แม้จะเผชิญหน้าเมฆหมอกสีเทาที่บดบังท้องฟ้าอาทิตย์อีกครั้ง สีหน้าอารมณ์เยี่ยนตี๋ไม่แปรเปลี่ยน ผ่าดาบหนึ่งออกไป!
เจตจำนงอันกว้างใหญ่มหาศาล ไร้ขอบเขตที่สิ้นสุด ตัดโค่นเมฆหมอกสีเทาอย่างแข็งกร้าว
พยับเมฆอันเลื่อนลอยไม่แน่นอนเหล่านั้น เผชิญดาบนภาไร้จำกัดของเยี่ยนตี๋ ก็ยากจะรักษาสภาพมหัศจรรย์ลี้ลับไม่อาจคาดเดาก่อนหน้านี้เช่นกัน
ราวกับว่าถูกเยี่ยนตี๋ฟันดาบหนึ่งร่วงลงยังโลกมนุษย์ เปลี่ยนเป็นห่างกันแค่เอื้อมอีกครั้ง
ประจันหน้าการรุกโจมตีน่าประหวั่นพรั่นพรึงที่รุนแรงเช่นนี้ หยวนเทียนแค่นหัวเราะเพียงเสียงเดียว เขาโบกมือครั้งหนึ่ง แส้ยาวสีเทาเส้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาฉับพลัน
แส้ยาวลอยไปลอยมา ผสานเข้ากับพยับเมฆ แปรผันไม่อาจคาดเดา
ปราณวิญญาณเป็นลูกคลื่นกับท่วงทำนองพลัง ที่ก่อเกิดอย่างแก่กล้าออกมาจากภายในแส้ยาวสีเทาเส้นนั้น กลับคืออาวุธวิญญาณระดับสูงชิ้นหนึ่ง
ถึงแม้จะไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ทว่าแส้อยู่ในมือหยวนเทียน พลังที่แผ่ออกมาย่อมแตกต่าง เจตจำนงวรยุทธ์ที่แท้จริงของตนผนึกเข้ากับพลังวิญญาณของอาวุธ เสริมเติมพลังซึ่งกันและกัน พลันสำแดงอานุภาพอันน่าตื่นตะลึงออกมาทันใด
เยี่ยนตี๋ส่งเสียงคำรามชัดออกมา เคลื่อนฝ่ามือทำท่าชักดาบในอากาศ
ดาบยาวสีม่วงเล่มหนึ่งหล่นเข้าฝ่ามือเขาฉับพลัน ก่อนที่เขาจะพลิกข้อมือฟันดาบออกไป
พลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์เสื้อคลุมนภาไม่เพียงเสริมหนุนร่างของเยี่ยนตี๋เท่านั้น ขณะเดียวกันก็ผสานเข้ากับอาวุธวิญญาณระดับสูง อย่างดาบสวรรค์มังกรทะยานในมือของเขาด้วยเช่นกัน
ด้วยดาบของเยี่ยนตี๋ พยับเมฆกระจายถอยร่น แส้ยาวในมือหยวนเทียน ยิ่งส่งเสียงร้องราวกับมีชีวิตออกมา
สีหน้าอารมณ์หยวนเทียนไร้ซึ่งความผันแปรใดๆ ไม่เห็นอารมณ์อับอายขุ่นเคืองแม้แต่น้อย แส้ยาวในมือสยายออก ราวกับมังกรยาวหมื่นลี้เหินวนขวักไขว่อยู่บนท้องฟ้า
พยับเมฆแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเมฆโดยสิ้นเชิง ปกคลุมบริเวณรอบนอกหมื่นลี้ อำพรางร่างของหยวนเทียนไว้
มีเพียงแส้ยาวสีดำโหมซัดไล่หลังเส้นนั้น ที่ขยับขวักไขว่ไปมาอยู่ภายในชั้นเมฆ ประหนึ่งมังกรร้ายโผล่หัว สอดส่องเยี่ยนตี๋ที่อยู่เบื้องล่าง
สายฟ้าดำสนิทมากมายผ่าลงมาจากท้องฟ้า ถี่ยิบประดุจฝนพรำ
บริเวณกลางพยับเมฆ คลื่นวนมหึมาที่ก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง ขยับขยายความกว้างใหญ่ของขอบเขตออกไป ราวกับต้องการจะเติมฟากฟ้าให้เต็ม
บนพื้นดินเบื้องล่าง เยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นยืนอยู่ในเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน พลางเงยหน้าขึ้นมองไป บัดนี้ท้องฟ้าเหมือนกับถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นวนพยับเมฆทั้งหมด ทั้งยังขยายไปยังเส้นขอบฟ้าแสนไกล
มองดูแล้วเหมือนกับทั้งฟากฟ้ากำลังหมุนขมวดอยู่ตลอดเวลา
ขณะผืนแผ่นดินใหญ่สั่นไหว ทุกสรรพสิ่งทุกสรรพชีวิต รวมถึงหินดินที่แตกกระจาย ต่างเริ่มปลิวลอยขึ้นฟ้า คล้ายกับกำลังจะถูกคลื่นวนบนฟ้าดูดกลืน
ดูแล้วทั่วทั้งเขตสัจจเมฆราวกับกำลังจะถูกหยวนเทียนพลิกกลับไป
มีเพียงบริเวณที่เยี่ยนตี๋ยืนอยู่ และเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนที่อยู่ด้านใต้เขา ที่ยังคงปลอดภัยไร้อันตราย
เยี่ยนตี๋ย่อมไม่ดูดายปล่อยหยวนเทียนทำลายล้างดินแดนเกาะนภากลางตามอำเภอใจเช่นนี้ ภายในเขตแดนเขตสัจจเมฆานอกจากตระกูลเยี่ยนแล้ว ก็มีสิ่งชีวิตนับไม่ถ้วนดำรงชีวิตอยู่ที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน
มือขวาเขาถือดาบสวรรค์มังกรทะยานไว้ ส่วนมือซ้ายพลิกฝ่ามือ ฟาดลงไปทางพื้นดิน
มือซ้ายของเขาแปรสภาพเป็นกายเพชร โดยมีแสงสีเคลือบทับอีกหน
ความตั้งใจแน่วแน่ไม่วอกแวก ผสานเข้ากับเสื้อคลุมนภา แสงโชติช่วงสีกึ่งดำและเหลืองหนาหนักแน่นิ่ง กดอัดลงไปทางพื้นดินเบื้องล่าง
ปราณบริสุทธิ์จำนวนมากตลบอบอวลไปทั่วสารทิศ แลดูเหมือนอากาศบริสุทธิ์ไม่สะดุดตา ทว่ากลับสะกดฟ้าดินโดยรอบเอาไว้ในชั่วพริบตา
ในชั่วขณะเดียวกัน เยี่ยนตี๋ฟันดาบออกไปด้านบน ประกายดาบอันกว้างใหญ่ตัดฟ้าทลายแผ่นดิน ตรงรี่สู่ท้องนภา!
ดาบนภาไร้จำกัดกระบวนท่าหนึ่งของเยี่ยนตี๋ ฟันเข้าไปภายในคลื่นวนมหึมากลางท้องฟ้า
ระหว่างที่คลื่นวนหมุนเวียน แสงมังกรดำมืดทะยานขึ้นทะยานลง ต้องการพันรัดประกายดาบของเยี่ยนตี๋ให้แตกกระจุย
ทว่าประกายดาบที่ดึงพลังมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดของฟ้าดินโดยรอบเสริมหนุนเข้าด้วยกัน ทั้งยังพลังไร้ขีดจำกัด กลับตั้งตระหง่านอยู่ตลอด
ประกายดาบไม่แตกสลาย ขณะที่เปล่งแสงพร่างพราว กลับเป็นคลื่นวนที่แปรสภาพมาจากพยับเมฆเหล่านั้น ที่เริ่มสะเทือนเลื่อนลั่น ประหนึ่งมีแนวโน้มที่จะค่อยๆ แตกละเอียด
หยวนเทียนประสบอุปสรรค แต่ความตั้งใจหาได้สั่นคลอนไม่ ยังคงมุ่งเข่นฆ่าเยี่ยนตี๋
เขาไม่ปะทะดาบนภาไร้จำกัดของเยี่ยนตี๋ซึ่งๆ หน้า หากแต่สงบจิตสงบใจ ใช้วิธีเคลื่อนที่โจมตีก่อกวนอีกฝ่ายแทน
ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สง่างามน่าเกรงขาม เผชิญหน้ากับเยี่ยนตี๋และเสื้อคลุมนภา กลับใช้วิธีเช่นนี้เสียอย่างนั้น ยังคงยากจะเลี่ยงความผิดหวัง
กระนั้นหยวนเทียนกลับไม่ใส่ใจ แม้ว่าพลังมารของเขาจะป่าเถื่อนพิลึกพิลั่นอยู่เช่นกัน ทว่าเทียบกับดาบนภาไร้จำกัดแล้ว กลับไม่เหมาะปะทะซึ่งๆ หน้า
ดาบนภาไร้จำกัดของเยี่ยนตี๋เรียบง่ายอิสระ ห้อตะลุยป่าเถื่อน ไม่หยุดแข็งปะทะแข็งกับเขา สำหรับหยวนเทียนแล้วไม่ฉลาดอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น พลังความสามารถของเยี่ยนตี๋ที่เสริมด้วยเสื้อคลุมนภาพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าระห่ำจริงๆ กระนั้นถึงอย่างไรเยี่ยนตี๋ก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง การขับเคลื่อนอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ จึงผลาญพลังไปไม่น้อย
ซึ่งปัญหาที่สอดคล้องและเป็นประเด็นสำคัญที่สุดกลับอยู่ที่ ยิ่งเยี่ยนตี๋และเสื้อคลุมนภาออกจากเขากว่างเฉิงนานเท่าใด อันตรายของเขากว่างเฉิงก็มากขึ้นเท่านั้น!
ขอเพียงยื้อถ่วงเยี่ยนตี๋ไว้ที่นี่ไว้นานๆ หยวนเทียนก็นับว่าก็ได้เปรียบแล้ว
ภายในพยับเมฆ ประกายตาหยวนเทียนเย็นยะเยือก มองดูเยี่ยนตี๋สงบเงียบ ไม่เห็นอารมณ์โมโหร้ายและกระวนกระวายใดๆ บนดวงหน้า
เพียงแต่ที่ทำให้หยวนเทียนรู้สึกระแวดระวังในใจคือ เยี่ยนตี๋ก็ท่าทางมั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเช่นเดียวกัน
เยี่ยนตี๋ไม่ร้อนรนจริงแท้ พลางออกดาบ ฟันจนคลื่นวนพยับเมฆเหนือศีรษะแทบจะสูญสิ้น ก่อนจะเอ่ยถามอย่สงสงบนิ่ง “จ้าวเกอ เตรียมพร้อมไปถึงไหนแล้ว?”
ภายในเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ภายในศาลบรรพบุรุษหลังที่พำนัก บัดนี้มหาค่ายกลคุ้มกันที่พำนักบรรพชนโคจรจนถึงขีดจำกัดแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอกำลังยืนอยู่บนศูนย์กลางค่ายกล ข้างกายมีเสาหินท่อนหนึ่งตั้งอยู่ ซึ่งก็คือเสาทางเดินวังเทพนั่นเอง
เสาทางเดินวังเทพฟื้นกลับคืนขนาดเท่าเดิม แต่เพื่อค้ำยันเพดานศาลบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนที่พังทลายเอาไว้ ฉะนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงควบคุมขนาดของมัน ให้สูงประมาณสามหมี่ จึงจะสามารถตั้งไว้ภายในศาลบรรพบุรุษได้
“ทุกอย่างเตรียมพร้อม” เยี่ยนจ้าวเกออมยิ้มเอ่ย
หยวนเทียนมุ่นคิ้ว พลังของมหาค่ายกลคุ้มกันเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน เขาเพิ่งทดสอบดูด้วยตนเองไปเมื่อครู่
อย่าว่าแต่รับมือเขาเลย มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ โดยมากล้วนสามารถมองประหนึ่งไม่มี
ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอจะมากพรสวรรค์แค่ไหน ความห่างชั้นของทั้งสองในตอนนี้ก็ยังห่างไกลยิ่งนัก
หากกล่าวว่าของเหล่านี้สามารถช่วยเหลือเยี่ยนตี๋ได้มาก ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน สถานการณ์รบในตอนนี้ ไม่เกินไปกว่าน้ำน้อยแพ้ไฟ
สนามรบระดับศักดิ์สิทธิ์ในเวลานี้ ไม่ใช่สนามรบที่เยี่ยนจ้าวเกอและตระกูลเยี่ยนคนอื่นๆ จะสามารถเข้ามาสอดได้ หากไม่มีเยี่ยนตี๋คุ้มหัว ก็เป็นเพียงควันหลงการประมือเท่านั้น เพียงพอให้กวาดล้างเขตสัจจเมฆาให้ราบคาบ ยิ่งโจมตีเขตแดนโดยรอบหมื่นลี้จนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
ทว่าลางสังหรณ์เฉียบไวที่บุกตะลุยมากหลายปี กลับกำลังบอกว่าหยวนเทียนกำลังจะมีอันตรายจริงๆ!
หยวนเทียนที่ความคิดแล่นปราดอยู่ในสมองซ้ำแล้วซ้ำอีกราวกับสายฟ้า พลันถอนกายถอยร่นในทันใด!
ทว่าเยี่ยนตี๋ในตอนนี้ฟันดาบหนึ่งออกไป ประกายดาบอันกว้างใหญ่หลอมเพลิงแข็งกล้าเป็นอ่อนแอพันรอบนิ้ว ดาบนภาไร้จำกัดไร้แววแข็งกล้าห้าวหาญโดยสิ้นเชิง
ประกายดาบนุ่มนวลราวกับแม่น้ำยาวคดเคี้ยวก็ไม่ปาน ดูดพยับเมฆบนท้องฟ้าไว้ ทำให้หยวนเทียนหมดทางถอยหนีทันควัน
เห็นดังนั้น หยวนเทียนรู้ดีแก่ใจว่าต้องทำอย่างไร ยิ่งรู้ว่าสถานการณ์ท่าไม่ดีเช่นนี้ ยิ่งต้องถอยหนีก่อนแล้วค่อยวางแผนใหม่
ถึงกระนั้นในศาลบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนด้านล่าง หลังเยี่ยนจ้าวเกอคำนับบรรพบุรุษผู้อาวุโสตามลำดับแล้ว จึงเดินอ้อมเสาทางเดินวังเทพ ขณะเดียวกันที่สืบเท้าออกไป ทุกๆ ก้าวต่อยหมัดหนึ่งออกไปยังเสาทางเดินวังเทพ
เขาเดินต่อเนื่องเก้าฝีเท้า ครั้นต่อยไปแล้วเก้าหมัด เจตนารมณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอก็สาดซัดเสาวังเทพ บนเสาหินทอแสงโชติช่วงจ้าตาขึ้นทันที
บนหน้าผากเยี่ยนจ้าวเกอเปล่งแสงรอยประทับอาคมขึ้น
มหาค่ายกลคุ้มกันเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน ส่องแสงเจิดจ้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เยี่ยนตี๋ที่ประมืออยู่กับหยวนเทียนกลางท้องฟ้า บนหน้าผากเปล่งแสงรอยประทับอาคมขึ้นเช่นกัน
บนพื้นดินแสงอาคมใหญ่และหนาสายหนึ่งสว่างขึ้น พลางยื่นขยายออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเร็วรี่ บริเวณที่ลำแสงเฉิดฉาย เส้นเขตมิติคล้ายกับกำลังขมุกขมัว
ประกายดาบของเยี่ยนตี๋ดูดหยวนเทียนไว้ เงาร่างทั้งสอง กำลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพร่ามัวอยู่กลางท้องฟ้าเช่นกัน
———————————-