ท่ามกลางลมหนาว บนพื้นหิมะปกคลุม มีดอกไม้วิเศษต้นหนึ่งบานสะพรั่ง กลีบดอกซ้อนกันเป็นชั้นๆ ประดุจกลีบเมฆ ส่งกลิ่นหอมสดชื่นกระจายออกมาเป็นพักๆ
ผิวของกลีบดอกไม้แต่ละกลีบมีอักขระแสงส่องประกายวับวาบ ราวกับกองทัพที่ประณีตและงดงามทัพหนึ่ง
นั่นก็คือดอกไม้เมฆาวิญญาณ เป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ
เพียงแต่บัดนี้ความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ได้อยู่ที่ดอกไม้วิเศษนั่น เขายิ้มเย็นมองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ฝั่งตรงข้ามมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ โดยมีคนรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งเป็นผู้นำ บนร่างสวมอาภรณ์ที่มีกลิ่นอายดินแดนของชาวเหนือ
เยี่ยนจ้าวเกอมองเพียงปราดเดียวก็รู้ถึงความเป็นมาของพวกเขา เป็นตระกูลเยี่ยนแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ หนึ่งในตระกูลขุนนางใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากที่สุดในโลกแปดพิภพหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ พวกเขาเช่าดินแดนอยู่ที่เกาะจ้าวแห่งอัสนีพิภพ นับเป็นขุมกำลังจำนวนหยิบมือภายใต้ตำหนักอัสนีสวรรค์แห่งอัสนีพิภพ
ตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะนภากลาง นภาพิภพที่เยี่ยนจ้าวเกอกำเนิด ในเวลานั้นแยกตระกูลออกไปจากตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวจากอัสนีพิภพ
ขณะนั้นทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกันกันจนไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้น ระหว่างทางที่ตระกูลของเยี่ยนจ้าวเกออพยพจากอัสนีพิภพไปยังนภาพิภพ ก็ประสบภัยครั้งใหญ่ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเยี่ยนจากเกาะจ้าวของอัสนีพิภพ
ณ เวลานั้นเยี่ยนตี๋ยังอายุน้อย บิดามารดาของเขาเสียชีวิตในภัยครั้งใหญ่นั้น
ดังนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายพบหน้ากัน จึงไม่ใช่ทั้งคนที่คุ้นเคยกัน หรือผู้สืบทอดสายเลือดเดียวกัน แต่เป็นการพบกันอีกครั้งระหว่างศัตรู ความโกรธแค้นยิ่งทวีคูณ
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงโลกใบนี้ อารมณ์ความรู้สึกของเขาไม่ได้รู้สึกดีหรือร้ายกับตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวจากอัสนีพิภพ เพียงแต่ว่าในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดถึงครอบครัวหรือสายเลือด และดำเนินการเข่นฆ่าครอบครัวเขาจนสิ้นเช่นนั้น หากจะเกิดการปะทะกับพวกเขา แน่นอนว่าไม่มีภาระรับผิดชอบด้านจิตใจใดๆ ทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ฐานะตัวตนของเยี่ยนจ้าวเกอในปัจจุบัน ก็ตัดสินใจจุดยืนของเขาโดยปริยายแล้ว
อีกทั้งคนของตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวตรงหน้านี้ ก็เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นมิตรนัก เช่นนั้นเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีก
“คุณชายขอรับ พวกเขาตั้งใจจะแย่งชิงดอกไม้วิเศษ ข้าน้อยไร้ความสามารถ ป้องกันรักษาไว้ไม่ได้ หากพวกท่านมาไม่ทันกาล เกรงว่าจะไม่สามารถหยุดยั้งได้” จอมยุทธ์ชุดดำที่ล้มอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืน ก่อนจะเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก พยายามเล่าออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้น “ไม่เป็นไร พวกเจ้าพยายามปกป้อง มีความดีความชอบบาดเจ็บเพื่อส่วนรวม ไม่จำเป็นต้องกล่าวโทษตัวเอง”
“ส่วนพวกเขา…” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเย็น มือทั้งสองไพล่หลังแล้วสาวเท้าเข้าไปข้างหน้า
บรรดาคนที่อยู่ตรงข้ามรู้สึกเหมือนกับมีภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งเคลื่อนที่ มุ่งเข้ามาใกล้พวกเขา ตามการก้าวเดินของเยี่ยนจ้าวเกอ
ผู้คนตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวก็ปวดศีรษะอยู่บ้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่จะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้
ชายหนุ่นที่เป็นผู้นำกล่าวว่า “ข้าจำเจ้าได้ เยี่ยนจ้าวเกอ”
“ดอกไม้วิเศษนี้ยังไม่มีเจ้าของ และไม่ใช่เขากว่างเฉิงของเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะ ถ้าหากเจ้าต้องการ พวกข้าจะไม่ขัดขวาง แต่พวกเขาสองคนไม่ใช่คนของสำนักเขากว่างเฉิง เป็นเพียงผู้ติดตามของตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะนภากลางของเจ้า เช่นนั้นมีสิทธิ์อะไรมาขัดขวางไม่ให้พวกข้าเก็บดอกไม้วิเศษ”
“ผู้ติดตามที่แยกตระกูลออกไป ไร้มารยาทกับบุตรสายตรงตระกูลข้า ข้าสั่งสอนพวกเขาก็สมควรแล้ว หรือว่าเจ้ายังคิดจะลงมือกับข้าเพื่อพวกมันอย่างนั้นหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินเช่นนั้น ก็ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกขบขันอยู่บ้าง
อีกฝ่ายมองแต่เพียงดอกไม้เบื้องหน้า จึงไม่เห็นว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างไร ทว่าเมื่อเกิดเสียงลมดังขึ้น ชั่วพริบตาถัดมาเด็กหนุ่มคนนั้นก็ล้มกระเด็นออกไปข้างหลัง
บนแก้มซ้ายของเด็กหนุ่มคนนั้น ปรากฎรอย ‘ภูเขาอู๋จื่อซาน’ ที่น่าสยดสยองรอยหนึ่ง
รอยนั้นเป็นสีแดงเข้มดุจโลหิต เหมือนกับปานดำแต่กำเนิดอย่างไรอย่างนั้น นับเป็นการบอกกับทุกคนอย่างชัดเจน ว่าเขาถูกโจมตีล้มด้วยวิธีใด
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “หากยังไม่ได้สติละก็ ข้าจะช่วยเจ้าฟื้นสติสักหน่อย เยี่ยนเกาะจ้าวกับเยี่ยนเกาะนภากลาง แต่ไหนแต่ไรก็แยกเป็นสองตระกูลนานแล้ว จึงไม่สามารถเรียกว่าเป็นตระกูลสายตรงหรือตระกูลรองได้ เจ้าโจมตีคนของข้า ข้าก็โจมตีคนของเจ้า ใช่จะสนว่าเจ้าเป็นบุตรหลานสายตรงหรือไม่”
ชายชราคนหนึ่งรีบประคองเด็กหนุ่มลุกขึ้น แล้วหันกลับมาจ้องเยี่ยนจ้าวเกอ “เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าลืมกำพืดตัวเอง ดูสิว่าเยี่ยนตี๋จะมีความเห็นอย่างไร!”
“เจ้าอย่าลืมสิ ว่าชื่อของเจ้า แต่ไหนแต่ไรก็กำหนดรากเหง้าของเจ้าเอาไว้แล้ว!”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดเลยจริงๆ ว่าโลกทางด้านนี้ก็มีประโยคที่ว่า ‘เยี่ยนจ้าวมากด้วยชนที่ขับร้องเพลงเพื่อระบายความในใจอันโศกเศร้า’ เช่นกัน
ดินแดนของเยี่ยนจ้าวในโลกแปดพิภพก็คือเกาะโยวกับเกาะจ้าว สองในหกเกาะของอัสนีพิภพ เกาะโยวก็เรียกได้ว่าเกาะเยี่ยนเช่นกัน
“ตั้งแต่ตอนไหนกันที่ตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าว สามารถเป็นตัวแทนของดินแดนเยี่ยนจ้าวได้ พวกเจ้าทำให้เยี่ยนจ้าวขายหน้าสิถึงจะเป็นเรื่องจริง”
คิ้วทั้งสองของเยี่ยนจ้าวเกอยกสูง “หากกล่าวว่าตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะนภากลาง ต้องกลับไปดินแดนแห่งเยี่ยนจ้าวสักหนจริงๆ แล้วละก็ นั่นก็ไม่ใช่การเยี่ยมญาติ แต่เป็นการคิดบัญชี”
“ในตอนนั้นตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวของเจ้าทำอะไรไว้บ้าง พวกเจ้าไม่เข้าใจ แต่ผู้อาวุโสระดับสูงตระกูลของพวกเจ้าคงรู้ดีอยู่แก่ใจยิ่ง”
เยี่ยนจ้าวเกอเอามือไพล่หลัง พูดขึ้นอย่างไม่ใส่นักว่า “คิดบัญชีกับพวกเจ้า เกรงว่าพวกเจ้าต่างก็ไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุในเรื่องนั้น ข้าเองก็คร้านจะเปิดหูเปิดตาให้พวกเจ้า แต่ทำร้ายคนของข้าแล้ว พวกเจ้าคิดจะไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ ลงไม้ลงมือแล้วก็จากไป ตนเองไม่รู้ตัว ให้ผู้คนมารับผิดชอบแทนพวกเจ้าสินะ”
อาหู่ยิ้มจนเห็นฟัน สีหน้าร้ายกาจอยู่บ้าง ราวกับเสือดุร้ายที่กำลังเลือกเหยื่อ ทำให้ผู้คนสั่นเทาแม้ไม่หนาวก็ตาม
เงาคนโดยรอบเคลื่อนไหววับวาบ จอมยุทธ์ชุดดำมากมายปรากฎกายตัว
ชายชราผู้นั้นกล่าวอย่างเกลียดชังว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังโจมตีผู้ใดอยู่ นี่คือคุณชายหมิ่น บุตรสายตรงของท่านหัวหน้าตระกูลข้านะ!”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะหยัน “ช่างเป็นชื่ออักษรข้าง[1]ประตูเสียจริง เช่นนั้นก็น่าจะเป็นบุตรสายตรงในรุ่นนี้ของตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวจริงๆ แล้ว เพียงแต่ระดับความสามารถเช่นนี้แย่ยิ่งนัก ก่อนจะอ้าปากพูด แม้แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็มองเห็นไม่ชัดอย่างนั้นหรือ”
“ระดับความสามารถจะแย่ถึงเพียงใด ก็ไม่ใช่เรื่องที่บุตรตระกูลรองคนหนึ่งเช่นเจ้าจะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ก่อนที่เจ้าจะพูด เจ้าควรเข้าใจฐานะของตนเองให้ชัดเจนเสียก่อน”
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยความเหนื่อยหน่าย “เยี่ยนซ่านรึ”
เยี่ยนหมิ่นที่บนใบหน้ามีรอยฝ่ามือสีแดงโลหิตยังเลอะเลือนไม่ได้สติ ชายชราและจอมยุทธ์ตระกูลเยี่ยนจากเกาะจ้าวคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างกายเขาต่างก็เริ่มเผยสีหน้าดีใจ “คุณชายซ่านมาแล้ว!”
สายฟ้าสายหนึ่งสว่างวาบ พริบตาเดียวเท่านั้น บนยอดเขาหิมะก็ปรากฎร่างของชายหนุ่มที่มีอายุราวยี่สิบหก ยี่สิบเจ็ดปีคนหนึ่ง รูปลักษณ์ของเขาคล้ายคลึงกับเยี่ยนหมิ่นอยู่หลายส่วน ทว่าพลังที่ส่งออกมาทั่วร่างกายกลับแข็งแกร่งเหนือกว่ามาก
สีหน้าท่าทางชายหนุ่มผู้นี้ดุดันรุนแรง ดวงตาทั้งสองประดุจสายฟ้า เหนือศีรษะมีรัศมีแสงลวงตาพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นจอมยุทธ์ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาที่เลื่องชื่อผู้หนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่มีความตกใจแม้สักนิด เขามองอีกฝ่ายอย่างเฉยเมย “เยี่ยนซ่าน เจ้าเองก็ไม่ต่างกับคนที่ไร้สติ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเกรียงไกร แต่ความสามารถไม่ได้เกรียงไกรตาม”
แม้ว่าจะเป็นการพบหน้ากันครั้งแรก ทว่าไม่เหมือนกับเยี่ยนหมิ่น เยี่ยนซ่านที่อยู่เบื้องหน้านี้ เยี่ยนจ้าวเกอคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเขาเป็นอัจฉริยะวรยุทธ์ที่โดดเด่นที่สุด ท่ามกลางคนรุ่นนี้ของตระกูลเยี่ยนจากเกาะจ้าว
ไม่เพียงแต่เป็นผู้โดดเด่นท่ามกลางรุ่นเยาว์ที่ตระกูลเยี่ยนทุ่มสุดกำลังอบรมบ่มเพาะเท่านั้น ยิ่งไปกว่าเขายังเป็นศิษย์สืบทอดสายตรงของตำหนักอัสนีสวรรค์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์อัสนีพิภพ
บุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์แห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ ถูกขนานนามว่าเป็นสี่คุณชายแห่งยุคเช่นเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอ หลินโจว คุณชายฟ้าคำรนก็เป็นจอมยุทธ์แห่งอัสนีพิภพรุ่นเดียวกับเยี่ยนซ่าน ทั้งคู่มีชื่อเรียกรวมที่รู้โดยทั่วกันว่า ‘อัสนีฟาดฟ้าคำรน’
สายตาของเยี่ยนซ่านจดจ้องเยี่ยนจ้าวเกอโดยที่ไม่ละสายตา
แย่งชิงดอกไม้ทำร้ายคน แท้จริงแล้วเป็นเขาเองที่สั่งให้กลุ่มคนของเยี่ยนหมิ่นทำ เพียงแต่เมื่อครู่ตัวเขามีธุระจึงปลีกตัวออกไปก่อน
เยี่ยนซ่านอายุมากกว่า ระยะเวลาในการฝึกฝนยาวนานกว่า แต่ไหนแต่ไรระดับวรยุทธ์ก็สูงกว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่น้อย และเดิมทีก็ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามาโดยตลอด
แต่หลายวันมานี้เยี่ยนซ่านคับแค้นใจเป็นอย่างมาก เพราะหลินโจวที่ประลองเสมอกับเขา หรือไล่เลี่ยกันมาตลอดกลับมีพลังความสามารถและวรยุทธ์พัฒนาทิ้งห่างเขา ทำให้เขากลัดกลุ้มจนถึงขีดสุด
ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอก็เป็นคนที่ภายในหนึ่งปีนี้มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ระดับวรยุทธ์รุดหน้า ผลการรบเกริกก้องเช่นกัน
หลังจากที่ทราบว่ากลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอกำลังเฝ้าดอกไม้เมฆาวิญญาณอยู่ เพลิงโทสะชั่วร้ายภายในใจของเยี่ยนซ่านก็ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ สั่งให้เยี่ยนหมิ่นทำลายเรื่องดีๆ ของอีกฝ่ายเสีย
เนื่องด้วยข่าวคราวที่เขาไร้พรมแดนปล่อยออกมา เดิมตำหนักอัสนีสวรรค์ก็รู้สึกว่าเยี่ยนจ้าวเกอขัดหูขัดตาอยู่แล้ว
ในเมื่อศิษย์สืบทอดหลักของตำหนักอัสนีสวรรค์คือเยี่ยนซ่าน บุตรสายตรงของตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าว เขาจึงยิ่งมองเยี่ยนจ้าวเกอเป็นศัตรู พลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตอนนั้นพวกข้าเนรเทศตระกูลเจ้าแยกออกไป แต่พู่กันหนึ่งเขียนอักษร ‘เยี่ยน’ สองตัวไม่ได้ เยี่ยนเกาะนภากลางของเจ้า ล้วนเป็นตระกูลย่อยของเยี่ยนเกาะจ้าวของข้าตลอดกาล”
“อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้เป็นเยี่ยนตี๋ บิดาของเจ้า แม้เขาจะขึ้นเป็นเจ้าสำนักแห่งเขากว่างเฉิงแล้วก็ตาม นั่นก็ถือว่าเป็นคนของสกุลเยี่ยนเกาะจ้าวที่ย้ายออกไปเช่นกัน”
“บุตรหลักบุตรรองมีความแตกต่าง อ่อนเยาว์แก่ชรามีลำดับขั้น หากเจ้าฝ่าฝืนความสัมพันธ์สัจธรรม ล่วงเกินผู้อาวุโส หลงลืมกำพืดของตน สมควรที่จะต้องลิ้มรสกฎระเบียบแห่งศาลบรรพบุรุษวงศ์ตระกูล!”
………………..
[1] “อักษรข้าง” เป็นส่วนประกอบสำคัญของตัวอักษรจีน นอกจากจะแสดงความหมายของตัวอักษรแล้ว ยังแสดงเสียงของตัวอักษรได้ด้วย