคยชิน ดังนั้นจึงไม่สามารถจัดการกับความแตกต่างระหว่างฐานะก่อนและหลังเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ได้ด้วย
หรืออาจจะเป็นเพราะยังไม่อยากปรับตัว
ถึงอย่างไรก็โง่พอตัวทีเดียว…
เซียนกระบี่ตันหั่วในตอนนั้นบ้าคลั่งอย่างยิ่ง ทว่าสามารถก้าวไปถึงจุดสูงสุดเช่นนั้น ก็ไม่ควรจะโง่ถึงเพียงนี้กระมัง
ทว่าสำหรับข้าแล้ว เจ้ายิ่งโง่ยิ่งดี
จะเป็นยอดนักปราชญ์กลับชาติมาเกิดหรือไม่ แท้จริงแล้วเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก
ถึงกระนั้นในตำนาน เขาก็ไม่ได้เป็นมิตรกับเขากว่างเฉิง
สังเกตจากคำพูดและการกระทำก่อนหน้านี้ของจ้าวฮ่าว เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกถึงจุดนี้อยู่รางๆ เช่นกัน
บัดนี้ยืนกล่าวยั่วยุอยู่ฝั่งเดียวกับจ้าวซื่อเลี่ย ก็ด้วยเหตุผลนี้
แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าสุดท้ายเป็นเพราะเหตุผลใด ทว่าในเมื่ออีกฝ่ายกล้ายุแหย่ เยี่ยนจ้าวเกอก็จะฟาดด้วยฝ่ามือกลับไปอย่างไม่สนใจ!
“ก่อนหน้านี้ก็ได้บอกไปแล้ว ที่ประลองกันก็คือฝีมือกลั่นโอสถของทั้งสองฝ่าย ไม่เกี่ยวกับระดับชั้นของโอสถหรือวิธีปรุงโอสถ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างเฉยเมย “เริ่มกันเลยเถิด”
จ้าวฮ่าวเริ่มตั้งเตาขึ้นก่อนโดยไม่เกรงใจ
ควันที่ราวกับภูเขาลำธารพลันรวมตัวกันเข้า จากนั้นจ้าวฮ่าวก็หยิบวัตถุดิบวางเข้าไปในเตาอย่างช้าๆ ทุกอย่างมองดูแล้วราวกับภาพลวงตา
หลังจากจ้าวฮ่าวเริ่มกลั่นโอสถ ไอควันก็ลอยขึ้นสูงอย่างไม่หยุดยั้ง เกิดเป็นภาพภูเขาและลำธารเหนือเตากลั่นโอสถอีกครั้ง
ทุกคนเห็นเพียงว่าภูเขาและลำธารกำลังเปลี่ยนแปลงไป ราวกับจะกลืนกินทุ่งนาที่อยู่ใกล้เคียงในพริบตา
ไม่ทันให้ทุกคนเรียกสติกลับมา จ้าวฮ่าวฟาดฝ่ามือกลางอากาศครั้งหนึ่ง ไอควันก็กลับเข้าสู่เตาโอสถอีกครั้ง
ทันใดนั้น ไฟในเตาก็มอดดับไป
ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ล้วนตะลึงงัน “เสร็จสิ้นแล้วหรือ!”
จ้าวฮ่าวกวาดตามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ จ้าวซื่อเลี่ย และท่านผู้เฒ่าหวัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “พวกเจ้าตรวจสอบดูเถิด โอสถนั้นเสร็จแล้ว”
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ร่างของเยี่ยนจ้าวเกอพักหนึ่ง ส่วนลึกในแววตามีความเย้ยหยันเพิ่มมากขึ้น
โอสถที่จ้าวฮ่าวกลั่นเป็นโอสถรักษาบาดแผลที่แสนจะธรรมดาที่สุดที่มีตามตลาด หลังจากที่โอสถหมอกควันสลายปรากฏขึ้น มันก็แทบจะหายไปจากท้องตลาด
ทว่าหลังจากที่จ้าวซื่อเลี่ยและท่านผู้เฒ่าหวังตรวจสอบแล้ว ทั้งคู่ก็ตะลึงไปตามๆ กัน โอสถรักษาบาดแผลที่จ้าวฮ่าวกลั่นออกมานี้ มีประสิทธิภาพแทบจะเทียบเท่าโอสถหมอกควันสลายได้เลยทีเดียว!
ท่านผู้เฒ่าหวังพลันถอนหายใจครั้งหนึ่ง โอสถหมอกควันสลายที่หอศิลาโอสถขายอยู่ตอนนี้ ก็มีการแบ่งระดับคุณภาพเช่นกัน
ขณะนี้โอสถรักษาบาดแผลที่จ้าวฮ่าวกลั่น มีประสิทธิผลคุณภาพแทบจะตามทันโอสถหมอกควันสลายที่ผู้อื่นกลั่นแล้ว นี่ทำให้ท่านผู้เฒ่าทำได้แค่เพียงชื่นชมอีกครั้ง
ทว่าจ้าวหยวนและจ้าวเฉิงกลับมีสีหน้าอึมครึม
หากต้องยอมรับความพ่ายแพ้โดยตรงเช่นนี้ พวกเขายอมเสียหน้าไม่ได้จริงๆ ทว่าผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ พวกเขากลับต้องยิ่งเสียหน้าเป็นแน่
จ้าวหยวนมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอตามสัญชาตญาณ ยังคงรู้สึกสิ้นหวัง
อย่าเพิ่งกล่าวถึงว่าวิชากลั่นโอสถของเยี่ยนจ้าวเกอจะสามารถเอาชนะจ้าวฮ่าวได้หรือไม่ ถึงต่อให้เอาชนะได้ ก็ไม่สามารถให้เยี่ยนจ้าวเกอลงประลองแทนเขาได้อยู่ดี
อีกทั้งวิชากลั่นโอสถ ไม่ใช่สิ่งที่สามารถพร่ำบอกชี้แนะแค่เพียงไม่กี่ประโยค ก็จะสามารถยกระดับคุณภาพได้ในเวลาอันสั้น
ดูอย่างไรการจะชนะการประลองครานี้ก็ไร้ความหวัง…
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะใช้ปราณจิตราส่งกระแสเสียงให้จ้าวหยวน หลังจากที่อีกฝ่ายได้ฟังแล้ว ดวงตาของเขาก็ค่อยๆ ทอประกาย
…………..
Related