ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอปรากฎกาย ผู้เฒ่าสองท่านที่คุมเชิงกันอยู่ในสนามก็ค้นพบแล้วว่ามีเขาอยู่ เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกัน ไม่มีเวลาเบนความสนในหันกลับมองข้างๆ
รอจนชายหนุ่มถีบเท้าคนกระเด็นออกไป ในที่สุดผู้เฒ่าที่อยู่เยื้องไปทางขวาผู้นั้นก็ระงับอารมณ์ไม่ไหว “เยี่ยนจ้าวเกอ!”
“ในสำนักเขากว่างเฉิงเจ้ามีตำแหน่งอะไร นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง บัดนี้เจ้าอยู่ที่เรือนบรรพบุรุษยังกล้าบังอาจเช่นนี้ นึกจริงหรือว่าไม่มีกฎตระกูลสามารถลงโทษเจ้าได้?”
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูผู้เฒ่าคนนี้ด้วยความสงบนิ่ง “เยี่ยนเหวินเต้า เจ้าคิดว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อตอนนี้ที่สำนักเขากว่างเฉิงกับพ่อข้าคับขันที่สุด ข้าแข็งข้อกับพวกเจ้า คนที่ลอบวางแผนชั่ว ควรจะมีท่าทีอย่างไร?”
ท่านปู่สี่เยี่ยนเหวินเต้าได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอเรียกชื่อเขาโดยตรง ก็พลันยิ่งเดือดดาล “ไอ้เด็กเวร!”
ถึงอย่างไรเขาก็อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ ความเดือดดาลเมื่อสักครู่ มีอานุภาพแทบจะทำให้ภูเขาถล่มทลายอย่างแท้จริง
ขณะพลังปราณดั้งเดิมไหลพล่าน แสงสุกไสวทุกสายคล้ายกับแปรสภาพเป็นมังกรฉิวหลง[1] กำลังพันรอบกายเขา
เพียงสืบเท้าก้าวหนึ่งก็มาถึงเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ฟาดหนึ่งฝ่ามือไปทางชายหนุ่ม
ด้านข้างปรากฏพลังอีกสายหนึ่งออกมาด้วยกัน ท่านปู่สามเยี่ยนเหวินเจินที่ก่อนหน้าคุมเชิงอยู่กับเขาแฉลบกายเข้ามาตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ครั้นชูฝ่ามือหนึ่งขึ้น ก็มีมังกรฉิวหลงตามติดกายเช่นกัน
ผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยนทั้งสองท่าน ระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณปะทะกันหนึ่งฝ่ามือ!
แม้ทั้งสองต่างก็คำนึงถึงเรือนบรรพบุรุษที่ยืนอยู่ ไม่กล้าปล่อยพลังเต็มพิกัด จึงดูเหมือนประมือธรรมดาสามัญ ไม่ได้มีคลื่นกระหน่ำอะไร
หากแต่ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนรู้สึกเหมือนกับว่าเบื้องหน้ามีแสงจ้าส่องสว่างขึ้น ขาวโพลนไปทั่วบริเวณ
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวทอดดังก้องหู เสียงอื่นอะไรล้วนไม่ได้ยิน
จอมยุทธ์ตระกูลเยี่ยนที่มีระดับพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ ร่างกายอ่อนยวบถึงขั้นสูญเสียการควบคุมโดยพลัน
เยี่ยนเหวินเต้าจ้องเยี่ยนเหวินเจินเขม็ง “รุ่นหลานเช่นเขาคนหนึ่ง กล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า วันนี้ข้าจะทำตามกฎตระกูล เยี่ยนตี๋ก็ไม่มีเหตุผลจะปกป้องเขาเหมือนกัน!”
เยี่ยนเหวินเจินสีหน้าสงบนิ่ง “พี่สี่ ข้าเองก็สนใจอย่างยิ่ง ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพวกท่านเป็นฝ่ายใด”
“สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์? ผู้อาวุโสฟางเขากว่างเฉิง ตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวอัสนีพิภพ? หรือว่า…ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต?”
ผู้เฒ่าทั้งสองปะทะกันอีกกระบวนหนึ่ง บนหน้าผากของทั้งสองเปล่งริ้วแสงหนึ่งขึ้น
ริ้วแสงลอยขึ้นไปในอากาศ ชั่วพริบตาขยายใหญ่ และทั่วทั้งเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนก็สั่นไหวขึ้นมาตามริ้วแสงเช่นกัน
ลวดลายค่ายกลแสงสีขาวหลากสาย ประหนึ่งมังกรฉิวหลงมากมาย ทะยานขึ้นร้องคำราม เหินขึ้นเหินลง
ค่ายกลวิญญาณมโหฬารที่ครอบทั้งเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนไว้ค่ายหนึ่ง เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในชั่วเสี้ยวขณะ
เพียงแต่ขณะค่ายกลวิญญาณโคจร แจ่มแจ้งว่าเรื่อยเฉื่อยไม่มั่งคง ราวกับจะฉีกออกเป็นสองซีกตลอดเวลา
ผู้เฒ่าทั้งสอง เยี่ยนเหวินเต้าและเยี่ยนเหวินเจิน ต่างก็เพ่งมองอีกฝ่าย
ในฐานะผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยนระดับชั้นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณสองท่าน ยามปกติทั้งสองร่วมกันควบคุมมหาค่ายกลคุ้มกันเรือนบรรพบุรุษ บัดนี้การต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองพอดี มหาค่ายกลจึงใช้การไม่ได้ชั่วขณะ กลับจะกลายเป็นจุดรวมในการแข่งขันของทั้งสองฝ่ายด้วยซ้ำ
เยี่ยนเหวินเต้าเห็นว่าไม่อาจต่อกรเยี่ยนเหวินเจินได้ชั่วขณะ ร่างพลันเคลื่อนไหววาบอีกครั้ง กระโจนมาทางเยี่ยนจ้าวเกอ!
พลังความสามารถเขาใกล้เคียงกับเยี่ยนเหวินเจิน คนหนึ่งต้องการสังหารคน คนหนึ่งต้องการปกป้องคน ฝ่ายแรกจึงกุมอำนาจและความได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
“เด็กน้อย เจ้าต้องจ่ายค่าชดใช้ในความกำเริบเสิบสานของเจ้า!” เยี่ยนเหวินเต้าตะโกนเสียงเย็น
เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนเหวินเต้าเงียบๆ พลันระบายยิ้ม “เยี่ยนเหวินเต้า ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจผิดเรื่องหนึ่งแล้ว”
ขณะพูด ชายหนุ่มก็แตะหน้าผากตนเองเบาๆ บริเวณนั้นพลันมีลวดลายอาคมส่องแสงโชติช่วงปรากฏขึ้นเช่นกัน!
“เพียงแต่ที่นี่เวลานี้ หากพูดถึงกฎตระกูลล่ะก็ ข้าต่างหากคือกฎตระกูล”
ฉับพลันนั้นมหาค่ายกลคุ้มกันแดนบรรพชนก็สั่นสะเทือน ตามลวดลายอาคมที่เปล่งแสงบนหน้าผากของเขา
ชั่วขณะถัดมา เยี่ยนเหวินเต้าและเยี่ยนเหวินเจินค้นพบว่าลวดอาคมที่ส่องแสงโชติช่วงบนหน้าผากตน ปรากฏว่าเบาบางจางหายไป
เยี่ยนเหวินเจินกลับอย่างไรก็ได้ ส่วนเยี่ยนเหวินเต้าจิตใจพลันสงบลง
ประมุขตระกูลเยี่ยนตี๋ต่างหาก ที่เป็นผู้ควบคุมมหาค่ายกลคุ้มกันเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนอย่างแท้จริง!
เยี่ยนจ้าวเกอ แจ่มชัดว่ามีอำนาจในการควบคุมมหาค่ายกลแล้วเช่นกัน ด้วยการช่วยเหลือของเยี่ยนตี๋
ซึ่งระดับความรู้ซึ้งในด้านค่ายกลของคนหนุ่มผู้นี้ ล้ำเลิศเหนือพวกเขาผู้เฒ่าเหล่านี้ เหนือกว่าพวกเขาระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณเหล่านี้!
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เหยียดสองมือออกไปเบื้องหน้า ฝ่ามือคว่ำลง นิ้วทั้งห้ากางออก แล้วกดลงไปฉับพลัน
เรือนบรรพชนมีปฏิกิริยาทันใด ภายในลานที่ฝูงชนยืนอยู่ ถูกแสงสีขาวสุกสว่างเติมเต็มชั่วพริบตา มังกรแสงแต่ละตัวโถมเข้าหาเยี่ยนเหวินเต้าทั้งสิ้น!
เยี่ยนเหวินเต้าจนปัญญา ทำได้เพียงต้านทาน
ทว่าเยี่ยนเหวินเจินที่อยู่ด้านหลังเขาส่งเสียงร้องลากยาวแล้ว สองฝ่ามือยกขึ้นยกลง โจมตีอย่างรวดเร็ว
เผชิญหน้ากับการโจมตีขนาบของมหาค่ายกลดินแดนบรรพชนและเยี่ยนเหวินเจิน เยี่ยนเหวินเต้าพลันรับมือไม่ไหว ประคองไว้ไม่อยู่
เขาค้นพบเรื่องหนึ่งอย่างตะลึงพรึงเพริด มหาค่ายกลคุ้มกันเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน ภายใต้การขับเคลื่อนของเยี่ยนจ้าวเกอ สำแดงพลังอันเฟื่องฟูออกมาอย่างคาดไม่ถึง ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขามหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณเหล่านี้เป็นผู้ควบคุมเลยแม้แต่น้อย
พลังของมหาค่ายกลแก่กล้ายิ่ง เขาเยี่ยนเหวินเต้า หากไม่มีเยี่ยนเหวินเจินช่วยเหลือ เขาก็ยากจะต้านทานเช่นกัน อย่างมากก็ดิ้นรนไปอีกช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเย็นชา “สร้างหลุมพรางล่อข้ามา เช่นนั้นกองกำลังดักซุ่มก็จะน่าจะปรากฏตัวยามนี้แล้วกระมัง? หากไม่แล้วก็ต้องผลาญเหยื่อล่อทิ้งไปแล้ว”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด เงาดำหลายสายก็พุ่งพรวดออกมาจากกลุ่มคน โผไปทางเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน
“ที่แท้ก็เป็นคนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต” สีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอไม่เปลี่ยน ยื่นทั้งสองมือออกไปเบื้องหน้า หันฝ่ามือเข้าหากัน ประกบกันในทันใด
พลังมหาค่ายกลเรือนบรรพชนตระกูลเยี่ยนล้นทะลักบ้าคลั่ง ตามการโจมตีด้วยฝ่ามือนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ แสงมังกรทุกสายไหลบรรจบ ประกอบเป็นหัวมังกรมหึมาหัวหนึ่ง มองต่ำไปทั่วทั้งสี่ทิศ
หัวมังกรอ้าปาก พลันส่งเสียงคำรามสะท้านฟ้าลากเสียง สะเทือนลั่นจนผู้ลอบโจมตีทั้งหมดล้วนไม่อาจยืนมั่น ร่างล่องลอย ราวกับเมาสุราจนแทบหกคะเมน
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือหนึ่ง กระบองหินสั้นเล่มหนึ่งลอยออกมา กลายสภาพเป็นเสาทางเดินวังเทพมหึมาทับลง ปรามศัตรูไว้
อาหู่ที่อยู่ข้างกายเขาพุ่งพรวดออกไปพลางแสยะยิ้ม ประหนึ่งพยัคฆ์กระโจนเข้าฝูงแกะก็ไม่ปาน โจมตีสังหารศัตรู
มีคนรุกโจมตีจากทางด้านหลัง ปีกเซียนกระเรียนที่พาดไว้บนไหล่เยี่ยนจ้าวเกอพลันสยายออกดังอื้ออึง ขนนกยิงกวาดไปทั่วสารทิศ ราวกับพายุฝนกระหน่ำ
คนที่ถูกมหาค่ายกลคุ้มกันเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนปราบปรามไว้ ล้วนเป็นฝ่ายของเยี่ยนเหวินเต้าทั้งสิ้น หากแต่เฉกเช่นกลุ่มเยี่ยนเหอและท่านปู่เจ็ดของเยี่ยนจ้าวเกอ กลับไม่ได้รับผลกระทบ
ถึงแม้จะเห็นว่าเยี่ยนจ้าวเกอในขณะนี้สงบความว้าวุ่นประหนึ่งลมฤดูใบไม้ร่วงพัดกวาดใบไม้ร่วงลงมา ทำให้จอมยุทธ์ตระกูลเยี่ยนบางส่วนรู้สึกไม่ดีในใจอยู่บ้างเช่นกัน
กระนั้นพวกเขาก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอแบ่งศัตรูและพรรคพวกชัดเจนเช่นกัน อสนีบาตที่เป็นดั่งดาบไวฟาดฟันอลหม่าน โหมเข้าโจมตีพร้อมกันทันใด
ขุมกำลังอื่นก็แล้วไป หากแต่ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ประชาทัณฑ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ทุกคนยังคงจับกุมเพียงกลุ่มเดียวกันเป็นสำคัญ ส่วนจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่ตั้งใจจู่โจมเยี่ยนจ้าวเกอเหล่านั้น กลับไม่ยอมเลยแม้แต่น้อย
สถานการณ์อลหม่าน บัดนี้กำลังถูกทำให้สงบลงอย่างรวดเร็ว ด้วยน้ำมือเยี่ยนจ้าวเกอ
ทว่าความรู้สึกของฝูงชนในเหตุการณ์ต่างไม่อาจผ่อนคลายลง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นความวุ่นวายในตระกูล ไม่ใช่เรื่องที่มากเกียรติอะไรนัก
หลังจากเยี่ยนเหอสังหารคู่ต่อสู้คนหนึ่ง เขาก็ถอยลงไปข้างๆ เยี่ยนจ้าวเกอ เอ่ยถามเสียงเบา “จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่ปะปนเข้ามาเหล่านั้นก็หมดไปแล้ว จะทำอย่างไรกับพวกลุงสี่?”
“จับควบคุมตัวไว้ก่อนค่อยว่ากันเถิด” เยี่ยนจ้าวเกอหันกลับมาทางเยี่ยนเหวินเต้า
เส้นสายตาเพิ่งย้ายผ่าน เยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกถึงไอเย็นเยียบกลุ่มหนึ่งปกคลุมตนเอง!
หางตาแลเห็นเยี่ยนเหอกำลังยิ้มเย็นมองตนอยู่ กล่องพิลึกกล่องหนึ่งในมือเปิดออก มีไอเย็นเป็นกลุ่มๆ พุ่งออกมาจากภายใน
เยี่ยนจ้าวเกอถูกไอเย็นม้วนไว้ ตาขวาเจ็บแปลบ แสงสายฟ้าสีม่วงเปล่งวาบ หากแต่กลับคล้ายว่าชาชั่วขณะ มีแนวโน้มหยุดนิ่งในชั่วเสี้ยวขณะ
“เยี่ยนจ้าวเกอ หากพูดถึงกฎตระกูล เจ้าไม่คู่ควรจะพูดถึงเช่นกัน” เยี่ยนเหอยิ้มเย็น พลางแทงกระบี่ยาวในมือไปทางเยี่ยนจ้าวเกออย่างดุร้าย
อาหู่อยู่ห่างไปค่อนข้างไกล เร่งมาไม่ทัน เยี่ยนจ้าวเกอจึงถูกไอเยี่ยนม้วนเอาไว้ แม้แต่ร่างคาถาอักขระทองล้วนขับเคลื่อนไม่ได้ กำลังจะตายด้วยกระบี่ของเยี่ยนเหออยู่รอมร่อ
เยี่ยนจ้าวเกอกลับยิ้มน้อยๆ “ที่นี่เวลานี้ คนที่มีอยู่ ข้านี่แหละกฎเกณฑ์”
กล่าวจบ เยี่ยนจ้าวก็พลิกฝ่ามือ ฟาดลงไปทางเหนือศีรษะเยี่ยนเหอเสียงดังเอ็ดอึง!
——————————